ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1802 เจอถานอวี้ซู
บทที่ 1802 เจอถานอวี้ซู
อาโม่และอาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยิน จึงมองไก่และกระต่ายที่ตื่นตระหนกอยู่ในกล่องใหญ่ข้างกายของเฉินเหมิ่ง แล้วหันมองหน้ากันเลิกลั่ก
คุณหนูหมายความว่าจะเอาไก่กับกระต่ายเหล่านี้เดินทางไปด้วยหรือ?
พูดจบก็รับขากระต่ายของกู้เสี่ยวหวานและกัดกินเข้าไปคำใหญ่ กินไปพลางยังไม่ลืมประจบสอพลอกู้เสี่ยวหวานว่า “แม่นาง ฝีมือของเจ้าสุดยอดจริง ๆ ไม่แปลกใจที่พวกเขาไม่ย่างกันแต่รอแม่นางย่างให้ ครั้งที่แล้วข้าก็ย่างเหมือนกับเจ้า แต่ว่ารสชาติที่ย่างนั้นแย่เกินไปแล้ว เมื่อก่อนย่างก็ยังไม่อร่อย คราวนี้กินเนื้อที่เจ้าย่างแล้ว นี่แหละถึงจะเป็นเนื้อ! ของที่เคยกินก่อนหน้าพวกนั้น นั่นเป็นท่อนฟืน! นี่สิถึงจะอร่อย อร่อยมากด้วย!”
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “ถ้าหากว่าท่านอยากเรียน คราวหน้ากลับเมืองหลวงแล้วท่านก็มาหาข้าที่สวนชิง ข้าจะสอนท่าน!”
“คำพูดนี้จริงรึ?” ติงลุ่นไม่แม้แต่จะกินเนื้อด้วยซ้ำ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเหมือนมีดวงดาวเป็นประกายระยิบระยับ!
“อืม เป็นเรื่องจริง!” กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า
ก็เห็นติงลุ่นกัดเนื้ออีกคำและรีบวางเนื้อไว้ข้าง ๆ มือทั้งสองเช็ดถูบนร่างกาย กู้เสี่ยวหวานกำลังไม่เข้าใจการกระทำของเขา ก็เห็นติงลุ่นคุกเข่าลง ทำท่าทางเคารพเลื่อมใสและตะโกนเสียงดังว่า “ท่านอาจารย์ โปรดรับการกราบไหว้ของลูกศิษย์ด้วย!”
คนผู้นี้กลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเปลี่ยนใจ จึงกราบไหว้อาจารย์ล่วงหน้า!
กู้เสี่ยวหวานถูกท่าทางของติงลุ่นทำให้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก รับคนที่สามารถเป็นพ่อของตัวเองได้มาเป็นลูกศิษย์ล่วงหน้า
กรงที่ไก่กับกระต่ายบินกระโจนกันในกล่องนั้นก็แขวนไว้อยู่หลังรถม้า ในกล่องเต็มไปด้วยไก่กับกระต่าย ระหว่างเดินทางนี้เกรงว่าจะคึกคักไม่น้อย
เฉินเหมิ่งเกลี้ยกล่อมแทบตายว่าไม่ให้ติงลุ่นเอาไปด้วย ระหว่างทางนี้กล่องแขวนไว้อยู่หลังรถม้า ถ้าหากอันผิงจวิ้นจู่ถูกอบจะทำอย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางเป็นกังวลของเฉินเหมิ่ง ในใจกลับไม่เป็นไร ไม่ใช่ว่าตอนที่นางเป็นเด็กนั้นจะไม่เคยอาศัยอยู่ข้างเล้าไก่ อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นฤดูหนาว เมื่อเจอแม่น้ำก็ล้างกรงให้สะอาดก็ได้แล้ว ไม่เป็นไรหรอก!
ติงลุ่นเห็นกู้เสี่ยวหวานตกลงที่จะพาไประหว่างทางด้วย ในใจก็มีความสุขมากจนแทบจะกระโดดโลดเต้นขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ท่านดีที่สุดเลย!”
