ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1874 ครอบครัวเสิ่นที่กระตือรือร้น
บทที่ 1874 ครอบครัวเสิ่นที่กระตือรือร้น
“ทำไม?” กู้เสี่ยวหวานพูดต่อโดยไม่รอคำตอบของซูหมาง “บางทีท่านอาจจำไม่ได้ แต่เมื่อหลายปีก่อนท่านเคยช่วยข้าไว้ครั้งหนึ่ง!”
“ข้าจำได้!” ซูหมางลดเสียงลงและพูดกับกู้เสี่ยวหวาน “จวิ้นจู่ โปรดวางใจ ข้าจะค้นหาความจริงโดยเร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือท่าน! อย่าใจร้อนและอดทนรออีกสักหน่อย!”
หลังจากพูดจบ ซูหมางก็หันกลับและกำลังจะจากไป แต่กู้เสี่ยวหวานหยุดเขาไว้ “ใต้เท้าซู … ”
ซูหมางหันศีรษะกลับไปและได้ยินกู้เสี่ยวหวานถามเขาว่า “ทำไมท่านถึงแน่ใจว่าข้าบริสุทธิ์?”
ทำไมถึงแน่ใจว่านางบริสุทธิ์หรือ?
ซูหมางมองไปรอบ ๆ และเมื่อไม่เห็นใครอื่น ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและพูดด้วยความเคารพว่า “ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้จะช่วยท่านออกไปให้ได้!”
เขาไม่ตอบคำถามของกู้เสี่ยวหวาน แต่หันหลังกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว
แต่กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดที่อธิบายไม่ได้ของเขา
เมื่อครู่ซูหมางอ้างตัวว่า…เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา?
เขาเป็นรองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ ต่อหน้านาง เขาเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทำไมเขาถึงเรียกตัวเองแบบนั้นกัน?
ผู้ใต้บังคับบัญชา…
กู้เสี่ยวหวานไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ผู้ใต้บังคับบัญชา’
นางอยู่ในคุก แต่นางไม่รู้ว่ามีคนข้างนอกมาอ้อนวอนเพื่อนางเป็นระลอก
ถานเย่สิงเขียนจดหมายโดยบอกว่าอันผิงจวิ้นจู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ฮ่องเต้โยนจดหมายทิ้งและเพิกเฉย
ถานอวี้ซูไปขอร้องไทเฮา จนไทเฮารู้สึกรำคาญและในที่สุดนางจึงไม่มาพบหน้าถานอวี้ซูอีก และยึดตราสำหรับการเข้าออกจากวังของนางไป โดยบอกว่าจะคืนให้ หลังจากที่นางสงบสติอารมณ์ได้
ถานอวี้ซูไม่สามารถเข้าวังได้ ดังนั้นองค์หญิงลี่หัวจึงไปที่นั่นแทนอยู่เสมอ ในท้ายที่สุดไทเฮารู้สึกรำคาญกับข่าวลือดังกล่าว ดังนั้น นางจึงบอกว่านางจะเข้าร่วมปฏิบัติธรรมและบูชาพระโพธิสัตว์
นายน้อยของตระกูลเสิ่นก็ถูกกองกำลังรักษาความสงบพาตัวไปเช่นกัน เสิ่นเจี้ยนเซินและควางซื่อก็กำลังมองหาคนที่จะช่วยเสิ่นเหวินเจวี้ยน
กู้เสี่ยวอี้รู้ว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนถูกจับกุมในกองกำลังรักษาความสงบ และรู้ว่าเป็นเพราะตัวเอง นางจึงรู้สึกผิด ดังนั้นนางและกู้หนิงอันจึงไปเยี่ยมใต้เท้าและฮูหยินเสิ่น
เมื่อเสิ่นเจี้ยนเซินและควางซื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้มา พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเด็กหญิงคนนี้คงเป็นผู้หญิงที่ลูกชายของพวกเขาคิดถึงอยู่เสมอ ตอนนี้พวกเขาเจอนางแล้ว นางได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีและพวกเขาก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น
ควางซื่อจับมือกู้เสี่ยวอี้แล้วนั่งลงบนที่นั่ง “เจ้าคือเสี่ยวอี้หรือ? น้องสาวของอันผิงจวิ้นจู่ใช่ไหม?”
กู้เสี่ยวอี้ไม่คาดคิดว่าควางซื่อจะกระตือรือร้นขนาดนี้ นางจึงเขินอายเล็กน้อย “ฮูหยินเสิ่น… ”
กู้เสี่ยวอี้ไม่รู้ว่าเหตุใดนายท่านเสิ่นและฮูหยินเสิ่นจึงใจดีกับนาง นางก็รู้สึกแย่เล็กน้อย เมื่อคิดว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนต้องเข้าคุกเพราะนาง และเดาว่าทั้งสองอาจจะไม่รู้ ดังนั้นนางจึงปล่อยมือของควางซื่อ คุกเข่าลงและเอาศีรษะโขกพื้น “นายท่านเสิ่น ฮูหยินเสิ่น ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษ!”
เมื่อควางซื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้คุกเข่าลง การเอาศีรษะโขกพื้นต้องเจ็บปวดเพียงใด หัวใจของควางซื่อรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินเสียงนี้ นางรีบก้าวไปข้างหน้าและดึงกู้เสี่ยวอี้ขึ้นมาพลางบ่นพึมพำไม่หยุด “เด็กคนนี้ เจ้าโง่หรืออย่างไร รีบลุกขึ้น รีบลุกขึ้น เจ้าเด็กโง่ มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ เจ้าจะเอาศีรษะโขกพื้นทำไม! เสียงนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง!”
