ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1925 รับของขวัญจนมืออ่อน
บทที่ 1925 รับของขวัญจนมืออ่อน
ขันทีฉีพูดไปไม่น้อยแล้วย่อมไม่พูดอีก “จวิ้นจู่จดจำคำพูดของฝ่าบาทให้ดี!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ขันทีฉีจึงสะบัดไม้ขนไก่แล้วเดินจากไป
กู้เสี่ยวหวานยืนส่งอยู่ด้านหลังด้วยความเคารพ จนกระทั่งคนหายไปแล้วก็ยังตกตะลึงอยู่ ขันทีฉีบอกตัวเองว่าทำอะไรนะ?
ส่งของขวัญ?
ผู้ใดจะส่งของขวัญมาให้นาง?
แต่สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ก็คือตอนที่ฝ่าบาทว่าการนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยปากบอกทุกคนเองว่าสามวันให้หลัง ต้องให้คุณหนูคุณชายในตระกูลพวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับกู้เสี่ยวหวานในวังหลวง!
ขุนนางทุกคนได้ฟังก็ตกตะลึง
นี่…. นี่ฝ่าบาทต้องการแก้ไขชื่อเสียงแทนกู้เสี่ยวหวาน! พิสูจน์ว่ากู้เสี่ยวหวานบริสุทธิ์!
เรื่องที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง ยังไม่หมดไปแค่นั้น ประโยคครึ่งหลังของฝ่าบาทยังทำให้คนเหล่านั้นอ้าปากค้าง
“ขุนนางทุกท่าน ตอนนี้อันผิงจวิ้นจู่กำลังถูกคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ เมื่อนึกถึงจวิ้นจู่ในราชวงศ์ของข้า ไม่คาดคิดว่าจะถูกคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างสาดเสียเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดของข้า เพื่อที่จะแสดงความรู้สึกเสียใจของข้า ตอนนี้จึงได้ส่งทองคำพันตำลึง ไข่มุกและหยกสิบกล่องและที่ดินหนึ่งร้อยแปลง ปลอบขวัญจวิ้นจู่แทน!”
คนที่ขี้ขลาดบางคนเหงื่อหยดบนพื้นจนแทบจะส่องคนที่อยู่บนพื้นหินอ่อนในตำหนักได้แล้ว
คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานตัวเล็ก ๆ จะสามารถทำให้ฝ่าบาทและไทเฮาเคลื่อนไหวออกมาเช่นนี้ได้ ต่างพากันประหลาดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก หลังจากที่กลับไปแล้วจึงให้คนเตรียมการอย่างดี เตรียมส่งของขวัญปลอบใจและรีบส่งไปที่สวนชิง
ช่วงเวลานั้นหน้าประตูของสวนชิงก็เกือบจะถูกคนเหยียบย่ำจนแตกอีกรอบ
คราวนี้กู้เสี่ยวหวานรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทจึงต้องพูดต่อหน้าเหล่าขุนนางเช่นนั้น
แม้แต่ฝ่าบาทยังเตรียมของขวัญปลอบใจให้ตัวเอง คนเหล่านั้นกล้าดีอย่างไรจะไม่ส่ง?
ฝ่าบาทส่งทองคำพันตำลึง ไข่มุกและหยกสิบกล่องและที่ดินหนึ่งร้อยแปลงแล้ว คนเหล่านั้นย่อมไม่อาจเหนือกว่าฝ่าบาท แต่ก็ไม่กล้าที่จะด้อยไปกว่ามาก ดังนั้นจึงรีบส่งสิ่งของล้ำค่าไปให้!
ของขวัญที่คนเหล่านั้นส่งมา ถ้าไม่ใช่ไข่มุกหรือหยกชั้นดีก็เป็นเครื่องลายครามโบราณที่อายุหลายปีแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถ้ามีของดีอะไรก็ส่งไปที่สวนชิง เวลาเพียงสามวันรายการของขวัญก็เขียนได้ห้าเล่มใหญ่แล้ว ส่วนห้องเก็บของของกู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถกองไว้ได้อีก
กู้เสี่ยวหวานมองของที่กองจนเต็มห้องเก็บของ ประตูนั้นก็ปิดได้ยาก ด้านนอกเรือนนั้นยังมีของมากกว่าครึ่งกองไว้อยู่ ตรงประตูใหญ่ก็ยังมีคนมอบของขวัญกันอย่างต่อเนื่อง
กู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้เห็นของขวัญปลอบใจที่มากมายเช่นนี้ก็อึ้งตะลึง นี่….
กู้เสี่ยวหวานไม่รีบร้อน อย่างไรเสียในสวนชิงนี้ก็ยังมีห้องว่างอีกตั้งมากมาย หาตามใจออกมาใช้สองสามห้องถือเป็นห้องเก็บของไปชั่วคราวก่อนเถอะ!
กู้ฟางสี่ตกตะลึงไม่หยุด “โอ้สวรรค์ นี่….”
กู้เสี่ยวอี้ปิดปากหัวเราะ “เกรงว่าท่านพี่จะกลายเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยของเมืองหลวงแล้ว!”
ผู้ใดบอกไม่ใช่เล่า?
กู้เสี่ยวหวานรักเงินมาก อย่างไรเสียฝ่าบาทก็ได้ให้ขันทีฉีนำคำพูดมาแล้ว บอกว่าผู้ที่มานั้นไม่ให้ปฏิเสธ ผู้ใดส่งมาก็ให้รับเอาไว้! หีบทองอันใหญ่จนถึงกล่องไข่มุกอันเล็ก นางก็รับมาโดยตาไม่กะพริบ
ไม่ว่าอย่างไรก็มีฝ่าบาทคอยสนับสนุนนางอยู่!
