ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1832 ถูกหรือผิด
บทที่ 1832 ถูกหรือผิด
คำพูดของกู้ฉวนลู่ดูเหมือนจะเหน็บแนมกู้เสี่ยวหวานที่พอกลายเป็นอันผิงจวิ้นจู่และลืมรากเหง้าของตน น่าไม่อายยิ่งนัก!
ซูหมิ่นรู้สึกประหลาดใจ “คุณชายกู้ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ซูหมิ่นและกู้ฉวนลู่ที่กำลังพูดคุยกัน หากแต่ไม่มีโอกาสได้พูด ดังนั้นจึงมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น กู้ฉวนลู่ก็คุกเข่าลงต่อหน้าซูหมิ่นพร้อมกับพูดอย่างโกรธเคือง “ข้าพาครอบครัวเข้าเมืองหลวงมาปีที่แล้ว เดิมทีข้าต้องการพักอยู่กับอันผิงจวิ้นจู่ แต่ท้ายที่สุดแล้วอันผิงจวิ้นจู่ระดับสองเองก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง นางให้เราอาศัยอยู่เพียงชั่วคราวแล้ว แต่รู้ได้อย่างไรว่าท่านจวิ้นจู่จะไม่สนใจใยดีครอบครัว และยังไล่ครอบครัวเราออกมาอย่างโหดร้าย นางไม่ได้ต้องการให้เราอยู่ที่นั้น ครอบครัวที่น่าสงสารของเราไม่คุ้นเคยกับสถานที่ในเมืองหลวงและพวกเราไม่มีทางเลือก ไม่ง่ายเลยที่จะได้รับโอกาสที่ดีเช่นนี้ แล้วตอนนี้ข้าจะกล้าทำตัวสนิทชิดเชื้อกับจวิ้นจู้ได้อย่างไร! นางรังเกียจสถานะที่ต่ำต้อยของเรา และกลัวว่าเราจะทำให้สถานะของนางมัวหมอง! ดังนั้นเราจึงไม่กล้าหวังอีกต่อไป
ใบหน้าของกู้ฉวนลู่เต็มไปด้วยน้ำตา ดูเหมือนว่าเขาจะเสียใจมาก!
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ซูหมิ่นก็เหลือบมองกู้เสี่ยวหวาน เหล่าคุณหนูที่ได้ยินคำพูดของกู้ฉวนลู่ก็แทบจะไม่เชื่อเช่นกัน!
ครั้งล่าสุดมีข่าวลือทุกที่ว่าอันผิงจวิ้นจู่ได้ขับไล่คนใช้ในบ้านออกไป นางยังแสร้งไม่รู้จักลุงและป้าของตนเอง อันผิงจวิ้นจู่คนนี้ช่างเลือดเย็น!
งดงามราวกับดอกไม้และมากความสามารถงั้นหรือ ความจริงแล้วนางเป็นเพียงหญิงชั่วช้า ไม่เคยจดจำความเมตตาของคนอื่นและมักจะทอดทิ้งพวกเขา!
คนแบบนี้จะเป็นอันผิงจวิ้นจู่ได้อย่างไร?
หลังจากซ่งชิงซือได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็จ้องมองที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความโกรธมากยิ่งขึ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเลวทราม ปฏิบัติกับญาติแท้ ๆ และคนรอบข้างของตัวเองแบบนี้ แล้วนางจะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร
เป็นไปได้หรือไม่ว่าถ้าไร้ประโยชน์ นางก็จะเขี่ยทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
ซูหมิ่นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ “อันผิงจวิ้นจู่ ท่าน…ที่คุณชายกู้พูดนั้นเป็นความจริงงั้นหรือ เจ้าขับไล่พวกเขาออกจากบ้านจริง และไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าไปหรือ?”
ความจริง?
ความจริงคืออะไร?
สิ่งที่กู้ฉวนลู่พูดว่านางขับไล่พวกเขาออกจากสวนชิงหรือ?
นี่คือความจริง!
กู้ฉวนลู่คนนี้สามารถเปลี่ยนจากขาวเป็นดำได้ เพียงแค่สาดน้ำสกปรกใส่คนอื่น แต่เขาไม่เคยคิดว่าทำไมคนอื่นถึงปฏิบัติกับเขาแบบนี้!
แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่กู้ฉวนลู่พูดเป็นความจริง!
ตอนนี้นางได้แต่พูดความจริงเท่านั้น
ถ้านางปฏิเสธ มันจะเกิดข้อโต้แย้งขึ้นทันที
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นเรื่องจริง!”
กู้ฉวนลู่ก้มหน้าลงตลอดเวลาและเมื่อได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็หัวเราะเยาะในใจ
ไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานจะพูดอะไร สุดท้ายแล้วนางก็ตกหลุมพรางของกู้ฉวนลู่
ถ้านางตอบว่าไม่ เขาจะต้องเถียงคอเป็นเอ็นและบอกว่านางเป็นคนร้าย และลืมรากเหง้าของตัวเอง ท้ายที่สุดการไล่เขาออกจากบ้านนั้นก็เป็นเรื่องจริง
ถ้านางตอบว่าใช่แสดงว่ากำลังพูดความจริง นางคือคนโหดเหี้ยมที่ไม่สนใจแม้แต่ญาติของตนเอง!