ภาพท่าทางที่เหมือนเด็กซุกซนนั้น ยังจะเหมือนทหารเสนาธิการที่เป็นที่เคารพรักของกองทัพเสียที่ไหนกัน กลับทำให้กู้เสี่ยวหวานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
หลังจากกินเนื้อเสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อ
พอขึ้นรถม้า กู้เสี่ยวหวานก็เงยหน้าขึ้นมองหุบเขาแห่งความสำนึกผิดที่ซ่อนอยู่หลังป่าทึบข้างหน้า ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงขึ้นมา ความรู้สึกไร้น้ำหนักราวกับจมลงสู่ก้นเหวอย่างกะทันหัน ทำให้นางตัวสั่นทันทีเมื่อขึ้นรถม้า
ความรู้สึกที่ไม่เหมือนปกติทำให้นางรู้สึกแปลกประหลาด
หลังจากที่ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งขึ้นม้าแล้ว ท่าทางและอารมณ์ต่าง ๆ บนใบหน้าเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ก็แข็งทื่อเหมือนน้ำแข็งขึ้นมา
หุบเขาแห่งความสำนึกผิดที่คนทั่วไปไม่สามารถค้นพบได้ ในวันนี้กลับทำให้พวกเขาพบเจอได้อย่างง่ายดาย เป็นไปได้อย่างไรกัน?
หลังจากที่พวกเขากลับเมืองหลวงแล้ว ทั้งสองก็รายงานถานเย่สิง ถานเย่สิงตกใจมากจึงส่งคนออกไปค้นหาหุบเขาที่ลึกลับนี้ แต่กลับคว้าน้ำเหลว
ราวกับว่าหุบเขาที่พวกเขาเคยผ่าน และยังมีไก่กับกระต่ายมากมายที่เคยซื้อ เป็นเหมือนกับความฝัน
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวในภายหลัง
ทุกคนออกเดินทางกันต่อ เผชิญลมและฝนมากมาย หลายคนก็มาถึงเมืองค้าขายแห่งหนึ่ง เดิมทีวางแผนจะพักค้างคืนก่อนออกเดินทาง จะไปรู้ได้อย่างไรว่าโรงเตี๊ยมเล็กๆแห่งเดียวในเมืองค้าขายเล็ก ๆ นี้จะบังเอิญเจอถานอวี้ซูเข้า!
เมื่อเห็นถานอวี้ซูเข้าไปในโรงเตี๊ยม กู้เสี่ยวหวานก็เบิกตากว้างกลัวว่าตัวเองจะมองผิด “อาจั่ว เจ้าดูสิ คนผู้นั้นใช่ถานอวี้ซูหรือไม่?”
ในตอนนี้อาจั่วเองก็เห็นแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่แผ่นหลัง แต่ด้วยความว่องไวและแยบคายของผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ นางมองไปก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยนั้น ก็เป็นฮู้กั๋วจวิ้นจู่!
“เป็นจวิ้นจู่จริง ๆ! คุณหนู….” ทุกคนเห็นถานอวี้ซูแล้ว ต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันขึ้นมา จนกระทั่งหลังจากที่ได้พบกับถานอวี้ซูแล้ว เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเดินทางมาไกลเพื่อมาหาตัวเอง เพราะว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของกู้หนิงผิง ถานอวี้ซูจึงโผเข้าไปในอ้อมแขนของกู้เสี่ยวหวานละร้องไห้เสียงดังขึ้นมา “ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาโดยไม่ได้ลา ข้าเป็นห่วงพี่หนิงผิง แต่ว่าข้าไม่อยากให้ท่านต้องเป็นห่วง! ข้าได้ยินท่านปู่พูดคุยกับรองแม่ทัพเฉิน จึงรู้ว่าพี่หนิงผิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าจึงอยากไปเยี่ยมดูเขา! ฮือ ๆ….”
