ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1848+1849 เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นเพื่อนเก่า/ให้ทุกคนมาชิมอาหาร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย
- บทที่ 1848+1849 เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นเพื่อนเก่า/ให้ทุกคนมาชิมอาหาร
บทที่ 1848 เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นเพื่อนเก่า
นายน้อยเสิ่นคนนี้มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี หากแต่เขาไม่ได้มีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนนายน้อยตระกูลร่ำรวยอื่น ๆ ซึ่งพบเจอได้ยาก
และได้ยินเสิ่นเหวินเจวี้ยนพูดต่อไปว่า “ข้าได้ยินว่าเมื่อปีที่แล้วมีคนซื้อผ้าไหมสีเทาในร้านไปหนึ่งผืน อีกทั้งจะทำงานปักบนผ้าผืนนั้น สิ่งนี้ทำให้ข้าตกใจมาก ดังนั้นจึงคิดว่าข้าต้องทำความรู้จักกับแม่นางคนนี้ให้ได้ ข้ารู้สึกว่านางมีวิสัยทัศน์คล้ายกับข้า และมีใจรักในสิ่งที่ตนเองทำ ข้าจึงบอกลูกจ้างในร้านว่าหากครั้งต่อไปนางมาซื้อของที่ร้านของเราอีกให้ลดราคาถูกลง แต่ข้าไม่คิดเลยว่าตั้งแต่วันนั้นแม่นางคนนั้นก็ไม่เคยมาที่ร้านอีกเลย ในใจข้าขอจึงร้อนรน ตอนนี้ข้าจึงต้องขอโทษด้วย!”
หลังจากพูดจบ เสิ่นเหวินเจวี้ยนก็ลุกขึ้นยืนหยิบถ้วยชาตรงหน้ากระดกรวดเดียวหมด
กู้เสี่ยวหวานจำได้ว่า ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเคยบอกกู้เสี่ยวอี้ว่าถ้านางไปซื้อของครั้งต่อไปนางจะได้รับส่วนลด เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้ทั้งสองพี่น้องได้ไม่น้อยและไม่รู้ว่าร้านขายผ้าจิ่นซิ่วกำลังวางแผนอะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มีเจตนาเลวร้าย
กู้ฟางสี่มีความสุขมากที่เห็นว่าผู้มีพระคุณมาที่นี่ เขาได้ช่วยเหลือเราครั้งใหญ่ และในที่สุดเขาก็มาที่นี่ ดังนั้นวันนี้ต้องเชิญเขารับประทานอาหารที่นี่ให้จงได้!
ดังนั้นนางจึงบอกอาจั่วว่าให้กู้เสี่ยวหวานเชิญเขาอยู่รับประทานอาหารเย็นก่อนค่อยกลับ!
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของท่านอา กู้เสี่ยวหวานไม่อาจคัดค้านได้ อย่างไรก็ตามแขกมาที่บ้านของนาง อีกทั้งเขายังมีพระคุณกับพวกนาง ดังนั้นนางจึงตกลง “ได้ได้ ท่านอาเตรียมอาหารได้เลย”
กู้เสี่ยวหวานเห็นด้วย กู้ฟางสี่จึงพยายามเตรียมอาหารอย่างเต็มที่เพื่อเสิ่นเหวินเจวี้ยน
และเมื่อเสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินคำเชิญของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากและตอบตกลงทันที
พวกเขานั่งล้อมวงดื่มชา กู้หนิงอันและเสิ่นเหวินเจวี้ยนพูดคุยเกี่ยวกับอุดมคติของตนเอง และทั้งสองก็พบว่าตนเองนั้นพูดคุยกันถูกคอยิ่งนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่ห้องหนังสือของกู้หนิงอันเพื่อเล่นหมากรุก!