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ พลันเห็นประกายแห่งความสุขส่องประกายบนใบหน้าของซูหมิ่น แต่มันไม่นานก็หายไป นางมองไปที่กู้ฉวนลู่ด้วยความลำบากใจและคร่ำครวญ “นี่…เป็นเรื่องในครอบครัวของท่าน…เป็นความผิดของข้าเอง…”
ใบหน้าของซูหมิ่นเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและโทษตัวเอง เมื่อเห็นสิ่งนี้กู้ฉวนลู่ลูบใบหน้าและพูดตะกุกตะกัก “จวิ้นจู่ อย่าโทษตัวเองเลย ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก ใครที่ปฏิบัติต่อข้าอย่างดี ข้าก็ย่อมปฏิบัติดีต่อเขา ครอบครัวของข้าไม่มีชีวิตที่ดี ในชีวิตนี้ แค่เป็นคนทำบัญชีก็มีความสุขมากแล้ว! ข้ารู้สึกสบายใจมากกว่าเกียรติยศและความมั่งคั่งจอมปลอมเหล่านั้น!”
ซูหมิ่นพยักหน้า “เป็นการดีที่สุดถ้าท่านคิดได้แบบนี้! ข้าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของท่าน แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากท่านมาหาข้าเพื่อทำงานจึงควรทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด! รู้หรือไม่?”
“ข้ารู้ ข้าจะทำให้ดีที่สุดและดูแลร้านจุ้ยอวี้กู่ไจให้ดี!” กู้ฉวนลู่พูดอย่างหนักแน่น ซูหมิ่นจึงพยักหน้าอย่างโล่งใจ
หลังจากซูหมิ่นและกู้ฉวนลู่พูดจบ พวกเขาก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านข้างแล้วพูดว่า “อันผิงจวิ้นจู่ ข้าขอโทษจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นลุงของท่าน ถ้าข้ารู้ วันนี้ข้าคงไม่ให้เขาอยู่ที่นี่!”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าอย่างเฉยเมย “ในเมื่อเขาเป็นคนทำบัญชีของหมิงตูจวิ้นจู่ เขาก็ควรจะอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ข้าไม่ได้รู้สึกเสียใจกับเขา ไม่ว่าเขาจะมาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ไม่ไยดีของกู้เสี่ยวหวาน เลือดของซูหมิ่นก็พลุ่งพล่านในหัวใจของนาง
กู้เสี่ยวหวานนะกู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้ชื่อของเจ้าแย่ลงเรื่อย ๆ ทำไมยังทำเหมือนไม่สนใจอยู่อีก
ดูเหมือนว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ!
ซูหมิ่นเย้ยหยันและถามว่า “อันผิงจวิ้นจู่หมายความว่าอย่างไร สิ่งที่คนทำบัญชีของข้าพูดเมื่อครู่ไม่ถูกต้องหรือ? หรือเจ้าจะบอกว่าไม่ได้ไล่พวกเขาออกไป? อันผิงจวิ้นจู่ ตอนนี้เจ้าเป็นคนที่มีเกียรติ หากสามารถชี้แจงสิ่งเหล่านี้ได้จะเป็นการดีกว่า ท้ายที่สุดแล้วมันเลวร้ายมากสำหรับเจ้าที่จะมีชื่อเสียงว่าเป็นคนอกตัญญู!”
“ขอบคุณหมิงตูจวิ้นจู่ที่เป็นห่วง แต่ข้าไล่พวกเขาออกไปจริง ๆ!” กู้เสี่ยวหวานพูด “ท่านลุงพูดถูก! ข้าไล่พวกเขาออกจากสวนชิง!”
“หมิงตูจวิ้นจู่หมายความว่าเจ้าทำถูกต้องแล้วที่ขับไล่ลุงของเจ้าออกจากสวนชิง?” คุณหนูที่นั่งอยู่โต๊ะตัวที่สามเย้ยหยัน
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองคุณหนูผู้นั้นเบา ๆ พร้อมกับยิ้มจาง ๆ “ถูกหรือผิด ทุกท่านไม่ใช่ว่าเคยได้ยิน และตัดสินมันมาก่อนแล้วหรือ?”
ใบหน้าของซูหมิ่นบิดเบี้ยวหน้าเกลียด
เมื่อมองไปที่คุณหนูที่ขัดจังหวะในตอนนี้ เมื่อคุณหนูคนนั้นเห็นความไม่พอใจของหมิงตูจวิ้นจู่ก็หน้าซีดด้วยความตกใจทันที นางแทบจะมุดศีรษะเข้าไปใต้โต๊ะ!