ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1876 เป็นหายนะหรือพรหมลิขิต
บทที่ 1876 เป็นหายนะหรือพรหมลิขิต
เหตุใดพวกเขาถึงกระตือรือร้นมากขนาดนี้? อาจเป็นเพราะพวกตนเป็นน้องของอันผิงจวิ้นจู่? ย่อมเป็นไปไม่ได้ ในเมืองหลวงตระกูลเสิ่นมีรากฐานที่มั่นคง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลนี้ได้รับตำแหน่งเป็นตระกูลพ่อค้าผ้าอันดับหนึ่งของอาณาจักร! ตระกูลเสิ่นร่ำรวยมาก แต่ทำไมพวกเขาถึงกระตือรือร้นกับพวกตนทั้งสองคนมากขนาดนั้นล่ะ?
เมื่อนึกถึงตอนที่ฮูหยินเสิ่นจับมือของเสี่ยวอี้ไม่ยอมปล่อย สายตาที่มองมานั้นเหมือนสายตามารดาที่มองลูกสาวด้วยความรัก ถ้าไม่รู้ว่าเสี่ยวอี้เป็นน้องสาวของตัวเอง เขาคงคิดว่าเสี่ยวอี้เป็นลูกสาวที่หายไปนานของควางซื่อ!
ควางซื่อคิดอย่างไรต่อเสี่ยวอี้กัน?
เรื่องนี้ยังถามจากเสี่ยวอี้ไม่ได้
เห็นกู้เสี่ยวอี้บิดผ้าเช็ดหน้าด้วยกังวล เดิมทีนางได้รับการปกป้องจากพี่สาวเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเรื่องมากมายในครอบครัว แต่ท่านพี่ก็ปกป้องนางไว้ด้านหลัง ไม่ให้นางยุ่งเกี่ยวกับสิ่งสกปรกชั่วช้า
นางจึงเป็นเด็กบริสุทธิ์และมีจิตใตอันงดงาม
เป็นเด็กที่มีดวงตาที่สดใส อารมณ์อ่อนโยนเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน!
“ท่านพี่ ท่านคิดว่าตระกูลเสิ่นจะช่วยเราไหม?” กู้เสี่ยวอี้ถามอย่างไม่มั่นใจ “พวกเขาจะไปเมืองหลินเพื่อตามหาคนหรือไม่?”
กู้หนิงอันลืมตาขึ้นและเห็นกู้เสี่ยวอี้มีสีหน้ากังวล จึงรีบจับมือน้องสาวเอาไว้พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “เขาจะช่วย!”
แม้ว่าในวันนี้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดนายท่านเสิ่นและภรรยาถึงกระตือรือร้นขนาดนี้ แต่เขารู้ว่าสิ่งที่เสิ่นเจี้ยนเซินและภรรยาของเขาพูดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน พวกเขาบอกว่าจะไปตามหาคน และพวกเขาจะต้องไปตามหาคนอย่างแน่นอน!
ท้ายที่สุดแล้ว คนที่พวกเขาไปตามหามาจะลบมลทินของนายน้อยเสิ่นได้
ตราบใดฝ้ายหยกขาวที่นายน้อยเสิ่นซื้อเป็นของแท้ เมื่อมาถึงมือของกู้เสี่ยวอี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นของแท้!
“ท่านพี่ ข้าเป็นห่วงท่านพี่และนายน้อยเสิ่นมาก พวกเขาจะสบายดีไหม?” ดวงตาบริสุทธิ์เหมือนกวางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้คนพบเห็นรู้สึกเป็นทุกข์
กู้หนิงอันกอดเสี่ยวอี้ไว้ในอ้อมแขนแน่น เอ่ยปลอบโยน “ต้องไม่เป็นอะไร ท่านพี่และนายน้อยเสิ่นจะสบายดี ไม่ต้องกังวล!”
“ฮือ… ข้าคิดถึงท่านพี่มาก! ฮือ…” กู้เสี่ยวอี้โถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของกู้หนิงอัน และร้องไห้เสียงดัง
กู้หนิงอันไม่รู้ว่าจะปลอบใจนางอย่างไร ดังนั้นจึงได้แต่กอดน้องสาวเอาไว้แน่น ครั้นเห็นท่าทีของน้องสาวเขาก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่รู้ว่าท่านพี่จะต้องเจออะไรบ้างยามอยู่ที่นั้น หัวใจของเขาก็เต้นรัวด้วยความเจ็บปวด
ท่านพี่รอข้าก่อน รอข้าก่อน ข้าต้องหาทางช่วยท่านให้ได้!
