ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1921 ข้าอยากกลายเป็นคนในเมืองหลวง
บทที่ 1921 ข้าอยากกลายเป็นคนในเมืองหลวง
เก็บบุรุษที่หน้าตาหล่อเหลาเลี้ยงไว้ข้างกาย รอตัวเองแต่งงานแล้วค่อยพาไปเสพสุขกับชีวิตที่หรูหรา เสพสุขกับความรักที่ฉินเย่จือมอบให้ตัวเอง ชีวิตของนางก็เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบแล้วไม่ใช่หรือ?
กู้ซินเถาคิดเช่นนี้ ก็ยิ่งคิดอยากจะฝากฝั่งผู้ใดสักคนไปตามหาฉินเย่จือ!
ตอนนี้หมิงตูจวิ้นจู่ถูกลงโทษกักบริเวณเป็นเวลาสามเดือน ช่วงนี้นางไม่สามารถออกมาได้ แต่ว่านางสามารถไปหาจวิ้นจู่ได้!
กู้ซินเถาคิดได้ว่าหมิงตูจวิ้นจู่ถูกกักบริเวณ นี่กำลังเป็นโอกาสดีที่จะได้แสดงความจงรักภักดีของตัวเอง
ซูหมิ่นกำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่ในห้องเขียนหนังสือ ฝ่าบาทได้ลงโทษปรับเงินและกักบริเวณนาง หลังจากที่ไทเฮาทรงทราบก็ลงโทษนางให้คัดพระคัมภีร์หนึ่งร้อยจบ ตอนนี้นางถูกซูหลินพร่ำสั่งสอนว่าจะต้องทำด้วยตัวเองให้เสร็จ จึงนั่งคัดลอกพระคัมภีร์อยู่ในจวนอย่างซื่อสัตย์!
ได้ยินว่ากู้ซินเถามาแล้ว ซูหมิ่นจึงให้คนไปเรียกมา
กู้ซินเถาเดินอยู่ในจวนหมิงอ๋อง พลางมองดอกบัวที่ละเอียดปราณีตแกะสลักอยู่ข้างในหินหยกขาวใต้ฝ่าเท้า เมื่อก้าวเดินอย่างงดงามเรียบร้อยมาเรื่อย ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจในความหรูหราของจวนหมิงอ๋อง หินเช่นนี้หนึ่งชิ้นเกรงว่าจะเพียงพอสำหรับเลี้ยงครอบครัวที่ยากจนเป็นปี ตอนนี้พวกเขากลับปูเดินอยู่บนพื้น หรูหรามากเกินไปแล้วจริง ๆ!
ในใจกู้ซินเถารู้สึกอิจฉาไม่หยุด เมื่อไหร่ตัวเองจะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านที่หรูหราโอ่อ่าเช่นนี้ได้บ้าง
คนใช้นำทางกู้ซินเถาไปที่ห้องหนังสือของซูหมิ่น ก็เห็นว่าซูหมิ่นกำลังคัดอักษรอยู่ กู้ซินเถาจึงรีบไปเข้าพบ
ซูหมิ่นเห็นคนมาแล้วจึงวางพู่กันไว้ สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ จึงรีบก้าวเข้าไปรับเครื่องเขียนกับหมึก วางไว้อย่างเบา ๆ บนแท่นวาง
ยังมีสาวใช้อยู่ด้านข้างคอยถือน้ำสะอาดไว้ ซูหมิ่นล้างมือจนสะอาดแล้วก็มีสาวใช้ด้านข้างส่งผ้าขนหนูที่สะอาดให้
หลังจากนั้นยังมีสาวใช้อีกคนหนึ่งถือน้ำชาถ้วยหนึ่งส่งให้ เมื่อซูหมิ่นรับมาก็ดื่มไปสองอึก คนพวกนั้นจึงถอยออกไปกันตามลำดับ!
