ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1914 ฝันร้าย
บทที่ 1914 ฝันร้าย
ขันทีฉีเมื่อมองท่าทางงุนงงของอีกฝ่าย จึงคลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นคือผู้พิทักษ์อาณาจักรต้าชิงของเรา!”
“อะไรนะ? อายุเท่านี้…เป็นไปได้หรือว่าเขาเป็นท่านแม่ทัพ?” ขันทีน้อยรีบถามหลังจากได้ยินสิ่งนี้
ขันทีฉีพยักหน้า และไม่ได้พูดสิ่งใดต่ออีก
เมื่อขันทีน้อยเห็นว่าเขาได้พบกับเทพแห่งสงครามที่ล่ำลือ หัวใจของเขาก็พองโตด้วยความยินดี และอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น “น่าเสียดายยิ่งนักที่ในชีวิตนี้ข้าไม่มีโอกาสพบแม่ทัพหน้าหยกคนนั้น!”
ขันทีน้อยถอนหายใจ ขันทีฉีชำเลืองมองเขาด้วยสีหน้าสงบ ก่อนเบือนสายตามองไปที่พระราชวังอันโอ่อ่าเบื้องหน้าและไม่พูดอะไรอีก!
แม่ทัพหน้าหยก…
แท้จริงเขาเองก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้ว
ในครั้งนี้เมื่อได้ยินว่าอันผิงจวิ้นจู่ถูกคุมตัวเข้าห้องขัง เขาจึงขอราชโองการจากฮ่องเต้และกลับไปในชั่วข้ามคืน
สิ่งนี้ทำให้ขันทีฉีอยากหัวเราะลั่น เรื่องราวในเมืองหลวงเริ่มสนุกขึ้นเรื่อย ๆ!
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าถานเย่สิงเอ่ยสิ่งใดกับฮ่องเต้ ถานเย่สิงอยู่ในนั้นนานครึ่งชั่วยามก่อนจะออกมา!
เมื่อมองไปที่ผมสีดอกเลาของถานเย่สิงที่ปลิวไปตามสายลม หากแต่นั้นกลับเต็มไปด้วยท่าทางเกรงขามที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพ
……
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าตนเองราวกับอยู่ในห้วงฝัน
ในฝันนั้นนางแต่งงานกับฉินเย่จือและให้กำเนิดลูกที่น่ารักสามคน ตนเอนกายพิงไหล่ของฉินเย่จือและมองเด็กทั้งสามวิ่งเล่นด้วยความรักใคร่ วันเวลาที่สวยงามเช่นนี้ทำให้นางไม่อยากตื่นขึ้นมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงเศร้าโศกดังขึ้นข้างหู…
หวานเอ๋อร์ เจ้าลืมข้าแล้วหรือ?
เจ้าลืมข้าแล้วหรือ?
ใครกัน?
ใครกำลังเรียกชื่อนาง?
เสียงที่นางได้ยินนั้นมาจากข้างหลัง เสียงนั้นสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมา
หวานเอ๋อร์ ข้ารอเจ้ามาหลายปีแล้ว แต่เจ้าลืมข้าไปแล้วหรือ?
ใครกัน?
ก่อนที่นางจะหันไปมองว่าเจ้าของเสียงผู้นั้นคือใคร ก็รู้สึกราวกับมีคนมาเคาะศีรษะตน และเกิดอาการเจ็บอย่างรุนแรง
“อ่า…” กู้เสี่ยวหวานอุทาน รู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในถูกใครบางคนกระชาก ความเจ็บปวดนั้นรวดร้าวเสียราวกับอวัยวะภายในฉีกขาดออกจากกัน!
คนที่อยู่ด้านข้างได้ยินการเคลื่อนไหว และถามอย่างกระวนกระวายว่า “หวานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า หวานเอ๋อร์?”
เป็นเสียงของฉินเย่จือ!
ทันใดนั้น หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็สงบลง และศีรษะของนางก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป เพราะเสียงของฉินเย่จือ ทำให้ความเจ็บปวดนั้นหายไป…
ราวกับความเจ็บปวดนั่นไม่มีอยู่จริง ความเจ็บปวดในความฝันเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องไม่จริง!
ฉินเย่จือจุดเทียน พลันใดภายในห้องก็สว่างขึ้น
แสงสว่างภายในห้องทำให้นางมองเห็นหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เขากอดตนเองแน่น และมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง “หวานเอ๋อร์ เจ้าฝันร้ายหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานหวนคิดถึงฝันร้ายเมื่อครู่ และคิดว่านางไม่ควรบอกฉินเย่จือเพราะกลัวว่าเขาจะกังวล!
