ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1900 เป็นเรื่องดีที่ไม่ได้ฆ่านาง
บทที่ 1900 เป็นเรื่องดีที่ไม่ได้ฆ่านาง
ทันใดนั้นจิตใจที่ตึงเครียดของกู้เสี่ยวอี้ก็ผ่อนคลาย อาจั่วรับตัวกู้เสี่ยวหวานมาอย่างระมัดระวังพลางมองไปที่นางแล้วพูดว่า “เพียงหมดสติไปเท่านั้น ไม่มีอะไรร้ายแรง!”
ไม่มีอะไรร้ายแรงหรือ?
ใบหน้าเรียบเฉยของเขาฉายแววโล่งใจ และมองไปที่เจี่ยงหนานซางด้วยความเย็นชา!
ทำให้เจี่ยงหนานซางตกตะลึงทันที!
เมื่อครู่เขาได้ฆ่านางไปแล้วหรือ เขาใช้เรี่ยวแรงธรรมดาเพื่อทำลายกระดูกของนาง แต่นางกลับไม่เป็นไร แต่แค่สลบไป?
เจี่ยงหนานซางไม่อยากเชื่อ เขาก้มลงมองฝ่ามือตนเอง เขาไม่เคยพลาดเช่นนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้ เขา…
เขารู้สึกดีใจเล็กน้อย!
ฉินเย่จือชี้ไปที่เจี่ยงหนานซางด้วยดายเล่มยาวคมกริบ “เป็นเรื่องดีที่เจ้าไม่ได้ฆ่านาง ไม่เช่นนั้นข้าจะเหยียบฉายานักฆ่าไร้ใจของเจ้าให้จมดิน!”
“รู้จักข้าหรือ?” เจี่ยงหนานซางขมวดคิ้วพลางมองไปที่ชายตรงข้าม!
ชายที่อยู่ตรงข้ามรูปร่างสูงพอกับตนเอง กลิ่นอายรอบตัวเขาทำให้บรรยากาศรอบด้านหนาวเหน็บ ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ความดุร้ายในดวงตาของเขาทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน!
“ไม่เพียงแต่ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ข้ายังรู้ว่าใครส่งเจ้ามา! เป็นเรื่องดีที่เจ้าไม่ฆ่านาง ไม่อย่างนั้น…”
เจี่ยงหนานซางไม่ได้เผยความอ่อนแอ และแสยะยิ้ม “จริงหรือ? ข้าก็ดีใจที่ไม่ได้ฆ่านาง!”
ดวงตาของเจี่ยงหนานซางกะพริบถี่อย่างอธิบายไม่ได้ เขาจ้องมองที่กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมมองไปทางอื่น
ฉินเย่จือขมวดคิ้วดึงดาบกลับมาเตรียมพุ่งไปข้างหน้า แต่ก็เห็นเจี่ยงหนานซางเหินกายขึ้นไปในอากาศ และร่างนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงเสียงที่น่าขนลุก “ข้าจะกลับมา!”
นักฆ่าไร้ใจไม่เคยทำงานพลาด เขาจะกลับมาอีกครั้งและเอาชีวิตของกู้เสี่ยวหวานไปอย่างแน่นอน!
ฉินเย่จือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่หมดสติไปแล้วและรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เขาอุ้มกู้เสี่ยวหวานจากอ้อมแขนของอาจั่วและเดินออกไปโดยไม่ลังเล!
เมื่อเห็นว่าผู้ต้องสงสัยถูกพาตัวไป หมิ่นเสวียซือก็ตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้ ไปนำตัวนางกลับมา!”
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยกไม้ขึ้นมองไปที่ฉินเย่จืออย่างดุร้าย
“จัดการพวกมัน!” หมิ่นเสวียซือตะโกน “จงใจก่อกวนโรงศาล และพาผู้ต้องสงสัยหลบหนี!”
ฝีเท้าของฉินเย่จือหยุดชะงัก เขาหันศีรษะมองไปที่หมิ่นเสวียซือที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเหมือนเต่าในกระดองช้า ๆ รอยยิ้มเย้ยหยันบริเวณมุมปากของเขา บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความสงบและสง่างามเปล่งประกายซึ่งทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
“ใต้เท้าหมิ่น ความจริงยังไม่กระจ่าง ข้าหวังว่าท่านจะอย่าเพิ่งคิดว่าผู้ต้องสงสัยนั้นกระทำความผิดจริง! หากท่านคิดว่าท่านไม่มีความสามารถหาตัวฆาตกรได้ ก็หลีกทางเสีย! ฉินเย่จือกล่าว น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่แฝงความเยือกเย็น
หมิ่นเสวียซือร่างกายซวนเซแทบจะทรุดลงกับพื้น เมื่อเห็นสิ่งนี้วังหยินจึงรีบพยุงหมิ่นเสวียซือไว้พลางมองไปที่ฉินเย่จือ “ไร้สาระ ชายคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์กับกู้เสี่ยวหวานอีกคน ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อพานางหลบหนี ใต้เท้าหมิ่น ข้าหวังว่าท่านจะสั่งการขัดขวางคนกลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด หากพวกเขายังคงขัดขืน พวกเขาจะถูกลงโทษเช่นกู้เสี่ยวหวาน!”