เมื่อเห็นว่าหมิงตูจวิ้นจู่เขียนอักษร รอบตัวก็มีสาวใช้ห้าหกคนคอยปรนนิบัติรับใช้ กู้ซินเถาเห็นแล้วก็มองดูสิ่งชุนสาวใช้ข้างกายของตัวเองคนนั้นที่ยังไม่เจริญวัย จึงอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย
ไม่ต้องพูดถึงนางว่าเขียนอักษรก็มีสาวใช้ห้าหกคนแล้ว ในยามปกติถ้าหากนางสามารถมีสาวใช้คอยปรนนิบัติติดตัวได้สักสามคนก็คงพอใจแล้ว
หลังจากซูหมิ่นนั่งลงแล้วก็ย่อมมองเห็นความประหลาดใจและความอิจฉาในสายตาของกู้ซินเถา
นางรังเกียจที่จะคบหากับคนที่มีฐานะต่ำต้อยเช่นนี้ แต่ว่าคนผู้นี้กลับเป็นญาติของกู้เสี่ยวหวาน อีกทั้งนางยังมีวิธีที่สามารถรับมือกับกู้เสี่ยวหวานได้ แม้ว่านางจะไม่ชอบเพียงใดก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เพื่อปล่อยให้นางทุ่มเทแทนตัวเองต่อไป!
“เจ้ามาทำอะไร?” หลังจากซูหมิ่นนั่งลงแล้วก็ถามอย่างเมินเฉย
กู้ซินเถาเพิ่งตอบสนองจากความประหลาดใจ จึงรีบพูดว่า “ได้ยินว่าหมิงตูจวิ้นจู่อยู่ในจวน ข้ารู้สึกวางใจไม่ลงจึงตั้งใจมาเยี่ยม!”
ใบหน้าของกู้ซินเถาเต็มไปด้วยความจริงใจ ถ้าหากไม่ใช่ซูหมิ่นรู้ว่าในใจของนางมีแผนการ ไม่อย่างนั้นด้วยรูปลักษณ์ท่าทางของกู้ซินเถานี้ ก็ทำให้คนรู้สึกว่าคนผู้นี้มาเยี่ยมตัวเองด้วยความจริงใจจริง ๆ
“อ๋อ งั้นรึ?” ซูหมิ่นก้มหน้าดื่มชา วันนี้นางไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอก จึงไม่ได้บรรจงแต่งหน้าอย่างปราณีตงดงาม บนใบหน้าแต่งหน้าอย่างบางเบา คิ้วและดวงตาเหมือนจะสูญเสียความงดงามยามในอดีต กลับทำให้คนรู้สึกว่าใบหน้าที่ไร้แป้งแต่งเติมเช่นนี้ กลับไม่ได้มองดูแล้วสบายเท่ากับใบหน้าที่งดงามของกู้เสี่ยวหวาน!
“เจ้าเป็นอะไร? จ้องมองข้าทำไม?” ซูหมิ่นรู้สึกถึงสายตาของกู้ซินเถาจึงพูดอย่างไม่พอใจ
กู้ซินเถาเพิ่งรู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองเพิ่งจะมองดูจวิ้นจู่อย่างใจลอยแล้ว!
นางเหมือนกับว่าได้ค้นพบความลับที่น่าตื่นตะลึงบางอย่าง ในใจจึงยิ่งมีความอิจฉาไม่พอใจแวบผ่านเข้ามา!
กู้เสี่ยวหวานยังงดงามกว่าซูหมิ่นเสียอีก!
นางไม่กล้าพูด ทว่าในใจกลับต้องยอมรับ!
กู้เสี่ยวหวานมักจะไม่แต่งหน้าหรือไม่ก็แต่งอย่างบางเบาเสมอ เมื่อเทียบกับการแต่งหน้าที่ปราณีตงดงามของซูหมิ่น กู้เสี่ยวหวานย่อมด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าหากทั้งสองแต่งหน้าอย่างเบาบางหรือแต่งหน้าอย่างบรรจงปราณีตเหมือนกันเล่า?
กู้ซินเถาเชื่อว่ากู้เสี่ยวหวานจะต้องไม่มีทางแพ้ให้แก่ซูหมิ่นแน่นอน
เมื่อนึกถึงกู้เสี่ยวหวานก็ยังมีวิธีการเช่นนี้อีก ในใจกู้ซินเถาก็ทั้งโกรธทั้งดีใจ
ซูหมิ่นรักใบหน้าของตัวเองมาก ถ้าหากทำให้นางได้เห็นว่าใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานนั้นยังงดงามมากกว่านาง ก็ไม่รู้ว่าท่าทางโกรธจะเป็นอย่างไร!