เมื่อเห็นทั้งสองคนมีความสุขเช่นนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ลอบถอนหายใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าฝ้ายที่ใช้สำหรับตุ๊กตาจะมาจากร้านขายผ้าจิ่นซิ่วจริง ๆ!”
ถ้านางรู้ว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนเพียงชื่นชมศิลปะการเย็บปักถักร้อยของกู้เสี่ยวอี้ นางคงไม่ไปซื้อของที่อื่น!
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ตบมือ “ในอนาคต เจ้าสามารถไปซื้อของที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วได้โดยตรง เจ้าจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล!”
“ท่านพี่ เราเข้าใจเขาผิดไป!” กู้เสี่ยวอี้ปิดปากยิ้ม
ทั้งสองพี่น้องหัวเราะคิกคัก บังเอิญว่ากู้เสี่ยวหวานได้เตรียมของขวัญแสดงความยินดีสำหรับฮองเฮาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ดังนั้นนางจึงขอให้กู้เสี่ยวอี้ตามไปที่ห้องเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้!
กู้ฟางสี่ยุ่งหัวหมุนอยู่ในครัวนานกว่าครึ่งชั่วยาม อาหารเจ็ดแปดจานถูกจัดเรียงลงบนโต๊ะ จากนั้นอาจั่วและโค่วไห่ก็เรียกทุกคนมากินข้าว!
อาหารถูกวางไว้ในห้องโถงถัดจากห้องครัวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลานของกู้เสี่ยวหวาน เมื่อพวกกู้เสี่ยวหวานเดินไปที่ห้องโถง กู้หนิงอันและเสิ่นเหวินเจวี้ยนก็เดินเข้ามาพอดี
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุขเหมือนสหายที่รู้จักกันมานาน
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน กู้หนิงอันก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านพี่ นายน้อยเสิ่นและข้าเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นสหายเก่า!”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนกล่าวด้วยว่า “นายน้อยกู้มีความรู้ลึกซึ้งและมีทักษะหมากรุกที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้เหวินเจวี้ยนชื่นชม ไม่รู้ว่าข้าจะมีโอกาสเล่นกับนายน้อยอีกในครั้งต่อไปหรือไม่!”
……
บทที่ 1849 ให้ทุกคนมาชิมอาหาร
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “หนิงอันไม่มีสหายในเมืองหลวง นี่ถือเป็นพรของหนิงอันที่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากนายน้อยเสิ่น หากนายน้อยเสิ่นไม่รังเกียจก็สามารถมาที่สวนชิงได้ทุกเมื่อ หนิงอันของข้าก็จะได้ไม่เหงาเหมือนกัน!”
เมื่อได้ยินว่าเขาสามารถมาที่นี่ได้บ่อย ๆ ใบหน้าของเสิ่นเหวินเจวี้ยนจึงขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความยินดี เด็กหนุ่มรีบประสานมือและกล่าวว่า “นี่คือพรของเหวินเจวี้ยนเช่นกัน!”
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้องโถงและเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารถูกจัดเรียงไว้มากมาย
ปลากุ้ยเหม็น*[1]ที่กู้เสี่ยวหวานหมักไว้เมื่อสองสามวันก่อนได้รับคำชมมากมายจากคนในบ้าน วันนี้เองก็ถูกนำขึ้นโต๊ะเช่นกัน
แม้ว่าปลากุ้ยเหม็นนี้จะมีกลิ่นเหม็น แต่เมื่อรับประทานเข้าไปในปากจะมีกลิ่นหอมพิเศษซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถหยุดกินได้
เสิ่นเหวินเจวี้ยนเป็นคนที่คุ้นเคยกับอาหารจากในหลายพื้นที่ ตอนนี้เขาก็ได้พบปลากุ้ยเหม็นที่ไม่เคยรับประทานมาก่อน
หลังจากนำปลากุ้ยมาหมักแล้ว เมื่อรับประทานจะสัมผัสได้ถึงความแน่นของเนื้อปลา เสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ลองชิมปลากุ้ยเหม็น จากนั้นก็หยุดตะเกียบไม่ได้
ระหว่างมื้อก็ไม่ลืมที่จะชมกู้ฟางสี่ “ท่านอากู้ ฝีมือของท่านดีจริง ๆ!”
