ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1831 ลืมไปนานแล้ว
บทที่ 1831 ลืมไปนานแล้ว
ซูหมิ่นกระซิบกับซ่งชิงซือยามที่ไม่มีผู้ใดลอบสังเกต “มันบังเอิญนักที่ข้ามีเรื่องขัดแย้งกับนาง หากไม่ใช่เพราะนาง ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจของข้าก็จะเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวง นางแย่งชิงความรุ่งโรจน์ของกิจการข้าไป ดังนั้นเรื่องนี้นางต้องรับผิดชอบ! ถ้าเจ้าต้องการก็แค่พูดมา แล้วข้าจะช่วยเจ้าอย่างดีที่สุด!”
“ข้าต้องการให้ได้รับรู้รสชาติของความเจ็บปวด แล้วข้าจะรอดูความสามารถของนาง ความจริงแล้วนางก็เป็นสาวชาวบ้านชนบท จะมีวันได้แต่งงานเข้าวังได้อย่างไร!” ซ่งชิงซือพูดอย่างชั่วร้าย
ทั้งสองยิ้มให้กันและกัน
“จวิ้นจู่ ทุกอย่างพร้อมแล้วและงานเลี้ยงสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ!” ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ดีดีดี ขอบคุณคุณชายกู้แล้ว!” ซูหมิ่นเงยหน้าขึ้นและเห็นกู้ฉวนลู่ยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยความเคารพและประจบสอพลอ
“นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ!” กู้ฉวนลู่ไม่ได้คาดหวังว่าซูหมิ่นจะขอบคุณเขา ดังนั้นจึงเอ่ยอย่างมีความสุข
ไม่กี่วันก่อน เขาได้เข้าทำงานร้านจุ้ยอวี้กู่ไจ แน่นอนว่าร้านจุ้ยอวี้กู่ไจแตกต่างจากร้านอาหารในเมืองรุ่ยเสียนมาก
การตกแต่งที่นี่งดงามมาก เขาไม่เคยเห็นร้านอาหารหรูหราเช่นนี้มาก่อน โต๊ะและเก้าอี้ที่นี่ทำจากไม้หวงฮวาหลี ชามและตะเกียบที่ใช้ทานอาหารที่นี่ก็คุณภาพสูงเช่นกัน ทั้งหมดถูกเผาในเตาระดับสูง ทั้งประณีตงดงาม และละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ ตอนนี้กู้ฉวนลู่เป็นคนทำบัญชีของร้านจุ้ยอวี้กู่ไจ และเป็นถึงผู้ดูแลร้าน เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่จึงดีที่สุดในร้านอาหาร
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เมื่อเขาแต่งการด้วยชุดผ้าไหม ตนเองนั้นก็เปรียบเหมือนเจ้านายของทุกคน
และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือกู้ฉวนลู่ไม่เคยพบเห็นผ้าที่ดีเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ในมือเขามีชุดสามชุด และเมื่อสวมมันเขาก็ดูสง่างาม
นอกจากนี้ ยังมีเงินเดือนเดือนละห้าสิบตำลึงเงิน เขาเคยทำงานในร้านอาหารอื่น แต่ในหนึ่งปี เขาไม่สามารถหาเงินได้ถึงห้าสิบตำลึงเงิน!
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งเหล่านี้ กุญแจสำคัญคือ เพียงแค่ยืนอยู่ในร้านจุ้ยอวี้กู่ไจนี้และยืนอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน คนในร้านอาหารก็จะเรียกเขาว่าคุณชายด้วยความเคารพ และแขกเหล่านั้นที่มาทานอาหารไม่ว่าจะร่ำรวยหรือมีเกียรติมาจากไหน เมื่อเห็นเขาก็ต้องให้ความเคารพ!
มีขุนนางสองสามคนที่มาทานอาหารเย็นที่นี่ คนที่ทำงานอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ ตนก็สามารถเจอพวกเขาทั้งหมดได้ ถ้าจือเหวินเข้าสู่การเป็นข้าราชการอย่างเป็นทางการในอนาคต เขาจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้ กลายเป็นว่าจือเหวินก็เหมือนปลาได้น้ำ!
ไม่ถูก หมิงอ๋องมีคนภายใต้บังคับบัญชามากมาย หากเขาได้รับความโปรดปรานจากหมิงอ๋อง จือเหวินอยากเป็นข้าราชการแบบไหน จะทำไม่ได้เชียวหรือ?
ตอนนี้เขาต้องประจบประแจงครอบครัวของหมิงอ๋องเท่านั้น!
