ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1909 เจ้าแตกต่างจากนาง
บทที่ 1909 เจ้าแตกต่างจากนาง
“ท่านพี่ ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดแล้ว แต่…” ซูหมิ่นลังเล “ข้าชอบเขามานานแล้ว แต่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองข้าเลย ในใจของข้า…ข้าจะยอมรับได้อย่างไร!” ดวงตาของซูหมิ่นมีประกายแห่งความสับสน โดยคิดว่านางซึ่งเป็นหญิงสาวที่สูงส่งถูกเปรียบเทียบกับสาวชาวนา ยิ่งนางเปรียบเทียบนางก็ยิ่งขุ่นเคืองในใจ ทำไมกัน! ทำไม!
ทำไมท่านพี่จือเยว่ถึงชอบผู้หญิงแบบนั้น ทำไมเขาถึงไม่หันมามองตัวเองบ้าง
“มีอะไรที่ข้าเทียบกับนางไม่ได้กัน? ข้าดูดีกว่านางและมีสถานะที่สูง นางจะเอาชนะใจพี่จือเยว่ได้อย่างไร? ทำไมกัน?” เมื่อเห็นว่าซูหลินไม่ได้พูดอะไร ซูหมิ่นก็ยิ่งโกรธเคือง นางแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะฆ่าผู้หญิงแพศยาคนนั้น!
“เหอะเหอะ!” เมื่อเห็นท่าทางที่ว้าวุ่นใจของน้องสาว ซูหลินก็ยิ้มและปลอบโยน “น้องสาวข้า ตอนนี้เจ้าคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์! ข้าบอกว่า…”
ทันใดนั้นเสียงของซูหลินก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย เขามองไปที่ซูหมิ่นและพูดว่า “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว? อย่าคิดมากเกินไป เจ้าคือจวิ้นจู่แห่งจวนหมิงอ๋อง เจ้าคือน้องสาวของข้า และในอนาคตสถานะของเจ้าจะไม่หยุดอยู่แค่จวิ้นจู่เช่นนี้! อย่าลืมว่าสถานะของเจ้านั้นไม่มีใครเทียบได้ ทำไมเจ้าถึงต้องจริงจังกับสาวชาวนาผู้ต่ำต้อยนั่นด้วยล่ะ?”
ซูหมิ่นไม่เชื่อ “แต่นางแย่งคนของข้าไป!”
“เหอะเหอะ…” ซูหลินเย้ยหยัน “สถานะของเจ้าไม่มีใครเทียบได้ เจ้าต้องการผู้ชายแบบใดบ้างแล้วจะไม่ได้กัน ถ้าเจ้ารักซูจือเยว่ก็แค่ใช้กลอุบาย เขาก็จะกลายมาเป็นของเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? มีฮ่องเต้และท่านพ่อคอยหนุนหลังเจ้าอยู่ แบบนี้เจ้ายังกลัวว่าซูจือเยว่จะไม่แต่งงานกับเจ้าอยู่อีกหรือ?”
“ท่านพี่…ท่าน…” เมื่อเผชิญกับวิธีการที่เรียบง่ายและถูกซูหลินครอบง่ำ ซูหมิ่นก็พบว่ามันยากที่จะยอมรับ!
“จะกลัวอะไร! เจ้าไล่ตามเขามาตั้งหลายปี เดิมทีท่านพ่อกับข้าคิดว่าเจ้าแค่ชอบในความหล่อเหลาของเขาเท่านั้น แต่หลังจากช่วงเวลาแห่งความหลงใหลนั้นหมดไป ความรู้สึกของเจ้าก็จะจางหายไป แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากผ่านมาหลายปีเจ้าก็ยังชอบเขาอยู่ ท่านพ่อเคยพูดกับข้าหลายครั้งแล้วว่าถ้าเจ้าต้องการแต่งงานกับเขา ท่านพ่อจะไปขอราชโองการจากฮ่องเต้! และหลังจากหลายปีมานี้เจ้าก็ยังไม่สามารถจัดการกับผู้ชายคนนี้ได้ เจ้าโง่เขลาเกินไปจริง ๆ!”
ซูหลินดูราวกับตั้งความหวังไว้ และใบหน้าของซูหมิ่นจึงแดงก่ำไปด้วยความลำบากใจ
ทำไมนางไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเพียง…ความเขินอายของผู้หญิง นางรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
แต่คำพูดต่อมาของซูหลินทำให้นางพยักหน้าอย่างจริงจัง “ครั้งนี้กู้เสี่ยวหวานน่าจะไม่เป็นอะไร! อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวล ถ้าเจ้าเกลียดผู้หญิงคนนี้ ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดนางเอง!”
“จะกำจัดนางอย่างไร?”
“กู้เสี่ยวหวานมีลูกพี่ลูกน้องชื่อกู้ซินเถาซึ่งตอนนี้เป็นคนของเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง นางเป็นคนกระจายข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของกู้เสี่ยวหวาน!” ซูหมิ่นพยักหน้าและพูดว่า “นางทำงานได้ไม่เลว!”