นางถูศีรษะกับร่างกายของฉินเย่จือ หมือนลูกแมวตัวน้อย และได้กลิ่นจาง ๆ ที่คุ้นเคยจากร่างกายของอีกฝ่าย ความกลัวที่เกิดจากฝันร้ายก็หายไป
“ท่านพี่เย่จือ ข้ากระหายน้ำ!”
กู้เสี่ยวหวานพึมพำ เสียงของนางนุ่มนวลเหมือนลูกแมวกำลังข่วนหัวใจของเขาด้วยอุ้งเท้าเล็ก ๆ มันจั๊กจี้!
ฉินเย่จือกอดนางแน่นและตอบรับ น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “เจ้ารอก่อน ข้าจะเทน้ำให้เจ้า!”
กู้เสี่ยวหวานเห็นเขาลุกขึ้น เดินไปที่โต๊ะ แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ มองมาที่ตนเองอย่างไม่ละสายตา
ฉินเย่จือเทน้ำและต้องการส่งให้กู้เสี่ยวหวาน แต่ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะรับมัน ฉินเย่จือก็เงยหน้าขึ้นแล้วจิบน้ำ
“ทำไมท่านดื่มน้ำของข้า?” กู้เสี่ยวหวานพึมพำ
จากนั้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นจนบังแสงทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า ร่างกำยำ ไหล่กว้างทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ
“อุ๊บ…” ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะทันได้พูดอะไรอีกครั้ง ชาอุ่น ๆ ก็ไหลซึมเข้าปากนาง
เมื่อเห็นการกระทำของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็ขมวดคิ้วมุ่น
พี่เย่จือ เขา…
ความสัมพันธ์ระหว่างกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองจะกอดและจูบกันเป็นประจำทุกวัน แต่กู้เสี่ยวหวานไม่เคยคิดว่าฉินเย่จือจะป้อนน้ำให้ตัวเองแบบนี้!
หลังจากป้อนน้ำเสร็จแล้ว ฉินเย่จือก็ป้อนอีกเป็นครั้งที่สอง
ชาอุ่น ๆ ริมฝีปากนุ่ม และกลิ่นที่คุ้นเคย กู้เสี่ยวหวานรู้สึกวิงเวียน หน้าแดง และร้อนรุ่มมากขึ้น!
ฉินเย่จือผละออกจากริมฝีปากสีแดงอย่างไม่เต็มใจ พลางมองไปที่ริมฝีปากสีแดงเข้มที่เขาเพิ่งลิ้มรสไปเมื่อครู่ ความแวววาวบนริมฝีปาก ฉินเย่จือไม่เต็มใจที่จะผละออก แต่เขาก็รู้ว่าเพียงพอแล้ว!
เขาใช้นิ้วหัวแม่มือแตะริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานเบา ๆ ราวกับว่าเขากำลังใช้นิ้วหัวแม่มือจดจำรูปลักษณ์ของนาง จากนั้นก็เอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง “หวานเอ๋อร์ เจ้ายังกระหายน้ำอยู่หรือไม่?”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกวิงเวียนเหมือน…
นางพึมพำและพูดอีกครั้ง “ท่านป้อนเหล้าให้ข้าหรือ?”
ฉินเย่จือเม้มปากเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ที่ข้างหู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาของเขาเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิและดวงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง มีเพียงความอ่อนโยนราวกับสายน้ำ กู้เสี่ยวหวานลืมตาขึ้นมองและสักพักก็หลับตาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความอ่อนโยนในดวงตาคู่นั้นทำให้มึนเมาเกินไป นางกลัวว่าหากมองซ้ำอีกครั้งนางจะตายเพราะมึนเมาในความรักนั้น
ฉินเย่จือจึงวางคนในอ้อมแขนลงอย่างไม่เต็มใจ เมื่อมองไปที่คนในอ้อมแขนของเขา ร่างของนางค่อย ๆ พัฒนาส่วนเว้าโค้ง และดวงตาของนางดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกบาง ๆ เขารู้สึกได้เพียงว่าส่วนล่างของเขาแน่นขึ้นชั่วขณะ ถ้าเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้ายังคงฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่ เขาคงจะไม่ลังเลขนาดนี้