ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1926 เตรียมตัวไปงานเลี้ยง
บทที่ 1926 เตรียมตัวไปงานเลี้ยง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกวิงเวียน หากแต่ได้ยินเสียงแผ่วเบา “หวานเอ๋อร์ สวรรค์ประทานประทานมันให้กับเจ้า เจ้าเป็นสิ่งที่มีค่าและงดงามที่สุดในโลกนี้!”
กู้เสี่ยวหวานสูดหายใจเข้า “พี่เย่จือ ท่านก็เช่นกัน!”
นางมีอะไรดีถึงได้ครอบครองคนที่ทะนุถนอมตนเอง บางทีในชีวิตนี้ นางอาจทำสิ่งดี ๆ มากมาย ละนั่นคือเหตุผลที่นางได้รับรางวัลที่ดี!
ทั้งสองพะเน้าพะนอกันเป็นอยู่นานจนกระทั่งฉินเย่จือจากไป กู้เสี่ยวหวานยังคงวิงเวียนเล็กน้อย ดวงหน้าเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากบวมเจ่อเล็กน้อย
เมื่ออาจั่วเข้ามาเห็นใบหน้าของคุณหนูแดงก่ำเหมือนลูกท้อ จึงรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเมื่อครู่ ดังนั้นนางจึงรีบรุดขึ้นหน้ากล่าวว่า “คุณหนู ตอนนี้สายมากแล้ว แต่งตัวกันเถอะเจ้าค่ะ!”
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองอาจั่วด้วยดวงตาพร่ามัว พลางอุทานเสียงเบา แม้ว่านางจะไม่รู้ตัวก็ตามว่าน้ำเสียงนั้นเจือความออดอ้อน
อาจั่วอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อคิดถึงฝีเท้าฉินเย่จือจากไป จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ
เกรงว่างานมงคลคงใกล้เข้ามาแล้ว!
จิตใจของกู้เสี่ยวหวานยังคงว่างเปล่าและรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้ลืมงานสำคัญนี้ นางขอให้อาจั่วช่วยเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับ และขอให้โค่วตันช่วยหวีผมของนาง
อาจั่วเตรียมชุดและเครื่องประดับ เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “เหตุใดข้าไม่เคยเห็นชุดนี้มาก่อน?”
นอกจากนี้ยังมีปิ่นปักลวดลายนกยูงสีทอง และมีไข่มุกสีม่วงหายากห้อยระย้าเปล่งประกายงดงาม
นอกจากนี้ยังมีต่างหูมุกสีม่วงคู่หนึ่งซึ่งร้อยด้วยลวดสีทองทำให้ดูมีเสน่ห์และสะดุดตายิ่งขึ้น
กู้เสี่ยวหวานมองอย่างสงสัย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของนาง!
“คุณหนู เมื่อครู่พี่ใหญ่ฉินเพิ่งนำมาให้ โดยบอกว่าให้คุณหนูสวมชุดนี้เข้าร่วมงานเลี้ยงค่ำคืนนี้!” อาจั่วตอบ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าเห็นด้วยโดยธรรมชาติ ทันใดนั้นก็คิดว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะจากไป เขาไม่ได้สัญญาว่าจะตามนางเข้างานเลี้ยงคืนนี้ เขาจูบนางเพื่อทำให้ตัวเองลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
“จริง ๆ เลย…เขาไม่ยอมบอกข้าให้ชัดเจน!”
กู้เสี่ยวหวานพึมพำ
อาจั่วที่อยู่ด้านข้างสังเกตเห็นแววขุ่นเคืองจากกู้เสี่ยวหวานจึงวางชุดลงแล้วพูดว่า “เมื่อครู่พี่ใหญ่ฉินเพิ่งบอกว่าคืนนี้เขาต้องเข้าเวร และดูเหมือนว่าเขาจะอยู่นอกตำหนักหัวอินที่คุณหนูจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง!”
ทันทีที่นางได้ยินว่าเขาปฏิบัติหน้าที่นอกพระราชวัง ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานสดใสขึ้นทันที “จริงหรือ?”
“อืม เขาบอกว่าคุณหนูอาจจะมองไม่เห็นเขา แต่เขาสามารถมองเห็นคุณหนูได้ชัดเจน เขาหวังว่าคุณหนูจะไม่หวาดกลัว และเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยความสบายใจ!” อาจั่วกล่าว
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าตนเองจะมองไม่เห็นเขา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นี่คืองานของเขา และนางไม่สามารถทำให้ตัวเองส่งผลกระทบต่องานของเขาได้!