กู้ฟางสี่หน้าแดงด้วยความดีใจเช่นกันและพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่ไม่เกี่ยวกับฝีมือของข้าเลย เสี่ยวหวานของข้าเป็นคนทำอาหารหลายอย่างที่เราไม่เคยลองมาก่อน!”
เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนเตรียมอาหารทั้งหมด เสิ่นเหวินเจวี้ยนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเบิกตากว้างและมองไปที่ผู้หญิงที่สง่างามที่ไม่มีใครเทียบได้ด้านข้างเขา นางรู้วิธีกินที่หลากหลายจริง ๆ…
เสิ่นเหวินเจวี้ยนมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความชื่นชม จากนั้นมองไปที่กู้เสี่ยวอี้ที่อยู่ตรงข้ามตัวเอง ในขณะนี้นางก็มองไปที่อันผิงจวิ้นจู่ด้วยท่าทางชื่นชม!
“อันผิงจวิ้นจู่ เป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ ไม่เพียงแต่นางเชี่ยวชาญในบทกวีเท่านั้น แต่ยังเตรียมอาหารได้อย่างยอดเยี่ยม ช่างน่าชื่นชม!” เสิ่นเหวินเจวี้ยนมีสีหน้าอิจฉา “แม่นางกู้ นายน้อยกู้ช่างโชคดีที่มีพี่สาวที่มีความสามารถเช่นนี้!”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนพูดด้วยความจริงใจ กู้หนิงอันที่ด้านข้างเห็นสิ่งนี้และรีบพูดว่า “ถ้าเจ้าว่างก็สามารถมาที่นี่ได้!”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนฟังด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า “ตกลง ตกลง ข้าจะมาแน่นอน ข้าจะมาแน่นอน! ที่นี่มีผู้คนมากมาย มันช่างมีชีวิตชีวา!”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเขา กู้เสี่ยวอี้ก็หัวเราะออกมา “นายน้อยเสิ่น ปกติท่านกินคนเดียวหรือ?”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนรีบส่ายหน้า “ไม่ไม่ไม่ หากข้าอยู่ที่บ้าน ข้าจะกินข้าวกับพ่อและแม่เป็นส่วนใหญ่! พ่อกับแม่เข้มงวดกับข้ามาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตลก แม้แต่เรื่องธรรมดาข้าก็ไม่กล้าพูด!”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ กู้เสี่ยวอี้ก็พูดว่า “นายน้อยเสิ่น ครั้งต่อไปถ้าท่านมีเวลาก็สามารถมากินข้าวที่นี่ได้ แม้ว่าอาหารของเราจะไม่ดีเท่าที่บ้านของท่าน แต่ก็เป็นสถานที่ที่มีอาหารเลิศรสและสร้างสรรค์ที่สุด”
เพื่อป้องกันไม่ให้เสิ่นเหวินเจวี้ยนรู้สึกกดดัน กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มและพูดว่า “นายน้อยเสิ่น ถ้าท่านมีเวลา ท่านสามารถมาที่นี่ได้บ่อย ๆ ตราบใดที่ท่านไม่รังเกียจ ข้าก็จะให้ทุกคนมาเป็นคนชิมอาหารจานใหม่ของข้าด้วยกัน!”
[1] ปลากุ้ยเหม็น ชาวฮุยโจวจะจับปลากุ้ยมาหมักเกลือ ทำเป็นปลาเค็มซึ่งเรียกว่าโซ่วกุ้ยอวี๋หรือปลากุ้ยเหม็น ชาวฮุยโจวทุกบ้านจะกินปลากุ้ยเค็มกันในวันตรุษจีนของทุกปี