ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 183 เจอหัวหน้าหมู่บ้านระหว่างทาง
บทที่ 183 เจอหัวหน้าหมู่บ้านระหว่างทาง
บทที่ 183 เจอหัวหน้าหมู่บ้านระหว่างทาง
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ตกลงเจ้าค่ะท่านป้าจาง”
กู้เสี่ยวหวานไม่เกรงใจ หลังจากวันอันแสนวุ่นวาย กระดูกของนางก็คล้ายกับกำลังจะแหลกโดยไม่สามารถขยับได้จริง ๆ ยิ่งกว่านั้นหน่อไม้ที่ขุดได้ในวันนี้จะถูกนำออกไป และพวกเขากำลังจะไปที่บ้านของท่านป้าจางพอดี ดังนั้นคงต้องรบกวนท่านป้าจางแล้ว
กลับมาที่บ้านของท่านป้าจาง ทันทีที่เข้าไปในลาน ก็เห็นว่าในลานเต็มไปด้วยหน่อไม้ตากแห้ง ส่วนท่านลุงจางกำลังทำความสะอาด เมื่อเห็นพวกเขากลับมา เขาก็ยังคงไม่หยุดมือ และกล่าวอย่างลำบากใจว่า “ลำบากมาทั้งวันแล้ว คงเหนื่อยกันสินะ! รีบไปพักผ่อนเถอะ ข้าทำอาหารไว้ให้แล้ว!”
“ขาและเท้าของท่านเดินเหินไม่ค่อยดีนัก ทำไมท่านถึงทำหลายสิ่งหลายอย่าง!” ป้าจางพูดด้วยความลำบากใจ “ข้าไม่ได้ให้ฉือโถวมาบอกท่านหรือว่าข้าจะทำมันทีหลัง? ท่านแค่ต้องเก็บหน่อไม้พวกนี้ก็พอแล้ว”
“เฮ้อ มันจะลำบากอะไร! ข้านั่งมาทั้งบ่าย พักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่พวกเจ้านี่สิ การขุดหน่อไม้เป็นงานที่น่าเบื่อและเหนื่อยมาก หลังจากที่ยุ่งมาทั้งช่วงบ่าย คงจะปวดหลังเป็นแน่ พวกเจ้าอย่ายืนนิ่ง รีบไปล้างมือ กินอาหาร และพักผ่อนให้เต็มที่!” ท่านลุงจางผุดยิ้มบนใบหน้า มองกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ใช่ ๆๆ รีบล้างมือแล้วกินข้าว เป็นเรื่องยากเชียวนะที่จะกินอาหารฝีมือท่านลุงจาง พวกเจ้ารีบมาก่อนที่ข้าจะกินหมด” ท่านป้าจางตะโกนด้วยรอยยิ้ม รู้สึกซาบซึ้งอยู่พักหนึ่ง
กู้เสี่ยวหวานมองดูคู่รักที่น่าสงสาร ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ สิ่งที่นางเห็นคือหัวใจอันอบอุ่นที่สุดที่นางประสบในชีวิต!