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของควางซื่อ กู้เสี่ยวอี้ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น นางน้ำตาคลอและพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา “นายท่านเสิ่น ฮูหยินเสิ่น เรื่องทั้งหมดของนายน้อยเสิ่นเกิดขึ้นเพราะข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้า นายน้อยเสิ่นคงไม่ถูกจำคุก! เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น!”
เมื่อควางซื่อได้ยินกู้เสี่ยวอี้พูดแบบนี้ นางก็ถอนหายใจ ตบมือกู้เสี่ยวอี้ด้วยความรักและพูดว่า “เราไม่โทษเจ้า!”
ไม่โทษนาง?
กู้เสี่ยวอี้มองไปที่กู้หนิงอันซึ่งกำลังขมวดคิ้วอยู่ด้านข้างและไม่สามารถตัดสินใจได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
นางทำให้เสิ่นเหวินเจวี้ยนตกที่นั่งลำบาก แต่ฮูหยินเสิ่นไม่โทษนางอย่างนั้นหรือ?
กู้เสี่ยวอี้รู้สึกไม่สบายใจและไม่รู้จะพูดอะไร!
เสิ่นเจี้ยนเซินมองดูเด็กทั้งสองซึ่งทั้งคู่อายุน้อยกว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนสองถึงสามปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นครอบครัวของอันผิงจวิ้นจู่ และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสาวน้อยผู้เก่งกาจที่เหวินเจวี้ยนกล่าวถึง!
“จือหลาน อย่าทำให้เด็กคนนี้กลัว!” แม้ว่าเสิ่นเจี้ยนเซินจะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสิ่นเหวินเจวี้ยน แต่ในขณะที่พวกเขาได้เจอกับสาวน้อยในใจของเสิ่นเหวินเจวี้ยน ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเจอเด็กคนนี้ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุข ดวงตาของนางตื่นตระหนกเป็นประกายเหมือนดั่งกวาง และความรู้สึกของคนเป็นพ่อก็พุ่งขึ้นมา
เด็กคนนี้และพี่ชายของนางได้รับการยอมรับว่าเป็นบัญฑิตตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเขาประพฤติตัวดี แม้ว่าพวกเขาจะเกิดในครอบครัวเล็ก ๆ แต่ท่าทางของพวกเขาดูไม่เหมือนเด็กทั่วไป และคล้ายเกิดมาจากตระกูลร่ำรวย
“แม่นางกู้ เรารู้แล้วว่าทำไมเหวินเจวี้ยนถึงถูกจับ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรืออันผิงจวิ้นจู่ ดังนั้นอย่าคิดมาก!” เสิ่นเจี้ยนเซินกล่าว
“ใช่แล้ว เด็ก ๆ พวกเจ้าอย่าคิดมาก เหวินเจวี้ยนของข้ารู้เรื่องที่เจ้าไม่มีฝ้ายหยกขาว ดังนั้นเขาจึงรีบไปเมืองหลินนานกว่าครึ่งเดือนก่อนที่จะรีบกลับมา ปีนี้เขาไม่ได้ฉลองปีใหม่ที่บ้าน!” ฮูหยินเสิ่นถอนหายใจและพูดว่า “แต่ไม่เป็นไร โชคดีที่เขาซื้อฝ้ายมาซึ่งถือได้ว่าเป็นทางออกสำหรับความต้องการเร่งด่วนของเจ้า แต่ไม่มีใครคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น!”
“เสิ่น… ฮูหยินเสิ่น ท่านพูดว่านายน้อยเสิ่นออกไปข้างนอกในช่วงส่งท้ายปีหรือ? เขาพยายามไปหาซื้อฝ้ายมาจากที่อื่นอย่างนั้นหรือ?” กู้เสี่ยวอี้ถามด้วยความตกใจ
เมื่อถามเสิ่นเหวินเจวี้ยนในเวลานั้น เขาบอกเพียงว่าเขามีบางส่วนเก็บไว้ในคลัง ดังนั้นเขาจึงนำมันออกมา นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องไปเมืองหลินเพื่อซื้อมันมา!
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้ไม่รู้เรื่อง ควางซื่อก็งุนงงเล็กน้อย “อะไรนะ เหวินเจวี้ยนไม่ได้บอกเจ้าหรอกหรือ?”
“ไม่ เขาบอกข้าแค่ว่ามันมีอยู่ในคลังและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น!” เมื่อกู้เสี่ยวอี้คิดถึงเรื่องที่เสิ่นเหวินเจวี้ยนทำเพื่อนาง จนออกจากบ้านเพื่อไปตามหาฝ้ายหยกขาวมาให้นาง ด้วยความเมตตาดังกล่าว กู้เสี่ยวอี้ก็น้ำตาไหลออกมาทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ ควางซื่อรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาเด็กน้อย “เจ้าร้องไห้เพราะอะไรกัน! มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย ที่เหวินเจวี้ยนไม่บอก ข้าเกรงว่ามันจะทำให้เจ้าเสียใจ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อพูดออกมาแล้วจะทำให้เจ้าร้องไห้เช่นนี้ ข้าไม่น่าพูดเลย!”