ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1882 พี่สาวจะแย่งมันมาให้เจ้า
บทที่ 1882 พี่สาวจะแย่งมันมาให้เจ้า
ภายในห้อง เฉินเหมิ่งกำลังยืนอยู่ในลานและด้านข้างเขาเป็นทหารยามแต่งกายเต็มยศหลายคน ทุกคนถือดาบและจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่านางยังมีลมหายอยู่หรือไม่
เมื่อเฉินเหมิ่งเห็นผู้หญิงคนนั้นเข้ามา เขารีบกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นโยนตะกร้าลงบนพื้นและคุกเข่าข้างหนึ่ง “รองแม่ทัพเฉิน…”
ฟังดูเหมือนเสียงเด็กสาว!
“ลุกขึ้น!” เฉินเหมิ่งถอนหายใจและพูดว่า “จับคนคนนี้และสอบปากคำให้ดี!”
ทหารคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้า และลากตัวหญิงคนนั้นมา
“จวิ้นจู่…เหอะเหอะ…” เฉินเหมิ่งยิ้มอย่างเย็นชา
ประโยคสุดท้ายเป็นแค่บททดสอบ ไม่นึกว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
จวิ้นจู่องค์หนึ่งอยู่ในอาการหมดสติภายในจวน และอีกคนถูกคุมขังในคุกของกองกำลังรักษาความสงบ จวิ้นจู่ที่ผู้หญิงคนนั้นบอก…อาจเป็นซูหมิ่นที่โหดเหี้ยม!
ข้าไม่เคยคาดคิดว่าสาวใช้ของฮู้กั๋วจวิ้นจู่จะกลายเป็นคนของหมิงตูจวิ้นจู่
เฉินเหมิ่งรู้ว่าอาชิงคนนี้อยู่ข้างกายฮู้กั๋วจวิ้นจู่ แต่ไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นคนของซูหมิ่นตั้งแต่เมื่อใด! ถานอวี้ซูถูกซูหมิ่นจับตามองอยู่เสมอ เมื่อใดก็ตามที่นางทำอะไร อาชิงจะนำไปรายงานแก่ซูหมิ่น!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินเหมิ่งก็รู้สึกสั่นสะท้าน
ถ้าซูหมิ่นมีความตั้งใจที่จะฆ่าฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ถานอวี้ซูก็คงไม่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน
“ใต้เท้าติงกลับมาแล้วหรือ?” เฉินเหมิ่งขมวดคิ้วและถาม
ทหารยามที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงตอบว่า “ยังขอรับ!”
เฉินเหมิ่งโบกมือ “กลับไปก่อน อย่าให้เรื่องนี้แผ่ออกไปได้เด็ดขาด”
นอกจากนี้กู้หนิงอันกำลังรอข่าวจากตระกูลเสิ่นที่จวนอย่างใจจดใจจ่อ หัวใจของ
เขาเป็นกังวลแทบตาย
กู้เสี่ยวอี้กับกู้หนิงอันรออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในขณะที่กู้ฟางสี่ก็จุดธูปบูชาอธิษฐานว่าขอไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานและเสิ่นเหวินเจวี้ยน
ไม่มีใครรู้ว่าซูจือเยว่พูดอะไรกับซูหมางในวันนั้น และไม่มีใครรู้ว่าซูหมางพูดอะไรในตอนท้าย
ทั้งหมดที่รู้ก็คือซูจือเยว่ออกจากกองกำลังรักษาความสงบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง และทันทีที่เขาก้าวออกไปก็มีคนรายงานเรื่องของเขาต่อกุ้ยเฟยและหมิงตูจวิ้นจู่เรียบร้อยแล้ว
วังกุ้ยเฟยหมุนถ้วยชายในมือ หลังจากได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมอันน่าตกใจของซูจือเยว่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจว่าทำไมซูหมิ่นถึงเกลียดกู้เสี่ยวหวานเข้ากระดูก!
สุดท้ายคนที่นางรักดันไปรักคนอื่น เช่นนั้นแล้วจะไม่เกลียดอีกฝ่ายได้อย่างไร
วังกุ้ยเฟยหัวเราะ มองไปเด็กน้อยที่เล่นอยู่ด้านข้าง นางลูปหัวอีกฝ่ายพลางพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าการเดินทางของเราจะราบรื่นขนาดนี้”
เด็กน้อยคนนั่นเป็นเพียงเด็กอายุแปดเก้าขวบ สิ่งที่วังกุ้ยเฟยกล่าวเขาจึงยังไม่เข้าใจอะไรเลย
วังเหลียนฉิวเงยหน้าขึ้นและมองดูใบหน้าที่งดงามและสดใสของพี่สาว ในใจของเขามีความสุขมาก เขาก้าวไปข้างหน้าและกอดวังกุ้ยเฟย “ท่านพี่ ท่านพูดว่าอะไรราบรื่นมากหรือ!”
วังกุ้ยเฟยลูบศีรษะของน้องชายและพูดด้วยความรัก “ไม่มีอะไรหรอก! เมื่อโตขึ้นเจ้าจะเข้าใจเองโดยธรรมชาติ”
วังเหลียนฉิวยังคงไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงพูดอีกครั้ง “ท่านพี่ ท่านพูดเสมอว่าเมื่อโตขึ้นแล้วข้าจะเข้าใจ แต่เมื่อไหร่ข้าจะโตกันล่ะ!”