“หมิ่นเอ๋อร์ ถ้ากู้เสี่ยวหวานคนนี้ลอบคบชู้จริง ๆ และชื่อเสียงของนางก็จะเสียหาย เจ้าคิดว่าซูจือเยว่จะมองนางไปมากกว่านี้ไหม?” ซูหลินถามด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาของเขาส่องประกายเย็นชา
แต่ซูหมิ่นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ขี้กลัวไม่นับเป็นลูกผู้ชาย ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี! หมิ่นเอ๋อร์แม้ว่าเจ้าจะดื้อรั้น แต่เจ้าก็โหดร้ายและไร้ความปราณี!” ซูหลินมองไปที่ซูหมิ่นซึ่งกำลังกระโดดอย่างมีความสุข และโน้มตัวเข้าไปข้างหูของนาง กระซิบเบา ๆ ซูหมิ่นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็พยักหน้าอย่างรีบร้อนด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ห้องโถงพิจารณาคดี
ยิ่งหมิ่นเสวียซือฟังมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ยากยิ่งขึ้น!
ในขณะนี้อาชิงกำลังคุกเข่าอยู่ในห้องโถงพิจารณาคดี แต่นางกัดฟันแน่นไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับไปพูดกลับถานอวี้ซู “จวิ้นจู่ ข้าหลงผิดไป เป็นความผิดของข้า จวิ้นจู่ ข้าไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีต่อท่านเลย ได้โปรด ได้โปรด ข้าผิดไปแล้ว! ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้าจะรับใช้ท่านอย่างดีและจะรับใช้ท่านไปตลอดชีวิต!”
อาชิงคลานเข่าไปข้างหน้า กำลังจะดึงชายเสื้อผ้าของถานอวี้ซู เมื่อเห็นสิ่งนี้เฉินเหมิ่งและติงลุ่นจึงก้าวไปข้างหน้า และคนหนึ่งเตะมือของอาชิงออกห่างจากถานอวี้ซู
ถานอวี้ซูมองไปที่อาชิงที่อยู่ข้างกายนางมาตลอด ไม่นานมานี้ นางเคยเชื่อและเคยสงสัยในตัวบุคคลนี้ แต่เมื่อยังไม่มีหลักฐาน ดังนั้นตนเองจึงยังเชื่อนาง!
โดยเฉพาะตอนที่อาอวี้ป่วย เมื่อนางไปหาอาอวี้ก็เห็นอาชิงยืนอยู่หน้าเตียงของอาอวี้หลายครั้ง ท่าทางของนางดูไม่เหมือนเสแสร้ง!
แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหักหลังตัวเอง ถานอวี้ซูอยากจะกระชากนางเข้ามาถามว่าตนเองได้ทำให้นางขับข้องใจงั้นหรือ
เมื่อเห็นอาชิงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ถานอวี้ซูก็เหลือบมองไปที่ติงลุ่น ติงลุ่นรู้ว่านางกำลังจะทำอะไร ดังนั้นจึงก้าวออกไป
ถานอวี้ซูก้าวไปข้างหน้าอาชิง นางนั่งยองมองไปที่อาชิง เอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือ “อาชิง ข้าทำอะไรไม่ดีต่อเจ้ากัน? เจ้าเปิดเผยที่อยู่ของข้ากับหมิงตูจวิ้นจู่ทำไม? เจ้าต้องการจะทำร้ายข้าหรือ!”
“จวิ้นจู่ ข้าไม่ทำ ข้าไม่ทำ!” อาชิงคร่ำครวญและพูดว่า “ข้าพูดเพียงเรื่องของอันผิงจวิ้นจู่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายท่าน ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น! เป็นนาง เป็นผู้หญิงแพศยาคนนี้ที่ทำร้ายข้า นางเป็นคนทำร้ายข้า!”
ทันใดนั้นอาชิงก็ชี้ไปที่แม่นมหลู่และพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า “เป็นเพราะผู้หญิงแพศยาคนนี้ ถ้านางไม่มาล่อลวงข้า ข้าจะทำแบบนี้ได้อย่างไร!”
ถึงตอนนี้อาชิงก็ยังคงโทษคนอื่นมากกว่าโทษตัวเอง แม่นมหลู่เป็นหญิงชราที่อยู่เคียงข้างหมิงตูจวิ้นจู่ นางไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสาวใช้ไร้ยางอายเช่นอาชิง ดังนั้นจึงถ่มน้ำลายใส่หน้านางทันที “เจ้าว่าข้าทำร้ายเจ้า ถุย หากไม่ใช่เพราะจิตใจอันชั่วร้ายของเจ้า เกรงว่าเจ้าคงจะไม่ถูกล่อลวงด้วยเงิน! เจ้าบอกว่าเบื่อที่จะเป็นสาวรับใช้และในอนาคตเจ้าอยากเป็นคุณหนู จวิ้นจู่เคยบอกแล้วว่าหลังจากนี้ความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริง เจ้าจึงไม่ลังเลและตอบตกลงโดยไม่แม้แต่จะคิด…”
“อาชิง ข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี ทำไมเจ้าถึงปฏิบัติต่อข้าแบบนี้” ถานอวี้ซูเห็นว่าอาชิงกำลังทำร้ายนางเพราะต้องการเป็นคุณหนู พลันนึกถึงวิธีที่ตัวเองปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยนก็ปวดใจ “ตราบใดที่ข้ามีอะไร ข้าก็จะแบ่งให้เจ้า แต่เจ้าล่ะ? เจ้ากับอาอวี้ช่างแตกต่างกันจริง ๆ!”