ซูจือเยว่อยู่ในโรงน้ำชาเป็นเวลาหลายวัน และจะไม่ออกมาหากไม่มีใครเรียก
ตอนนั้นเองที่หลายชิ่งตื่นตระหนก ตบประตูพลางตะโกนเสียงดัง “นายท่าน เปิดประตู! แม้ว่าท่านจะกังวลเกี่ยวกับอันผิงจวิ้นจู่ แต่อย่าทำแบบนี้ ท่านไม่ทานข้าวไม่ได้! นายท่าน ฮือ…”
หลายชิ่งเติบโตเคียงข้างซูจือเยว่มาตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเป็นผู้ติดตามข้างกายและเปรียบดั่งพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา
เป็นเวลาหลายปีที่ซูจือเยว่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนพี่น้องแท้ ๆ หลายชิ่งคิดว่านายน้อยจะต้องคิดออกหลังจากคิดเรื่องนี้ แต่เขารู้ได้อย่างไรว่านายน้อยจะไม่กินหรือดื่ม เขาขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลาสองวัน เช่นนี้จึงทำให้หลายชิ่งเป็นกังวลอย่างมาก
“นายน้อย นายน้อย…ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดเปิดประตูด้วย! ท่านต้องเป็นห่วงร่างกายตัวเองด้วย!” หลายชิ่งร้องอย่างกังวลซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสะเทือนใจ
ซูจือเยว่ซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งของห้อง เขาไม่ได้กิน ดื่ม และนอนเป็นเวลาสองวัน เขาตกอยู่ในสภาพลำบากใจ ร่างกายเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่เขายังคงก้มหน้าและไม่เอ่ยอะไรสักคำ จนกระทั่งคนข้างนอกตะโกนอีกครั้ง “นายน้อย แม้ท่านจะไม่นึกถึงตัวเอง แต่ท่านก็ต้องนึกถึงฮูหยินและคุณหนูด้วย ถ้าพวกเขารู้ว่าท่านเป็นแบบนี้ก็คงจะรู้สึกแย่มาก!”
ขณะที่หลายชิ่งพูดก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ภายใน หลายชิ่งกระทืบเท้าด้วยความโกรธและพูดว่า “นายน้อย ท่านทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่สามารถช่วยอันผิงจวิ้นจู่ได้ แต่จะทำให้นางดูถูกท่านด้วย ตอนนี้นางยังถูกขังอยู่ในคุก ถ้าท่านดูแคลนตนเองแบบนี้แล้วนางรับรู้เขา นางจะคิดอย่างไรกับท่าน? นางจะมองท่านอย่างไร?”
เมื่อซูจือเยว่ได้ยินคำว่าอันผิงจวิ้นจู่ ทันใดนั้นซูจือเยว่ก็เงยหน้าขึ้น แววตาที่เคยว่างเปล่าก็สดใสขึ้นในทันที ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่
ใช่แล้ว ถ้าเขาปล่อยให้ตนเองเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีวันที่จะได้ช่วยเหลืออีกฝ่าย ทันใดนั้นซูจือเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาต้องหาทางช่วยนาง ในอนาคตเขาจะมีหัวข้อให้พูดคุยกันมากขึ้น และมีโอกาสพบนางมากขึ้น เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น
เขารีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูแล้วเปิดประตูออกอย่างแรง
หลายชิ่งเห็นนายน้อยที่มีท่าทีเหนื่อยล้า
หลายชิ่งเคยเห็นรูปลักษณ์ของบุตรแห่งสวรรค์เช่นนี้เมื่อใด เขาไม่เหมือนมนุษย์และไม่เหมือนวิญญาณ ในเวลาเพียงสองวัน ชายหนุ่มที่เคยมีรูปโฉมงามนั้นเปลี่ยนไปขนาดนี้
หลายชิ่งรู้สึกเจ็บปวดในใจ และความคิดที่จะปล่อยให้นายน้อยคิดหาทางออกด้วยตัวเองก็พังทลายลงในทันที
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ แม้ว่านายน้อยจะต้องคิดเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต บางทีเขาก็อาจจะไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ!
ความรักที่ฝังรากลึก ความลุ่มหลงที่ซึมเข้าไปในเลือดและไขกระดูก เขาจะเข้าใจได้อย่างไร!
“หลายชิ่ง บอกข้าสิว่านางไม่ต้องการเห็นข้าแบบนี้จริง ๆ หรือ?” ดวงตาของซูจือเยว่เป็นประกาย เขาจับมือหลายชิ่งราวกับว่าเป็นเหมือนความหวังของนักเดินทางที่กำลังจะตายเพราะเดินทางในทะเลทรายมานานและในที่สุดก็เห็นบ่อน้ำ
หลายชิ่งคร่ำครวญในใจ นี่คือนายน้อยที่มีความรู้และความสามารถ!
ส่วนเรื่องความรัก นายน้อยที่ผ่านโลกมามากแต่ก็หนีไม่พ้นคำนี้
ไม่รู้ว่าการเดินทางไปวัดกว่างหยวนในวันนั้นเป็นหายนะหรือพรหมลิขิต!
หลายชิ่งทนไม่ได้ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลั้นน้ำตาและพยักหน้าอย่างหนัก “ในตอนนี้อันผิงจวิ้นจู่กำลังอยู่ในคุก และไม่มีใครสามารถช่วยนางได้ ถ้าท่านสามารถช่วยชีวิตนางได้ นางก็จะจำท่านได้ ใช่หรือไม่?”