กู้เสี่ยวหวานกอดถานอวี้ซู น้ำตาก็ไหลลงมาด้วย “เด็กโง่ เจ้ามาที่นี่คนเดียว ถ้าหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจะทำอย่างไร เจ้าจะให้ข้าอธิบายกับหนิงผิงอย่างไร? แม้ว่าเจ้าอยากจะมาก็ต้องบอกข้า ข้าจะได้มาเป็นเพื่อนเจ้า!”
เส้นทางนี้ลำบากในการเดินทางมาก พอเห็นว่าเดิมทีถานอวี้ซูนั้นขาวอมชมพูถูกลมฝนแดดแผดเผาจนมองไม่เห็นความเกลี้ยงเกลา มือเล็ก ๆ ที่เรียบเนียนนั้น เนื่องจากถูกลมพัดและถือสายบังเหียนไว้เป็นเวลานาน ผิวหนังด้านบนจึงกร่อนและเกิดหนังด้านขึ้น สามารถมองเห็นได้จากการเสียดสี
เมื่อนึกถึงถานอวี้ซูที่รักสวยรักงามมาตลอด และมองดูถานอวี้ซูในตอนนี้ยังจะมีท่าทางของจวิ้นจู่ที่สูงศักดิ์เหมือนแต่ก่อนเสียที่ไหน น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานก็ไหลลงมาอย่างไม่หยุด
“ช่วงไม่กี่วันนี้ ลำบากเจ้าแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานสัมผัสใบหน้าที่ซูบผอมเล็กน้อยของถานอวี้ซู และพูดอย่างเจ็บปวดใจ
ถานอวี้ซูส่ายหัวและพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านพี่ ข้าไม่ลำบากเลยสักนิด แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่หนิงผิง ข้าก็แทบทนรอไม่ได้ที่จะบินไปอยู่ข้างเขา ดูว่าเขาจะเป็นอะไรหรือไม่!”
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าถานอวี้ซูมีความรักที่ลึกซึ้งต่อหนิงผิงมาก ในใจก็เหมือนกับได้ลิ้มรสน้ำผึ้ง
“ตลอดชีวิตนี้หนิงผิงมีคนที่ดีอย่างเจ้าก็เป็นวาสนาของเขาแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ “ถ้าหากเขาทำให้เจ้าเสียใจ ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้!”
“ฮือ ๆ…. ท่านพี่ ข้าขอเพียงแค่พี่หนิงผิงสบายดีก็พอ!” ถานอวี้ซูสะอึกสะอื้นไม่หยุด
กู้เสี่ยวหวานประทับใจมาก
หลังจากที่ช่วงนี้ทั้งสองเผชิญลมและฝนไม่ง่ายเลยที่จะมีที่พัก จึงชำระล้างตัวในโรงเตี้ยม หลังจากที่ชำระร่างกายจนสะอาดแล้วก็กินอาหารอีกมื้อใหญ่ จึงรู้สึกเหนื่อยล้าและหลับไป
เมื่อพบฮู้กั๋วจวิ้นจู่แล้วและเห็นว่าฮู้กั๋วจวิ้นจู่ปลอดภัยดี หัวใจติงลุ่นและเฉินเหมิ่งจึงสงบลง เฟยเกอส่งจดหมายไปที่เมืองหลวง บอกท่านแม่ทัพว่าฮู้กั๋วจวิ้นจู่ปลอดภัยดี คนกลุ่มนี้ก็จะออกเดินทางอีก
เดิมทียังเหลือระยะทางอีกครึ่งทาง จึงเร่งให้ทุกคนรีบออกเดินทาง แต่ไม่คิดว่าเมื่อตื่นนอนวันรุ่งขึ้นกู้เสี่ยวหวานจะพบความผิดปกติของถานอวี้ซู
ทั้งตัวร้อนมีไข้ ไม่คาดคิดว่าจะป่วยเข้า