คำพูดของวังหยินทำให้หมิ่นเสวียซือลังเล “คนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์!”
วังหยินกล่าวต่อ “ถ้ากู้เสี่ยวหวานถูกคนเหล่านี้พาตัวไป ท่านจะอธิบายกับฮ่องเต้อย่างไร? ท่านจะอธิบายกับกุ้ยเฟยอย่างไร”
“นี่…”
“ออกคำสั่งเถอะ…” วังหยินเกลี้ยกล่อม “ถ้าปล่อยให้พวกเขาพาตัวผู้ต้องสงสัยไปจริง ๆ หมวกของท่าน…”
ถ้าผู้ต้องสงสัยถูกพาตัวไปจริง ๆ หมวกของเขาก็คงไม่ปลอดภัย เอาล่ะเรื่องอื่นค่อยว่ากัน!
“ลงมือ จับคนพวกนี้และจับผู้ต้องสงสัยมาให้เร็วที่สุด จะลงโทษฐานพาตัวนักโทษประหารหลบหนี พวกเจ้าทั้งหมดต้องถูกประหาร!” เพื่อหมวกบนศีรษะของเขา หมิ่นเสวียซือต้องทำเช่นนี้!
ฉินเย่จือมองไปที่หมิ่นเสวียซืออย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าหมิ่นเสวียซือคนนี้ได้กำหนดให้กู้เสี่ยวหวานกลายเป็นนักโทษประหาร!
เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่หมดสติในอ้อมแขน ฉินเย่จือไม่มีความคิดที่จะไกล่เกลี่ยกับคนเหล่านี้แม้แต่น้อย เขามองไปที่อาจั่วและอาโม่ก็เห็นพวกเขาทั้งสองพยักหน้า จากนั้นก็เห็นฉินเย่จืออุ้มนางและเหินกายจากศาลาว่าการหายไป!
คนเหล่านี้ต้องการพาเหล่านักโทษหนีจริง ๆ
กู้เสี่ยวอี้และถานอวี้ซูถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อพวกเขาเห็นว่าท่านพี่ถูกพี่ใหญ่ฉินพาตัวไป!
“แย่แล้ว แย่แล้ว!” หมิ่นเสวียซือตะโกน “นักโทษถูกพาตัวไปแล้ว ใครก็ได้ มาจับผู้สมรู้ร่วมคิดไปเร็ว!”
แต่เมื่อเห็นอาโม่ถือดาบพลางมองหมิ่นเสวียซือ วังหยินและภรรยาที่กำลังว้าวุ่นใจ ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ใต้เท้าหมิ่นแน่ใจหรือว่าคุณหนูของข้าฆ่านายน้อยวัง?”
ห่าวอิ๋งตะโกน “แน่นอน กู้เสี่ยวหวาน หญิงหลายใจคนนั้นได้ใหม่และลืม ฆ่าคนเพื่อเงิน นางฆ่าลูกชายของข้า และข้าต้องการชีวิตของนาง!”
อาจั่วเยาะเย้ยจากด้านข้าง “ฮูหยินวัง ข้าหวังว่าท่านจะพูดแบบนี้ในภายหลัง!”
จากนั้นอาจั่วก็พูดกับซื่อสี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นว่า “ซื่อสี่ เจ้ายังจำลิ่วชวงได้หรือไม่?”
“ลิ่วชวงหรือ?” ซื่อสี่ประหลาดใจเล็กน้อย “แน่นอน ข้าจำได้ แม้ว่าเขาจะถูกเผาเป็นเถ้าธุลี ข้าก็จำเขาได้!”
“ดีมาก!” อาจั่วประสานมือและพูดกับหมิ่นเสวียซือ “ถ้าอย่างนั้นให้ลิ่วชวงมายืนยัน! มาดูกันว่าในเวลานั้นใครเป็นคนซื้อฝ้ายหยกขาวสองจิน!”
“ลิ่วชวง ลิ่วชวงไปแล้วไม่ใช่หรือ?” เขาออกจากเมืองหลวงไปแล้วไม่ใช่หรือ?
หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นโค่วไห่คุ้มกันใครบางคนเข้ามา! จากนั้นถูกโค่วไห่โยนลงบนพื้นอย่างรุนแรง!
ภายในห้องพิจารณาคดีตกอยู่ในความเงียบ ชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้นขาข้างหนึ่งขาดหายไป
“ข้าน้อย…ข้าน้อยแสดงความเคารพใต้เท้า…”
“เจ้า…เจ้าคือลิ่วชวงจริง ๆ ลิ่วชวง!” ซื่อสี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลิ่วชวงที่ดูดี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนพิการ