ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1887 เจ้ามาเป็นสาวใช้ของข้าเถอะ
บทที่ 1887 เจ้ามาเป็นสาวใช้ของข้าเถอะ
เจี่ยงหนานซางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยแววตาเคร่งขรึม ราวกับว่ารู้ว่านางต้องการทำอะไร ทันใดนั้นเขาก็พลิกมือขวาของนางและจับมัดเอาไว้
มือขวาของกู้เสี่ยวหวานยื่นออกไปด้านนอกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ กู้เสี่ยวหวานดึงแขนตนเองกลับมา แต่ก็ถูกกระชากกลับไปอีกครั้ง
ศีรษะของนางแนบสนิทกับประตูห้องขัง เจี่ยงหนานซางย่อตัวนั่งลงช้า ๆ ข้างหน้านาง ระยะห่างของทั้งสองมีเพียงประตูห้องขังกั้นเท่านั้น ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นดูน่ากลัว
“เจ้าจะทำอะไร? คิดว่าจะหนีไปไหนได้งั้นหรือ?” เจี่ยงหนานซางแสยะยิ้ม ชวนน่าขนลุกขนพอง “ห้องขังเล็ก ๆ แบบนี้ แค่ข้าเอื้อมมือ คิดว่าจะยังรอดงั้นเหรอ?”
“เจ้า…เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?” หลังจากกำจัดความตื่นตระหนกทิ้ง กู้เสี่ยวหวานก็เริ่มสงบลง
“ขอข้าดูหน่อยว่าอะไรอยู่ในมือเจ้า!” กระชากกู้เสี่ยวหวานเข้ามาใกล้ เผยให้เห็นสร้อยข้อมือเส้นสวยเส้นหนึ่ง
“สิ่งนี่คืออะไรกัน?” เจี่ยงหนานซางถอดสร้อยข้อมือเส้นนั้นออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาออกแรงกดมันเบา ๆ เข็มดอกสาลี่จำนวนมากพุ่งออกมาจากสร้อยข้อมือ เจาะเข้าไปในพนัก
“ข้าไม่คิดว่าหญิงเช่นเจ้าจะมีของเช่นนี้! เหอะเหอะ น่าประหลาดใจยิ่งนัก?” เจี่ยงหนานซางหัวเราะ
“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่” อาวุธป้องกันตัวเพียงชิ้นเดียวในมือของนางถูกนำออกไปแล้ว หากแต่กู้เสี่ยวหวานยังแสร้งทำเป็นสงบ ไม่มีท่าทางตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าจะฆ่าเจ้าไง!” เจี่ยงหนานซางเอ่ยราวกับว่ากำลังเชิญหญิงสาวตรงหน้าไปรับประทานอาหารด้วยกัน “มีคนต้องการปลิดชีวิตเจ้า และจ่ายในราคาสูงเพื่อขอให้ข้าฆ่าเจ้า! เจ้าก็รู้ ข้าชอบมองหน้าก่อน และคนผู้นั้นก็จะตายด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง … นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ฆ่าคน ข้าลืมเลือนความรู้สึกนั้นไปแล้ว หรือไม่…เจ้าก็ลองแสดงดูสักหน่อยสิ?”
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” กู้เสี่ยวหวานมองใบหน้าที่ไม่ยี่หระของอีกฝ่าย และถามเสียงหนักแน่น “ใครส่งเจ้ามากันแน่?”
“เรื่องนั้นข้าพูดไม่ได้!” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานฉลาดทันคน ทันใดนั้นเจี่ยงหนานซางก็เกิดความรู้สึกอยากหยอกล้อในใจ “เจ้าลองพูดมาสิ จวิ้นจู่ฉลาดนักไม่ใช่หรือ? ไม่งั้นคงมองข้าไม่ออก?”
กู้เสี่ยวหวานแค่นเสียงอย่างเย็นชา “จริงหรือ? ถ้าเจ้าไม่บอกข้าว่าใครส่งเจ้ามาที่นี่ แต่ข้าก็สามารถเดามันได้!”
“โอ้? เจ้ารู้หรือว่าใครส่งเจ้ามา” มือเหี่ยวย่นของเจี่ยงหนานซางไล้ไปตามผมยาวสีขาวบนหน้าอก พลางกระตุกยิ้มมุมปาก
“หมิงตูจวิ้นจู่ แลกเปลี่ยนสิ่งใดกับเจ้าจึงขอให้เจ้าฆ่าข้า!” กู้เสี่ยวหวานแค่นเสียงเย็นชา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ๆ มันคือทองหมื่นตำลึงเงิน และสมบัติล้ำค่ามากมาย!”
“ข้าไม่คาดคิดว่าข้าจะมีค่ามากมายต่อหมิงตูจวิ้นจู่!” กู้เสี่ยวหวานเยาะเย้ย “ข้าแค่อยากรู้ว่าหมิงตูจวิ้นจู่ขอให้เจ้าฆ่าข้าได้อย่างไร! วันนั้นที่วัดกว่างหยวน หมายความว่าอย่างไร!”
“แน่นอนว่ามีคนบอกหมิงตูจวิ้นจู่ว่าเจ้าจะไปวัดกว่างหยวน ในวันนั้นข้าเพื่อสืบหาว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร เวลาจะฆ่าใคร ข้าต้องรู้จุดอ่อนเป้าหมายก่อน! ข้าไม่สามารถลงมือฆ่าใครได้ในทันที!” เจี่ยงหนานซางยิ้มอย่างมีความสุข “หากข้ารู้จุดอ่อนของเป้าหมายแล้ว หากวันไหนอารมณ์ดีก็จะไม่ลงมือ แต่ถ้าข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าก็ลงมือทันที”
“ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเจ้าจะแปรปรวนหลังจากพบหน้าข้า!” กู้เสี่ยวหวานจงใจยื้อเวลาออกไป แม้แค่เพียงเสี้ยวลมหายใจก็ยังดี
หากคนผู้นี้ลงมือจริง ๆ ตอนนั้นย่อมมีทางรอดแน่นอน ลองดูกันว่าตนเองจะสามารถเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้หรือไม่ ไม่แน่นางอาจทำให้เขากลัวหัวหดเลยก็ได้
“ไม่…” เจี่ยงหนานซางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้มเต็มไปด้วยความหมาย “ข้าอารมณ์ดีมาก!”
“เจ้าอารมณ์ดี แต่ก็ยังมาเพื่อปลิดชีพข้างั้นเหรอ?” กู้เสี่ยวหวานถามกลับ
“เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจ ข้ายังไม่อยากให้เจ้าตาย! โดยธรรมชาติแล้ว ข้าอยากจะส่งต่อภารกิจนี้ไปให้คนอื่น หากข้าไม่รับภารกิจนี้ หมิงตูจวิ้นจู่ส่งคนอื่นมาทำแทน! แต่ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตาย ดังนั้นวันนี้จึงต้องมาที่นี่!”
ภายในห้องใต้ดินที่เย็นยะเยือกนี้ เสียงของเจี่ยงหนานซางสะท้อนทั่วทุกมุมห้อง ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะรู้ว่าบุคคลนี้ไม่สามารถเข้ามาในห้องขังได้ แต่นางก็ต้องผงะถอยหลังหนีด้วยความกลัว
“ข้ามาช่วยเจ้าออกไป แล้วเจ้าก็มาเป็นสาวใช้ของข้า เป็นอย่างไร?”
“ฝันไปเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานตะโกน
“จริงหรือ?” เจี่ยงหนานซางยืนขึ้นทันที ร่างเขาสูงจนบดบังแสงส่วนใหญ่ภายในห้องใต้ดินนี้ “เจ้ารู้ไหมว่ามีผู้หญิงหลายคนในดินแดนนี้อ้อนวอนให้ข้ามองนาง? ข้าขอให้เจ้ามาอยู่รับใช้เคียงข้างข้า แต่เจ้ากลับไม่ต้องการ!”
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขาหยิบโซ่เหล็กที่ประตูห้องขังขึ้นมาเบา ๆ ไม่นานมันก็ตกลงกระแทกพื้นเสียงดัง
กู้เสี่ยวหวานตกใจเมื่อเห็นว่าเจี่ยงหนานซางก้าวเข้ามาด้านในห้องขังด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้เห็นผู้หญิงคนไหนที่น่าสนใจเท่าเจ้านานแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่เอาชีวิตเจ้า ตามข้ามาเถอะ ถ้าจะให้เจ้ามีชีวิตต่ออีกสักสองสามวัน เมื่อเล่นกับเจ้าเบื่อแล้ว ค่อยฆ่าเจ้าทิ้งเป็นอย่างไร? ตกลงไหม?”
กู้เสี่ยวหวานถอยหลังไปสองสามก้าว ขดตัวเข้ากลับมุมห้อง แต่ชายคนนั้นยังคงก้าวเข้ามาช้า ๆ สวมเสื้อคลุมสีดำปลุกคลุมร่างกายของเขาราวกับค้างคาวที่เดินอยู่ในความมืด!
“เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่!”
เมื่อเห็นว่ามืออีกฝ่ายกำลังแตะลงบนไหล่ของกู้เสี่ยวหวาน ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และสีหน้าของเจี่ยงหนานซางแปรเปลี่ยนเป็นมืดมน “ยังมีคนมาช่วยเจ้าอีกหรือ?”
เจี่ยงหนานซางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แค่นเสียงเย็นออกมาอีกครั้ง “นี่คือฝีมือชั้นเซียน! ข้าไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่ทรงพลังเช่นนี้มาช่วยเจ้า! กู้เสี่ยวหวาน ข้าควรทำอย่างไร? ข้าเริ่มสนใจเจ้ามากขึ้นแล้ว! รอก่อนเถอะ สักวันข้าจะมาพาเจ้าไป!”
หลังจากเจี่ยงหนานซางพูดจบ เงาร่างสีดำก็เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวหวานตกใจเมื่อพบว่าชายคนนั้นหายไปในพริบตา
เมื่อนึกถึงดวงตาชั่วร้ายของชายผู้นี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าขาแข้งของตนเองอ่อนแรง และในขณะที่นางกำลังจะล้มลง ก็มีอ้อมกอดอันคุ้นเคยโอบกอดนางไว้
“หวานเอ๋อร์…”