“เมื่อเจ้าสูงเท่าข้า เมื่อเจ้ามีความรู้เท่าบัญฑิต และในจวนไม่มีใครรังแกเจ้าอีกต่อไป นั่นแปลว่าเจ้าเติบโตขึ้นแล้ว!” วังกุ้ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
วังเหลียนฉิวไม่เข้าใจ แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อเขาเรียนรู้ เขาก็จะเติบโตขึ้น!
“ท่านพี่ ข้าจะโตไว ๆ! ท่านไม่ต้องห่วง!”
“แน่นอน ข้าไม่เป็นห่วงเจ้าอยู่แล้ว” วังกุ้ยเฟยโอบน้องชายไว้ในอ้อมแขน “ท่านแม่จากไปแล้ว ข้าคนนี้จะปูทางให้เจ้าเอง มันเป็นของเจ้ามาตั้งแต่แรก พี่สาวคนนี้จะแย่งมันกลับมาให้เจ้าอย่างแน่นอน เจ้าเพียงต้องเติบโตขึ้นอย่างดีและปกป้องสิ่งที่ข้าทำให้เจ้าก็พอ”
วังเหลียนฉิวไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของวังกุ้ยเฟยก็พยักหน้าหงึกหงัก “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องสิ่งที่ท่านทำให้ข้าอย่างแน่นอน!”
แม้ว่านางจะรู้ว่าสิ่งที่เด็กพูดไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการได้ยิน แต่วังกุ้ยเฟยก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญและชื่นชมด้วยรอยยิ้มยินดี นางกอดวังเหลียนฉิวไว้ในอ้อมแขน นางก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป แต่แววตาที่ดุร้ายในดวงตาของนางทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
มีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏที่มุมปาก
อันผิงจวิ้นจู่กลายเป็นคนที่ซูจือเยว่รัก! ไม่น่าแปลกใจที่ซูหมิ่นอยากจะฉีกร่างของกู้เสี่ยวหวานเป็นชิ้น ๆ!
ไม่รู้ว่าถ้าข้าเสนอที่จะช่วยกู้เสี่ยวหวาน ซูจือเยว่จะภักดีต่อตนเองหรือไม่? เมื่อนึกถึงการสนับสนุนจากตระกูลซูในอนาคต วังกุ้ยเฟยก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง
ส่วนกู้เสี่ยวหวานจะรอดหรือไม่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะต้องมาใส่ใจ ถ้านางช่วยซูจือเยว่ก็จะสามารถนำซูจือเยว่มาอยู่ภายใต้ตนเองได้!
ตอนนี้นางได้รับการสนับสนุนจากตระกูลวังเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่เพียงพอ! เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีอุปสรรคจากตระกูลห่าวและตระกูลซู!
หากสุดท้ายซูจือเยว่ได้แต่งงานกับหมิงตูจวิ้นจู่ บางทีอาจจะยังมีจวนหมิงอ๋องอีก!ตราบใดที่มีคนจำนวนมากสนับสนุนนางอยู่เบื้องหลัง นางย่อมสามารถเทียบเคียงฮองเฮาได้!
ไทเฮาไม่พอใจฮองเฮาอย่างมาก
ฮ่องเต้อยู่บนบัลลังก์มาหลายปีแล้ว และเขาก็เป็นผู้ใหญ่เต็มวัย แต่ไม่มีใครในวังนี้ให้กำเนิดทายาท นี่เป็นข้อห้ามใหญ่ในพระราชวัง!
นางสัมผัสหัวของวังเหลียนฉิว และคิดแผนการอื่นในใจ
และหลังจากที่ซูหมิ่นรู้ว่าซูจือเยว่ไปที่กองกำลังรักษาความสงบเพื่อขอร้องให้กู้เสี่ยวหวาน นางก็โกรธจนแทบจะทุบทำลายทุกอย่างในบ้านทิ้ง ใบหน้าที่ดุร้าย เส้นเลือดปูดโปน จิตใจแทบรอไม่ไหว อยากจะไปที่กองกำลังรักษาความสงบ บีบคอกู้เสี่ยวหวานให้ตายตกไปเสีย
ด้วยวิธีนี้ ซูจือเยว่จะไม่มีบุคคลนั้นอยู่ในใจอีกต่อไป!
เมื่อเห็นซูหมิ่นอารมณ์เสีย ไฉ่เยว่ก็คร่ำครวญในใจ ทำไมกู้เสี่ยวหวานคนนี้ถึงยังมีชีวิตอยู่ ถ้านางตาย ๆ ไปจวิ้นจู่ก็จะไม่ต้องโกรธเช่นนี้อีก
นางไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานคนนี้ทำอะไรให้นายน้อยซู นายน้อยซูจึงยอมติดคุกเพื่อนาง!
กู้เสี่ยวหวานคนนั้นต้องโทษประหารชีวิต โทษประหารชีวิต!
นายน้อยซูผู้มีความรู้และความสามารถไม่ใช่ไม่รู้ แต่เขาเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้และไปวอนขอความเมตตา!