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย กู้เสี่ยวหวานเห็นหญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ สวมอาภรณ์สีม่วงกุหลาบยาวระพื้น กระโปรงสีเดียวกันปักด้วยลวดลายดอกเหมยสีขาวบริสุทธิ์หลายดอก และบนดอกเหมยปักลวดลายผีเสื้อบินวนราวกับกำลังเต้นรำท่ามกลางดอกไม้
ผ้าคาดเอวสีขาวราวหิมะรัดรอบเอวที่รัดแน่น เข้ากับกระโปรงยาวสีพื้นสีม่วงกุหลาบยิ่ง!
ผมครึ่งศีรษะถูกรวบขึ้นไป คิ้วเรียวดั่งใบหลิวหนึ่งโค้งราวกับพระจันทร์เสี้ยว ดวงตาคู่นั้นดำขลับราวกับน้ำหมึก ลุ่มลึกและสดใส
บนหน้าผากวาดฮวาเตี้ยนรูปดอกเหมย บนศีรษะมีประดับด้วยปิ่นปักผมนกยูงสีทองตัวนกยูงคาบไข่มุกสีม่วงไว้ใต้จะงอยปากของมัน ต่างหูมุกสีม่วงเปล่งประกายแวววับทำให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้านางดูสง่างาม
หลังจากแต่งตัวเสร็จ ทุกคนก็ตกตะลึง!
เครื่องแต่งกายตามปกติของกู้เสี่ยวหวานนั้นเรียบง่าย แต่คราวนี้ชุดและเครื่องประดับที่ฉินเย่จือส่งมาล้วนหรูหรา เพื่อให้เข้ากับเสื้อผ้าและเครื่องประดับนางจึงแต่งหน้าอย่างสดใส ตอนนี้เมื่อมองไปที่คนตรงหน้า นางเป็นเหมือนนางฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์!
นางมีท่าทางสูงส่งจนคนอื่นไม่กล้ามองนางตรง ๆ ไม่มีผู้ใดอาจละสายตาจากนางได้
อาจั่วเห็นว่าคุณหนูแต่งตัวเสร็จแล้ว นางก็ตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย!
นายท่านไม่เคยเห็นคุณหนูแต่งตัวแบบนี้มาก่อน เกรงว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ นายท่านคงไม่อยากแยกจากคุณหนูไปอีก!
การเข้าวังครั้งนี้เกรงว่าจะปั่นป่วนหัวใจคนไม่รู้สักกี่คน!
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พาอาจั่วและโค่วตันขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังวังหลวง
ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า มีคนมากมายบนท้องถนน รถม้าจึงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก และตอนนี้ ตำหนักของฮ่องเต้สูงตระหง่านและสง่างามก็อยู่ตรงหน้าพวกนาง
เมื่อพวกนางมาถึง หน้าประตูวังก็มีรถม้าจอดอยู่หลายคัน ทุกคนล้วนลงจากรถม้าหน้าประตูวังแล้วเดินเท้าไปยังตำหนักหัวอิน
รถม้าหยุดลงช้า ๆ อาจั่วและโค่วตันประคองกู้เสี่ยวหวานลง จากนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “รถม้าของอันผิงจวิ้นจู่หรือเปล่า?”
อาโม่ตอบรับหนึ่งคำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงขันฉีดังขึ้น “จวิ้นจู่ ท่านมาแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานรีบออกจากรถม้าก็พบขันทีฉียืนอยู่ข้างรถม้า และกำลังมองมาที่ตน
แต่เมื่อกู้เสี่ยวหวานออกมา ขันทีฉีก็ต้องประหลาดใจกับชุดที่สง่างามและหรูหราของนาง!
เขาไม่เคยเห็นกู้เสี่ยวหวานแต่งหน้าเช่นนี้มาก่อน และตอนนี้เขาประหลาดใจมาก!ความงามแบบนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครในเมืองหลวงทั้งหมดเทียบได้ใช่หรือไม่?
หลังจากประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ขันทีฉีก็กลับมาเป็นปกติ ชี้ไปที่เกี้ยวด้านข้างพลางพูดว่า “จวิ้นจู่ โปรดขึ้นเกี้ยว…”
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่เกี้ยวหรูหราด้านข้างและถามว่า “ขันทีฉี ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเดินเท้าเข้าไปหรอกหรือ? ทำไม…”
ทำไมให้นางนั่งบนเกี้ยวเข้าไปอีกล่ะ?
ขันทีฉีหัวเราะและพูดว่า “ในวันนี้จวิ้นจู่เป็นแขกผู้มีเกียรติของฮ่องเต้และไทเฮา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะปฏิบัติต่อท่านแตกต่างออกไป! เชิญจวิ้นจู่…”
ขันทีฉีผายมือไปด้านหน้ากู้เสี่ยวหวาน ดูเหมือนว่าต้องการช่วยประคองกู้เสี่ยวหวานลงจากรถ