“ชิงซือ นั่งกันเถอะ!” ซูหมิ่นจับมือซ่งชิงซือ
จากนั้นก็ได้ยินไฉ่เยว่ที่อยู่ด้านข้างซูหมิ่นพูดเสียงดัง “เชิญคุณหนูทุกท่านนั่งลง”
เมื่อผู้หญิงที่กำลังดูการเขียนพู่กันและภาพวาดได้ยินดังนั้นพวกนางก็เดินไปที่ที่นั่งที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นไม่นาน โต๊ะทั้งสามก็เต็มแล้ว
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ด้านหลัง ดังนั้นนางจึงเลือกที่นั่งด้านหลังโดยธรรมชาติ
ทันทีที่นางนั่งลงก็มีเสียงเอ่ยขึ้นมา “อันผิงจวิ้นจู่ ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ และหมิงตูจวิ้นจู่ เชิญทางด้านบนเจ้าค่ะ!”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เมื่อนางหันไปมองไม่คาดคิดว่าจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าของเขาดูมีเลือดฝาดและสวมชุดผ้าไหมราคาแพง
“ท่านลุง…” กู้เสี่ยวหวานร้องเรียก
กู้ฉวนลู่ไม่แม้แต่จะมองคนที่เรียกตนเอง และรีบก้มศีรษะลง “จวิ้นจู่เรียกข้าว่าท่านลุง ข้ามิบังอาจ ท่านเป็นจวิ้นจู่และข้าเป็นเพียงคนทำบัญชีเท่านั้น! ข้ามิบังอาจ ข้ามิบังอาจ!”
กู้เสี่ยวหวานเห็นใบหน้าที่พึงพอใจของเขา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนเลย ใบหน้าของเขาดูมีความสุขมาก!
เป็นตอนนั้นเองที่ซูหมิ่นก้าวมาหาตนเอง และถามด้วยความประหลาดใจ “คุณชายกู้ ข้าขอให้เจ้าเชิญจวิ้นจู่ทั้งสองนั่งด้านบน แต่ทำไมไม่เชิญมา!”
กู้ฉวนลู่ก้มศีรษะของเขาและพูดด้วยความเคารพ “ตอบกลับจวิ้นจู่ ข้ากำลังไป!”
ซูหมิ่นรีบยิ้มพลางเดินไปดึงกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู “ต้าชิงนี้มีตำแหน่งจวิ้นจู่เพียงเราสามคน ทำไมเจ้าสองคนถึงมานั่งตรงนี้ หากพวกเจ้านั่งที่นี่ คนอื่นจะไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน! มา รีบตามข้าไปยังตำแหน่งของตนเอง!”
หลังจากพูดจบ นางก็พากู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เตรียมเดินออกไป แต่ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเงยหน้ามองไปที่กู้ฉวนลู่ และถามอย่างสงสัย “คุณชายกู้ ข้าได้ยินมาว่าท่านมาจากเมืองรุ่ยเสียน อันผิงจวิ้นจู่ก็มาจากเมืองรุ่ยเสียนเช่นกัน พวกท่านมีแซ่กู้เช่นกัน พวกท่านคงไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันใช่หรือไม่!”
กู้ฉวนลู่ประสานมือนิ่งเงียบไม่พูดจา
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร กู้เสี่ยวหวานจึงพูดว่า “เขาเป็นลุงของข้า!”
“โอ้ ที่แท้คุณชายกู้ก็เป็นลุงของอันผิงจวิ้นจู่! ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลย” ซูหมิ่นยิ้มและปรบมือยกย่อง
จากนั้นกู้ฉวนลู่ประสานมือไปทางซูหมิ่นและพูดว่า “คำพูดของหมิงตูจวิ้นจู่ผิดแล้ว ถึงแม้ข้าจะนับนางเป็นญาติ แต่นางก็เป็นจวิ้นจู่ผู้สูงส่ง แต่นางดูถูกข้าเพราะสถานะที่ต่ำต้อย และเหยียดหยามข้าที่เป็นคนธรรมดา!”
“ท่านไปเอาคำพูดเหล่านั้นมาจากไหน คุณชายกู้? อันผิงจวิ้นจู่เป็นคนใจดี ท่านอย่าใส่ร้ายอันผิงจวิ้นจู่!” ซูหมิ่นตะโกน “ท่านเป็นลุงของอันผิงจวิ้นจู่ นางเองก็มีสายเลือดเดียวกับท่าน แม้ว่าตอนนี้นางจะอยู่ในตำแหน่งสูงส่งและมีอำนาจ แต่นางก็ไม่อาจลืมรากเหง้าตนเองได้!”
คำพูดของซูหมิ่นดึงดูดความสนใจของคุณหนูทุกคนได้สำเร็จ หลังจากฟังคำพูดของซูหมิ่นทุกคนก็หันไปมองกู้ฉวนลู่และกู้เสี่ยวหวาน
ไม่คาดคิดว่าคนทำบัญชีของร้านจุ้ยอวี้กู่ไจจะเป็นลุงของอันผิงจวิ้นจู่ จากน้ำเสียงของคนผู้นี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจอันผิงจวิ้นจู่เป็นอย่างมาก
กู้ฉวนลู่ชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านข้าง แววตาเย็นชา “ออกจากบ้านมานานแล้ว บางทีนางอาจจะลืมไปหมดแล้ว! แม้แต่คนที่มีชีวิตเช่นข้า นางก็ลืมไปแล้ว นับประสาอะไรกับที่บ้าน!”