ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1893 นางยังไม่ตาย
บทที่ 1893 นางยังไม่ตาย
“เจ้ามันไร้มโนธรรม ตุ๊กตาราคาหลายพันตำลึงเงิน แต่เจ้าก็ยังใช้เฟยสวี้ในนั้น! ลูกชายผู้น่าสงสารของข้า ปากและจมูกของเขาเต็มไปด้วยเฟยสวี้ เขาหายใจลำบาก ก่อนที่เขาจะตายใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาทั้งบวมทั้งแดง กู้เสี่ยวหวานเจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่ คนสารเลว คนสารเลว!”
ห่าวอิ๋งน้ำตาหลั่งรินอาบใบหน้า ผู้พบเห็นต่างรู้สึกสะเทือนใจต่อภาพ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อและแม่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อต้องเผชิญกับความเศร้าโศกและความโกรธแค้นเมื่อเลือดเนื้อของตนเองจากไปอย่างไร พวกเขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะฆ่าคนเหล่านั้น แม้แต่การใช้มีดพันเล่มเฉือนเนื้อก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ความโกรธในใจสงบลง!
“ช่างน่าสงสารจริง ๆ หลังจากผ่านมาหลายปีฮูหยินวังก็ให้กำเนิดลูกชาย แต่แล้วนางก็ต้องสูญเสียลูกชายไป นางจะต้องเสียใจมากขนาดไหนกัน!”
“ถูกต้อง กู้เสี่ยวหวานคนนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว ข้าไม่คาดคิดว่านางจะเป็นคนแบบนี้ นางทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน!”
ทุกคนถอนหายใจโดยบอกว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม
ขณะเดียวกันภายในจวนหมิงอ๋อง หลังจากที่ซูหมิ่นได้ยินรายงานจากคนรับใช้ นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไร? นางได้ขึ้นโรงศาล? กู้เสี่ยวหวานยังไม่ตาย?”
“ตอบกลับจวิ้นจู่ นางยังไม่ตาย นางยืนอยู่ในห้องพิจารณาคดี ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเห็นมันกลับตาตัวเอง
ซูหมิ่นโกรธมาก โบกมือแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวไป! คอยจับตามองให้ดี หากมีปัญหาใด ๆ ให้มารายงานข้าทันที!”
คนคนนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ได้ยินมาก็ทำให้ซูหมิ่นรู้สึกสงสัย
กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ยังไม่ตายหรือ?
นางไม่ตายหรือ?
ยิ่งซูหมิ่นคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาด คนที่ซ่งชิงซือคัดเลือกเป็นคนที่มีฝีมือมากที่สุดไม่ใช่หรือ?
ข้าได้ยินมาว่าชายคนนั้นฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา ทำไมเมื่อคืนนี้เขาถึงไม่ฆ่ากู้เสี่ยวหวาน?
ทันใดนั้นลางสังหรณ์ก็ปรากฏขึ้นในใจของซูหมิ่นราวกับว่ามีบางอย่างอยู่เหนือการควบคุม
หากแต่นางไม่ได้ใส่ใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้นางเหนื่อยเกินไป และมีเรื่องของกู้เสี่ยวหวานที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ หลังจากวันนี้ กู้เสี่ยวหวานจะถูกตัดสินประหารชีวิต นางจะได้พักผ่อนให้สบายเสียที
ในขณะนี้ ซูจือเยว่นั่งข้างหน้าต่างด้วยท่าทีเหม่อลอย เอาแต่มองทิวทัศน์ภายนอกเพราะนอนไม่หลับทั้งคืน
ในเวลานั้นซูจือเยว่ไปหาซูหมางและต้องการติดคุกเพื่อกู้เสี่ยวหวาน แต่ซูหมางมองเขาเหมือนสัตว์ประหลาด!
“ท่านอยากติดคุกแทนอันผิงจวิ้นจู่หรือ?” ซูหมางมองเขาด้วยความไม่เชื่อ
ซูจือเยว่พยักหน้า “ใช่! ไม่ว่านางจะมีความผิดหรือไม่ก็ตาม ข้าจะรับความทุกข์ยากนี้แทนนาง!”
“เหตุใด เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้?”
“ข้าชอบนาง!” ซูจือเยว่เอ่ยเสียงหนักแน่น “ข้าต้องการให้นางได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และข้าต้องการให้นางพ้นจากความทุกข์ทั้งหมด แม้ว่านางจะเป็นคนไม่ดี แม้ว่านางจะไม่ชอบข้า ข้าก็จะทำทุกอย่างเพื่อนาง! ยิ่งกว่านั้น ข้าเชื่อว่านางไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน!”
