ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1912 คนรับใช้ที่ไม่ธรรมดา
บทที่ 1912 คนรับใช้ที่ไม่ธรรมดา
ถานอวี้ซูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และในที่สุดก็บอกเรื่องของอาชิงให้อีกฝ่ายได้ฟัง หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของอาอวี้ก็ซีดลง และพึมพำเสียงเบา “นาง…นาง คุณหนูปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้…”
ถานอวี้ซูตบไหล่อาอวี้เบา ๆ เพื่อปลอบใจ “ตอนนี้นางได้รับผลกรรมของการกระทำแล้ว คนแบบนี้เลี้ยงไม่เชื่อง ดังนั้นเจ้าอย่างโทษตัวเองเลย ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เรื่องนี้นางเป็นคนสร้างปัญหาด้วยตัวเอง เราไม่สามารถช่วยนางได้!”
ถานอวี้ซูเอ่ย แต่อาอวี้จะสัมผัสความเจ็บปวดในใจของถานอวี้ซูไม่ได้ได้อย่างไร จึงรีบปลอบใจผู้เป็นนาย “คุณหนู ท่านใจดีกับอาชิงมาก แต่นางทำลายความเชื่อใจและความคาดหวังของท่านพังไม่เป็นท่า! ข้ารู้ว่าท่านเสียใจ แต่ท่านก็ต้องอย่าลืมดูแลตัวเอง คนน่ารังเกียจแบบนี้ไม่คู่ควรกับความเสียใจของท่าน!”
อาอวี้เองก็เศร้าใจไม่ต่างกัน เดิมทีนางเคยคิดว่าอาชิงผู้นี้ค่อนข้างน่าสงสัย แต่ตนเองไม่ได้คิดไปในทางที่ไม่ดีขนาดนั้น แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นนางก็อดคิดไม่ได้
ถานอวี้ซูพยักหน้าแล้วพาอาอวี้ไปหากู้เสี่ยวอี้และกู้ฟางสี่!
ตามความปรารถนาของถานอวี้ซู ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งนำโสมและเห็ดหลินจือจำนวนมากมาให้
“ท่านอา เสี่ยวอี้ พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมท่านพี่ใหม่ ส่วนนี่คือโสมและเห็ดหลินจือที่ข้านำมาบำรุงร่างกายท่านพี่! ตอนนี้อาอวี้หายจากอาการป่วยแล้ว เช่นนั้นให้นางอยู่ดูแลท่านพี่อยู่ที่นี่เถอะ!” ถานอวี้ซูกล่าว
กู้เสี่ยวอี้ส่ายหน้าและพูดว่า “อวี้ซู ตอนนี้เจ้าไม่มีสาวใช้อยู่เคียงข้างกาย อาการป่วยของอาอวี้ก็ดีขึ้นแล้ว และตอนนี้ไม่มีใครทำลายนางได้อีก เจ้าพานางกลับไปเถอะ!”
ถานอวี้ซูชำเลืองมองอาอวี้ “นางอยู่เคียงข้างข้ามาหลายปีแล้ว และตอนนี้มีเพียงอาจั่วที่อยู่กับท่านพี่ ให้นางคอยปรนนิบัติอยู่เคียงข้างท่านพี่สักพักเถอะ! เมื่ออาการของท่านพี่ดีขึ้น ข้าจะมารับนางกลับไป!”
กู้เสี่ยวอี้อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางยืนกรานของถานอวี้ซู จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ “เช่นนั้นก็ได้ เมื่อท่านพี่ดีขึ้นแล้วก็ให้นางกลับไปรับใช้เคียงข้างเจ้าเถอะ! ข้างกายเจ้าไม่มีสาวรับใช้เคียงข้างไม่ได้!”
เดิมทีถานอวี้ซูต้องการเข้าไปพบกู้เสี่ยวหวาน แต่การได้เห็นฉินเย่จืออยู่เคียงข้างพี่สาวนางไม่ห่างดังนั้นจึงเป็นเรื่องยาก
“ข้าไม่ได้เจอท่านพี่ใหญ่ฉินมานานแล้ว! เขามาทันเวลา ไม่เช่นนั้น ชายผู้นั้น…ดูท่าว่าเขาคงต้องการชีวิตท่านพี่จริง ๆ!” ถานอวี้ซูกล่าวด้วยความหวาดกลัว
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งรู้ว่ามีคนพากู้เสี่ยวหวานออกไปก่อนที่พวกเขาจะมาถึง
ครั้นได้ยินว่าชายคนนั้นเป็นคนรักของกู้เสี่ยวหวาน จึงรู้สึกว่าชายผู้นี้กล้าหาญยิ่งนัก
อาชญากรรมที่กู้เสี่ยวหวานก่อขึ้นในตอนนั้นเป็นข้อหาร้ายแรง ชายคนนั้นพากู้เสี่ยวหวานออกไปโดยบอกว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์ และพยานที่พวกเขาพามาทำให้กู้เสี่ยวหวานพ้นผิดได้
พวกเขาแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมอาจั่วและอาโม่ถึงหาคนเหล่านั้นพบ จึงถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้ารู้จักลิ่วชวง เหมาฮุ่ย และช่างตัดเสื้อได้อย่างไร?”