กู้ซินเถาคิดเช่นนี้ในใจ แต่กลับรีบลุกขึ้นพูดว่า “ซินเถาเพียงแค่มองหน้าตาที่งดงามของจวิ้นจู่จนในใจรู้สึกตกตะลึงเท่านั้น!”
อยู่ใกล้ตัวซูหมิ่นมานานขนาดนี้ จึงไม่มีความกระดากอายอย่างในตอนแรกมานานแล้ว กู้ซินเถาโอ้อวดว่าตัวเองก็เป็นคนที่ฉลาดและก็คลุกคลีอยู่กับพวกคุณหนูสูงศักดิ์เหล่านี้มานาน วิธีการเหล่านั้นนางโอ้อวดว่าตัวเองก็ได้เรียนรู้มาได้ไม่น้อย
ไม่คาดคิดว่ากู้ซินเถาจะตอบคำถามตัวเองอย่างใจกว้างตรงไปตรงมาไม่กลับกลอก ซูหมิ่นกลับมองกู้ซินเถาอยู่หลายแวบ จึงพูดและยิ้มอย่างเสแสร้งว่า “ฝีปากของเจ้านี้ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเรื่อย ๆ! กลับทำให้ข้ามองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป!”
กู้ซินเถาเองก็ยิ้ม “จวิ้นจู่พูดได้ขบขันแล้ว ซินเถาก็คือมีดในมือของจวิ้นจู่ จวิ้นจู่อยากให้ซินเถาลงมือกับผู้ใด ซินเถาก็จะลงมือผู้นั้น!”
ซูหมิ่นพยักหน้า ความไม่พอใจบนใบหน้าก็หายไปแล้วเล็กน้อย
“คราวที่แล้วเจ้าจัดการได้ไม่เลว ข้ายังไม่ได้ให้รางวัลเจ้า เจ้าลองบอกสิว่าเจ้าต้องการอะไร?” ซูหมิ่นวางถ้วยชาในมือลงและพิงหมอนนุ่มถามอย่างเกียจคร้าน
กู้ซินเถาจึงรีบลุกขึ้นพูดว่า “ได้ทำแทนจวิ้นจู่ นั่นเป็นวาสนาของซินเถา!”
ซูหมิ่นโบกมือให้ไฉ่เย่วที่อยู่ด้านข้าง สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ในห้องจึงถอยออกไปทั้งหมด ในพริบตาเดียวก็เหลือแค่ซูหมิ่น ไฉ่เย่วและกู้ซินเถาเพียงสามคน
เมื่อเห็นเช่นนี้กู้ซินเถาจึงมีความสุขมาก จวิ้นจู่มีเรื่องที่จะให้ตัวเองทำอีกแล้ว!
เป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินซูหมิ่นพูดว่า “เจ้าเองก็ไม่ต้องถ่อมตัว คราวก่อนที่เจ้ากระจายข่าวลือเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานออกไป เจ้าทำได้ดีมาก! ข้าเป็นคนที่แยกแยะการให้รางวัลและการลงโทษชัดเจน เจ้าทำได้ดี ข้าย่อมต้องให้รางวัลอย่างงาม เจ้าคิดแล้วหรือยังว่าต้องการอะไร? ข้าสามารถให้ได้ย่อมต้องพอใจเจ้าแน่นอน!”
กู้ซินเถามีความคิดในใจมานานแล้ว นางเพียงแค่อยากกลายเป็นคนในเมืองหลวงเท่านั้น!
เพียงแต่นางไม่มีบ้านพักและไม่สามารถตั้งรกรากอยู่ในเมืองหลวงได้ บ้านพักที่พวกเขาอาศัยกันอยู่ในตอนนี้นั้นก็เป็นเพียงบ้านที่จวิ้นจู่เช่าให้พวกเขาเท่านั้น อาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นในระยะยาวก็ไม่ใช่เรื่อง!
กู้ซินเถารู้ว่าตัวเองยังมีประโยชน์สำหรับซูหมิ่น จึงคุกเข่าลงไปทันที “ซินเถาขอบคุณจวิ้นจู่…. ซินเถามีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้นก็คืออยากกลายเป็นคนในเมืองหลวง! ไม่ต้องกลับไปชนบทที่ทุรกันดานนั่นอีก!”