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและตอบอย่างอ่อนหวาน ในใจก็รู้สึกซาบซึ้ง
ท่านลุงจางทำอาหารเย็นเยอะมาก เพราะเห็นว่าพวกเขายุ่งกันทั้งวัน ท้องคงหิวแล้ว พวกเขากินกันหมดแต่ยังเหลือในหม้อ เมื่อเห็นว่ากินกันไม่ไหวแล้ว ทุกคนก็ลูบท้อง เมื่อเห็นว่าทุกคนอิ่มแล้ว ท่านลุงจางก็ไม่ได้บังคับให้กินอีกต่อไป
“ดูเด็ก ๆ เหล่านี้สิ วันนี้คงเหนื่อยมาก!” ท่านลุงจางกล่าวอย่างลำบากใจ
“เฮ้อ ไม่ใช่หรือ เมื่อข้ามองพวกเขาแบบนั้น ข้าก็รู้สึกเศร้า! ข้าแค่คิดว่าถ้าข้าทำมากกว่านี้ เด็ก ๆ เหล่านี้จะได้ทำน้อยลง อย่างนั้นข้าก็รู้สึกดีขึ้น” ท่านป้าจางก็เห็นด้วย
หลังจากที่พวกกู้เสี่ยวหวานกินอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้พวกเขาปอกหน่อไม้ได้ชำนาญมากขึ้น ท่านป้าจางไปล้างจานและต้มน้ำในหม้อ ฉือโถวมีหน้าที่แบกถังน้ำสะอาดและทำความสะอาดหน่อไม้ที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ปอก และท่านลุงจางมีหน้าที่หั่นพวกมัน
เมื่อท่านป้าจางทำงานพวกนั้นเสร็จแล้ว น้ำก็เดือดพอดี ฉือโถวก็มีหน้าที่ย้ายหน่อไม้ที่หั่นแล้วไปที่ห้องครัว ขณะที่ท่านป้าจางอยู่ในครัวรับผิดชอบในการต้มน้ำ ดูไฟ รอให้สุก จากนั้นตักออกมาให้สะเด็ดน้ำ แผ่มันออกและผึ่งให้แห้ง
ทุกคนทำงานร่วมกันและต้องใช้เวลามากในการทำหน่อไม้แห้งหกตะกร้า กว่าจะเสร็จก็มืดพอดี ฉือโถวจึงขับเกวียนไปส่งพวกกู้เสี่ยวหวานกลับบ้าน
หลังจากกลับมา พวกกู้เสี่ยวหวานก็เหนื่อยเกินกว่าจะมีแรงใด ๆ พวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะล้างหน้า ได้แต่ล้มลงบนเตียงทีละคนและผล็อยหลับไป
อย่างไรก็ตาม ในเช้าตรู่ของวันต่อมา ทุกคนกลับตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น และเมื่อทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้ว เสียงของท่านป้าจางก็ดังมาจากนอกประตู “เสี่ยวหวาน ตื่นหรือยัง?”
กู้เสี่ยวหวานละคนอื่น ๆ เก็บของเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะทำอาหารเช้า ท่านป้าจางก็นำตะกร้าที่คลุมด้วยผ้ามาและไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น
เมื่อท่านป้าจางเปิดผ้า นางก็มองดูเด็ก ๆ แล้วกล่าวอย่างกังวล “เมื่อวานเหนื่อยมากเลยใช่ไหม? ข้าทำอาหารเช้ามาเล็กน้อยแล้วนำมาให้พวกเจ้า ไม่ต้องทำอาหารแล้ว พวกเจ้ารีบกินตอนที่ยังร้อนเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เมื่อเห็นท่านป้าจางหยิบทุกอย่างในตะกร้าออกมา มันเป็นข้าวต้มเนื้อพร้อมกับเครื่องเคียงเพียงพอสำหรับเด็กสี่หรือห้าคนที่จะกิน “ท่านป้าจาง พวกท่านกินข้าวหรือยังเจ้าคะ?”
“พวกเรากินกันหมดแล้ว รีบหน่อย กินตอนที่มันยังร้อน กินเสร็จแล้วก็ไปทำงานกัน! เฮ้อ มันเป็นงานหนักสำหรับเด็กอย่างพวกเจ้าเสียจริง” ท่านป้าจางรู้นิสัยของกู้เสี่ยวหวานดี เดิมทีต้องการให้เด็กเหล่านี้ได้พักผ่อนสักหน่อย แต่นางเข้าใจอารมณ์ที่ไม่ยอมแพ้ของกู้เสี่ยวหวาน แม้นางอยากจะพูดอย่างนั้น แต่กู้เสี่ยวหวานก็คงไม่เห็นด้วย ท่านป้าจางจึงต้องแบ่งเบาภาระของเด็กเหล่านี้จากทางอื่น
พวกกู้เสี่ยวหวานรีบกินข้าวในขณะที่ยังร้อนอยู่ให้เสร็จ เก็บภาชนะและตะเกียบบนโต๊ะอาหารวางไว้ในครัว เมื่อเก็บของเรียบร้อย ก็เตรียมเครื่องมือที่จะใช้ จากนั้นจึงขึ้นไปบนภูเขาด้วยกันในเกวียนวัว
การขึ้นเขาครั้งนี้ต่างจากเมื่อวานเพราะวันนี้ได้เจอกับหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นพวกกู้เสี่ยวหวานนั่งเกวียนขึ้นภูเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็หมองหม่นลงและดูไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมพวกเจ้าถึงขึ้นไปบนภูเขาอีกแล้ว?”
“หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ที่บ้านไม่มีอาหารแล้วเลยต้องไปขุดหาอาหาร ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้เสียหน่อย!” ท่านป้าจางไม่พอใจหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมากที่ช่วยปกปิดเรื่องของญาติตนเองในครั้งที่แล้ว แต่ไม่มีทางอื่น เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน และพวกนางเป็นเพียงสามัญชนที่ยากจน
“ฮึ่ม……” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา เขาไม่พูดอะไรอีกและจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานที่มีท่าทางเมินเฉย
กู้เสี่ยวหวานเพิกเฉยต่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ไม่พูดอะไร ถึงเขาจะเป็นผู้อาวุโสก็ช่าง แต่เขาเป็นคนใจร้าย อย่าโทษคนอื่นที่ไม่ยุติธรรม กู้เสี่ยวหวานไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนดังกล่าวเลย นางไม่แม้แต่จะพูดอะไร สายตามองตรงไปข้างหน้า และไม่แม้แต่จะมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง
นางเพิกเฉยต่อสีหน้าโกรธจัด อย่างไรก็ตามกลับกอดกู้เสี่ยวอี้แน่นเหมือนสมบัติที่สูญหายและเพิ่งถูกค้นพบ เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเห็นการกระทำของกู้เสี่ยวหวานก็คิดได้ว่าเหตุใดเด็กหญิงคนนี้จึงได้ไม่แยแสต่อเขาขนาดนี้ ในใจก็พลันมีร่องรอยของความรู้สึกผิด แต่มันก็เป็นเพียงร่องรอย
“ทุกอย่างในหมู่บ้านเป็นของสำหรับทุกคน ถ้าพวกเจ้ามีวิธีหาเงินที่ดี พวกเจ้าก็ควรบอกคนอื่นด้วย หาเงินไปด้วยกัน!” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกระแอมไอและพูดด้วยความไม่พอใจ
“หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ข้าไม่ชอบฟังสิ่งที่ท่านพูด” ท่านป้าจางพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมีอคติและแสดงท่าทางไม่พอใจ “สิ่งที่ท่านพูด ถ้าว่าตามหลักเหตุผลมันก็ไม่ผิด แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ถูกเช่นกัน”
เมื่อเห็นว่าจางซื่อปฏิเสธคำพูดของเขา เคราของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็กระตุก ก่อนพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ทำไมข้าถึงผิดล่ะ ทุกอย่างในหมู่บ้านเป็นของสำหรับทุกคนในหมู่บ้าน พวกเจ้าไปขุดโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้ายังไม่ได้โทษพวกเจ้าเลย แต่เจ้ายังมาบอกว่าข้าคิดผิด! ข้าผิดตรงไหนกันล่ะ ข้าไม่ได้คิดถึงพวกเจ้าอยู่หรือ นี่ข้าหวังให้พวกเจ้าร่ำรวยและมีกินมีใช้อยู่นะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทีตอนนั้นยังขู่ว่าจะไล่พวกเสี่ยวหวานออกจากหมู่บ้านอยู่เลยนี่?
ไหหม่า(海馬)