พวกเขาจับแม่นมหลู่ได้ แต่แม่นมหลู่ไม่ยอมพูดให้ชัดเจน!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาพบเบาะแสของหมิงตูจวิ้นจู่ในช่วงที่กู้เสี่ยวหวานอยู่ในคุก พวกเขาพบพยานทั้งหมดที่ใส่ร้ายกู้เสี่ยวหวาน ถ้าเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดา จะพบพยานมากมายในเวลาอันสั้นได้อย่างไร?
มีหลักฐานมากมายที่จะพิสูจน์ว่าอันผิงจวิ้นจู่เป็นผู้บริสุทธิ์!
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งรู้สึกสงสัย แต่พวกเขารู้ว่าไม่ว่าจะถามอะไรไปอีกฝ่ายก็จะไม่พูดอะไร พวกเขาจึงยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับฉินเย่จือที่โผล่ออกมาช่วยกู้เสี่ยวหวานมากขึ้น
เขาช่วยกู้เสี่ยวหวานโดยไม่สนใจกฎของโรงศาล และพาตัวนางออกไป อาจั่วและอาโม่ที่ตามมาก็นำหลักฐานมามากมาย เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?
สองคนที่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และมีความคิดรอบคอบ พวกเขาจะเป็นแค่คนรับใช้ธรรมดา ๆ ได้อย่างไร?
ทั้งสองมองหน้ากัน ในหัวมีแต่ความสงสัยไปหมด!
หลังจากออกจากสวนชิงและกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพ ติงลุ่นก็ถามด้วยความสงสัย “จวิ้นจู่เคยเจอคนรักของอันผิงจวิ้นจู่หรือไม่”
“เคยสิ!” ถานอวี้ซูพยักหน้า “แต่ช่วงนี้ข้าไม่ได้เจอเขาเลย โชคดีที่เขามาทันเวลา ไม่อย่างนั้น ท่านพี่…”
เมื่อนึกถึงท่าทางสยดสยองชวนขนลุกขนพองของเจี่ยงหนานซาง ถานอวี้ซูก็รู้สึกกลัวขึ้นมา!
ในเวลานั้น จากท่าทางที่ดุร้ายนั้น เกรงว่าเขาต้องการจะฆ่าท่านพี่จริง ๆ
ติงลุ่นรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ข้าไม่เคยเจอคนรักของอันผิงจวิ้นจู่มาก่อน!”
ถานอวี้ซูหัวเราะ “ทั้งสองคนรู้จักกันมาหลายปี ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นคู่รักในวัยเด็กและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน!”
ติงลุ่นนึกถึงข่าวลือที่แพร่สะพัดในเมืองหลวง และเขาก็งุนงงเล็กน้อย “เขาคือคนที่ถูกกล่าวว่าอันผิงจวิ้นจู่ทอดทิ้งใช่หรือไม่?”
“มันก็แค่ข่าวลือไร้สาระ! เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น!” ถานอวี้ซูพยักหน้า
“แล้วทำไมอันผิงจวิ้นจู่ถึงไม่ปฏิเสธล่ะ?” ติงลุ่นรู้สึกแปลกใจ ผู้หญิงย่อมรู้สึกอับอายเมื่อมีคนพูดจาน่ารังเกียจใส่ตน แต่นางกลับเพิกเฉยและปล่อยให้คนเหล่านั้นใส่ร้ายตนเองตามใจ
นี่มันแปลกจริง ๆ!
เมื่อถานอวี้ซูนึกถึงคำอธิบายของท่านพี่ ก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย “แน่นอนว่าท่านพี่มีเหตุผลของตัวเอง! เมื่อไม่นานมานี้สวนชิงมีแม่สื่อมาเยือนจนธรณีประตูแทบทรุด หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ไม่มีแม่สื่อไปคุยเรื่องแต่งงานอีกแล้วไม่ใช่หรือ?”
ติ่งลุ่นทำอะไรไม่ถูกหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ปรากฏว่าอันผิงจวิ้นจู่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่!”
วิธีนี้มักใช้ในสนามรบ เรียกว่าแม้จะฆ่าศัตรูไปหนึ่งพันคน แต่ก็สูญเสียคนของตัวเองไปแปดร้อยคน!*[1]
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอันผิงจวิ้นจู่และคนแซ่ฉินดีมาก!
หลังจากที่ถานเย่สิงออกจากศาลาว่าการ เขาก็ตรงไปที่วังหลวงทันที!
วังหยินผู้กระตุ้นให้หมิ่นเสวียซือพิจารณาคดีเพื่อตัดสินกู้เสี่ยวหวาน รีบกลับไปยังจวนตระกูลวังทันที!
เขาตกตะลึงกับสิ่งเห็นและได้ยิน
ห่าวอิ๋งร้องไห้จับมือวังหยินและบอกว่านางต้องล้างแค้นให้ลูกชายที่ตายไป!
วังหยินไม่ได้อยากจะแก้แค้น แต่ถ้ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนทำ เขาจะฆ่ากู้เสี่ยวหวานโดยไม่ลังเล แต่บุคคลนั้นเป็นหมิงตูจวิ้นจู่ เขาจะทำอย่างไรได้?
นั่นคือลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหมิงอ๋อง เขาจะทำให้หมิงอ๋องขุ่นเคืองเพราะเรื่องลูกชายที่เสียชีวิตได้หรือ?
[1] ทั้งสองฝ่ายเสียหายพอกัน