เมื่อเห็นของเต็มห้องใหญ่หลายห้อง กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขมาก!
ส่วนฉินเย่จือที่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่งไม่ไกลนั้น ก็มีความสุขมากเช่นกัน!
คนรักของเขารักเงินเป็นพิเศษ!
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ต้องทำให้คนทั่วเมืองหลวงเหล่านั้นทราบแล้วว่าคนผู้นี้เป็นคนของใคร!
ทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ ต่อไปผู้ใดยังจะกล้าแตะต้องนางอีก! ผู้ใดยังจะกล้าใส่ร้ายนางอีก?
นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น!
หลังจากรับของขวัญมาแล้วสองวันติด อาจั่วและอาโม่ก็ใช้เวลาทั้งวันในการจัดระเบียบในห้องเก็บของ จึงเก็บข้าวของทุกอย่างไว้อย่างเรียบร้อยและมีห้องเก็บของใหญ่เพิ่มมาสี่ห้อง!
รวมกับของที่ฉินเย่จือส่งมาเมื่อก่อน ห้องที่เก็บของก็มีมากกว่าสิบแล้ว!
มองดูรายการของขวัญที่หนาเป็นปึกตรงหน้าตัวเอง เกรงว่าจะไม่ต่ำกว่าสิบเล่ม ข้างในจดบันทึกจนถี่ยิบว่านางมีของอะไรบ้าง!
กู้เสี่ยวหวานหรี่ตาทันที ตอนนี้นางก็กลายเป็นเศรษฐีแล้ว แค่ไม่ทำงานก็มีกินมีดื่มไปตลอดหลายสิบปี นี่ก็เพียงพอสำหรับนางแล้ว!
กู้เสี่ยวหวานมีความสุข เมื่อฉินเย่จือเข้ามาก็เห็นสายตาที่รักเงินของนาง จึงยิ้มตามแล้วก้าวไปข้างหน้ากอดคนไว้ในอ้อมแขนและนั่งบนตักเขา คนรอบข้างเห็นก็รีบก้มหน้าลงและออกไป
หลังจากกู้เสี่ยวหวานรอพวกเขาออกไปจนไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่แล้ว ก็เอื้อมมือโอบรอบคอของฉินเย่จือและเอาหัวพิงไหล่ของเขาเบาๆ
จมูกก็ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์บนกายของกู้เสี่ยวหวาน อารมณ์ของฉินเย่จือจึงผ่อนคลาย เขาออกแรงกอดหญิงสาวในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเล็กน้อย “หลายวันมานี้มีความสุขมากรึ?”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ้มมีความสุข
“แน่นอนว่าย่อมมีความสุข คนมากมายส่งของมาล้วนเป็นทองเป็นเงินและหยกที่ล้ำค่า ยังมีเครื่องเคลือบและภาพวาดที่ดีอีกด้วย หลายวันมานี้ข้าได้รับของขวัญจนมือข้าอ่อนหมดแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานเลิกคิ้วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภูมิใจ
มีความสุขมากจริง ๆ อีกทั้งของเหล่านี้รับแล้วก็ไม่ต้องส่งของขวัญกลับคืน นั่นก็เท่ากับว่าเป็นของที่อยู่ในห้องเก็บของของนางอย่างแท้จริง!
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่รักเงินของคนที่อยู่ในอ้อมแขน ฉินเย่จือก็มีความสุขตามไปด้วย “เจ้ามีความสุขก็พอ!”
เขารู้ว่าการให้คนเหล่านั้นส่งของขวัญสามารถทำให้นางมีความสุขขึ้นมาได้แน่นอน เป็นอย่างที่คิดไว้ว่านางเป็นคนที่รักเงิน!
กู้เสี่ยวหวานดึงมือของฉินเย่จือ เมื่อนึกถึงงานเลี้ยงในคืนนี้จึงพูดว่า “พี่เย่จือ วันนี้เข้าไปวังหลวงด้วยกันกับข้าดีหรือไม่?”
ฉินเย่จือสีหน้าไม่เปลี่ยน บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่ตลอด “เกิดอะไรขึ้น?”
“ได้ยินมาว่างานเลี้ยงที่ฝ่าบาทและไทเฮาทรงจัดขึ้นให้ข้าในคืนนี้ก็เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้า ข้าคิดว่าคืนนี้เป็นโอกาสดีที่จะพาท่านไปประกาศให้พวกเขารู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่เหลาะแหละใจง่ายประเภทนั้นที่ได้แล้วทิ้งขว้าง… อือ…”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานยังอยู่ในปาก แต่กลับถูกคนปิดเอาไว้แล้ว
ริมฝีปากบางสีแดงสดที่อ่อนนุ่มตรงหน้านั้นได้ถูกกลืนลงไปจนหมด และก็ได้กลืนคำพูดของนางเหล่านั้นลงไปด้วย
จูบนี้พลิกไปพลิกมาจนกู้เสี่ยวหวานสีหน้าแดงก่ำสมองมึนงง ฉินเย่จือจึงปล่อยนาง แต่กลับยังคงแตะริมฝีปากของนางอย่างแผ่วเบา และพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดกับตัวเองเช่นนี้!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าส่งเสียงอืม สองมือสัมผัสที่ศีรษะของฉินเย่จือแล้วกดลงให้เขาเป็นคนเก็บเสียงนั้น
เสียงที่อืมนั้นเหมือนเสียงลูกแมวอย่างไรอย่างนั้น ริมฝีปากและลิ้นที่จากไปแล้วก็กลับมาดูดดึงลิ้นเล็ก ๆ ที่อ่อนนุ่มของคนตรงหน้าให้อ่อนยวบใหม่อีกครั้ง!