คำพูดของซูจือเยว่ทำให้ซูหมางตกอยู่ในห้วงความคิด ในใจของอันผิงจวิ้นจู่มีบุคคลนั้นอยู่ ดังนั้นนางจะไม่หวั่นไหวกับคนอื่น
แต่ชายคนนี้ต้องการเข้าคุกแทนกู้เสี่ยวหวาน อย่างน้อยที่สุดในอนาคตถ้าอันผิงจวิ้นจู่รู้เรื่องนี้ เกรงว่านางคงต้องขอบคุณคนผู้นี้เป็นอย่างมาก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหมางก็พูดว่า “นายน้อยซู กลับไปเถอะ ท่านคิดว่ากองกำลังรักษาความสงบเป็นเรื่องเด็กเล่นหรือ? เข้าคุกแทนนางอย่างนั้นหรือ ท่านยังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่
เมื่อเห็นว่าซูหมางไม่เห็นด้วย ซูจือเยว่ก็รีบพูดว่า “ใต้เท้าซู โปรดจับตัวข้าไปเถอะ ตราบใดที่ข้าเห็นว่านางปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว!”
ซูหมางหัวเราะดังมากยิ่งขึ้น “ท่านคิดว่าที่นี่เป็นตลาดหรือ คิดว่าอยากติดคุกก็ทำได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ! นายน้อยซู ข้านับถือท่านในฐานะบัณฑิต ขอโทษหากการกระทำของข้าหยาบคายไปบ้าง ถ้าข้าพูดอะไรไม่น่าฟังโปรดท่านอย่าถือสา ทว่าตอนนี้ท่านกลับไปเถอะ ถ้าท่านรบกวนการจัดการคดีของเจ้าหน้าที่คนนี้อีก ก็อย่าโทษเจ้าหน้าที่คนนี้ที่ไล่ท่านออกไป!”
ซูจือเยว่รู้ว่าตัวเองประมาทเกินไปในการบุ่มบ่ามมาที่นี่ เขาไปขอร้องอ้อนวอนคนมามากมาย แต่ไม่มีใครเต็มใจช่วยเขาแม้แต่คนเดียว
กู้เสี่ยวหวานเป็นนางในดวงใจ ดังนั้นเขาเอ่ยบางอย่างที่น่าตกใจออกไปโดยไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน!
เป็นไปได้อย่างไรที่จะติดคุกแทนนาง? แต่อย่างไรก็ตาม เขาต้องมีความหวังอยู่ในใจ เขาแค่หวังว่าจะได้เจอนาง ได้รับรู้ว่านางปลอดภัย! หรือหวังว่าหากกู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเขาทำเพื่อนางขนาดนี้ นางจะรู้สึกกับเขาเปลี่ยนไป
เมื่อหลายชิ่งเข้ามาก็เห็นหน้าตาที่หมองคล้ำของซูจือเยว่ เขาวางอาหารและพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “นายน้อย ท่านไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว กินข้าวหน่อยเถอะขอรับ”
ซูจือเยว่ไม่มีความอยากอาหารใด ๆ ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อน
หลายชิ่งตื่นตระหนกและรีบเข้าไปหาผู้เป็นนาย “นายน้อย ท่านช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่ อย่าปล่อยให้ข้าเป็นห่วงท่านไปมากกว่านี้เลย ท่านจะช่วยอันผิงจวิ้นจู่ไม่ได้ ถ้าร่างกายทรุดโทรมแบบนี้!”
นายน้อยได้รับความชมชอบจากคนสูงส่งอย่างหมิงตูจวิ้นจู่ ชายผู้นี้เปี่ยมความรู้ รูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา และภูมิหลังของครอบครัวก็น่าภูมิใจ นายน้อยจะต้องการอะไรอีก?
ตอนนี้สภาพของเขาไม่ค่อยน่ามองเท่าไรนัก จะยังเห็นท่าทางกล้าหาญและความเฉลียวฉลาดเหมือนก่อนหน้านี้ได้อย่างไร!
นายน้อยกลายเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
ไม่เหมือนคนและไม่เหมือนวิญญาณ!
“นายน้อย…” เมื่อเห็นว่าซูจือเยว่ไม่ตอบ หลายชิ่งจึงตะโกนต่อไป “หากท่านยังเป็นเช่นนี้ ร่างกายทรุดลงไปจะว่าอย่างไร”
ซูจือเยว่ไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย้ยหยันจากข้างนอก “นายน้อยซูช่างจริงใจ! น่าประทับใจมาก!”
เมื่อซูจือเยว่ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย จึงหันกลับไปมองช้า ๆ
คนที่มาใหม่มีรูปร่างสมส่วน เมื่อถอดหมวกออกก็เผยให้เห็นใบหน้าที่บอบบางและน่าหลงใหล ซูจือเยว่ตกใจมาก “เป็นท่าน!”
“นายน้อยซู สบายดีหรือไม่ เราไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ข้าเข้าวัง!” คนที่มาคือวังกุ้ยเฟย
วังกุ้ยเฟยโบกมือและขอให้ทุกคนออกไป จากนั้นนางก็ชี้ไปที่ที่นั่งด้านข้างเพื่อให้ซูจือเยว่นั่งลง “นายน้อยซู ข้าไม่เหมาะที่จะอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน และอีกครู่ข้าต้องกลับไปที่จวนตระกูลวังเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ตาย”
“วังกุ้ยเฟยมาพบข้าด้วยเรื่องอะไร?” ซูจือเยว่กลับมาเย็นชาตามปกติ
ตอนนี้ใบหน้าที่หล่อเหลาประกอบกับนิสัยเย็นชานั้นทำให้ผู้คนลังเลที่จะละสายตา