ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 194 พระเอกปรากฏตัว
บทที่ 194 พระเอกปรากฏตัว
บทที่ 194 พระเอกปรากฏตัว
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เคยเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้มาก่อน ราวกับอยู่ในยุคปัจจุบันที่มีเนื้อสดใหม่[1] โผล่ออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดูดีแต่ไม่มีอะไรให้ประหลาดใจ ดูเหมือนเนื้อสดชิ้นนี้หน้าตาเหมือนคนทั่วไป ถ้าไม่แยกแยะให้ดีก็แยกไม่ออกจริง ๆ ว่าใครเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ราวกับว่าออกมาจากภาพวาด ชายหนุ่มคนนี้ช่าง…
แม้ว่าเขาจะมีรูปโฉมงาม แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนสตรี ในทางกลับกัน แก้มที่มีรอยมีดของเขาเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเด็ดขาด แม้แต่ดวงตาที่เรียวยาวเหล่านั้นก็จ้องมาทางกู้เสี่ยวหวานอย่างมืดมน
ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่อยู่ข้างหน้าเขายังเป็นเพียงเด็ก และจ้องมองมาที่เขาโดยไม่ปิดบังเหมือนกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าตนเองคงจะหยิบดาบขึ้นมา และคนผู้นี้คงถูกตัดหัวไปเสียแล้ว
“เจ้ามองพอหรือยัง!”
กู้เสี่ยวหวานที่ตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเย็นชา แม้แต่เสียงของเขาก็เย็นชาและเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง จากนั้นนางก็รู้ตัวว่าโดนสะกดจากชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ นางรีบละสายตาและพ่นลมอย่างเย็นชาด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ “ฮึ่ม เจ้าไม่ใช่ทอง จะมองพออะไรกัน!”
หลังจากพูดเช่นนี้ เด็กหญิงก็อายเล็กน้อยและวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อสงบอารมณ์ลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายนี้อายุเพียงเก้าขวบ แต่จิตใจของนางก็สามสิบแล้ว มันค่อนข้างน่าอายเล็กที่ถูกพบว่าแอบมองและยังถูกตำหนิอีก
ชายผู้นั้นฟื้นขึ้นแล้ว และเขาเพิ่งพูดกับตนเองอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีปัญหาร้ายแรงอะไรแล้ว คนผู้นี้สุขภาพดีจริง ๆ หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสและพักผ่อนหนึ่งคืนก็ราวกับคนที่ไม่เป็นอะไร
กู้เสี่ยวหวานทำหน้าบึ้ง นางเดินเข้าไปในครัวเพื่อตักข้าวต้มใส่ชาม แล้วกลับไปยังห้องโถง คนผู้นั้นที่ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ดวงตาที่ปิดสนิทก็ลืมขึ้นอีกอย่างเย็นชา กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง ชามในมือเกือบร่วงหล่นใส่ใบหน้าของคนผู้นั้น
“เจ้ากำลังทำอะไร? เจ้าจะทำให้คนตกใจตาย!” ข้าวต้มในชามกระเด็นโดนมือนาง ความร้อนนั้นทำให้ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเหยเก ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนนอนอยู่นางคงจะปล่อยถ้วยนั้นไปแล้ว
ทำให้เสียโฉมไปเสียก็หมดเรื่อง ด้วยรูปลักษณ์ที่ชั่วร้ายเช่นนี้ คาดว่าเขาก็คงไม่ใช่คนดีอะไร!
กู้เสี่ยวหวานโกรธ โกรธเป็นอย่างมาก
คนผู้นั้นไม่พูดอะไร แต่จ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างโหดหี้ยม
เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาและระมัดระวังของคนผู้นั้น กู้เสี่ยวหวานจึงกระแทกชามในมือของนางไปที่เตียงพลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ชายผู้นั้นก็กะพริบตา ประโยคหลังเขาเข้าใจ แล้วประโยคก่อนหน้าหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ?
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่?” เสียงของคนผู้นั้นแหบแห้งและอ่อนแรง แต่อำนาจในคำพูดของเขายังคงไม่ลดลงแม้แต่น้อย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกได้ว่าหลังจากคำพูดของคนผู้นั้น อากาศรอบตัวเขาก็เย็นลงราวกับน้ำค้างแข็ง
และเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ในสายตาของชายผู้นี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาฆ่าที่ชัดเจน!
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงมาก คนผู้นี้อันตรายมาก!
“ท่านพี่…” เสียงของกู้เสี่ยวอี้ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของเตียง
ที่แท้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ก็ตื่นขึ้นแล้ว กู้เสี่ยวหวานที่เฝ้าดูคนผู้นั้นอย่างระมัดระวังจึงไม่ได้สังเกตเห็น
กู้เสี่ยวอี้ที่เห็นว่าคนผู้นั้นจ้องมองดูพี่สาวของตนเองด้วยสายตาที่โหดหี้ยม นางกลัวอย่างมากว่าพี่สาวของนางจะเสียเปรียบ นางจึงรู้สึกเป็นห่วง ดังนั้นจึงรีบตะโกนออกไป
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่สถานที่ที่เด็กสองคนนั่งอยู่ กู้หนิงผิงโอบกู้เสี่ยวอี้เอาไว้พลางจ้องมองไปที่คนผู้นั้นอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเขาจ้องมองตรงไปที่คนผู้นั้น ร่างกายของเขาเหมือนลูกศรบนคันธนูที่ตึงพร้อมที่จะพุ่งไปเมื่อใดก็ได้
ถ้าคนผู้นี้กล้าทำอะไรกับกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ กู้หนิงผิงก็จะรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
กู้เสี่ยวหวานยืนขึ้นอย่างกะทันหัน ออกห่างจากคนผู้นั้นหนึ่งหมี่และจ้องไปที่เขาอย่างระมัดระวัง และกล่าว “เราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้านนี้ และอีกอย่างอย่าทำให้น้องชายและน้องสาวของข้ากลัว”
เจตนาฆ่าในสายตาคนผู้นี้ชัดเจนเกินไป ดูเหมือนคนผู้นี้จะไม่ใช่คนดีจริง ๆ แต่ตนเองก็ช่วยเขามาแล้ว เขาคงไม่ฆ่าตนเองหรอกใช่หรือไม่?
ฉินเย่จือมองดูเด็กหญิงตัวเล็กตรงหน้าอย่างสงสัย เด็กหญิงอายุประมาณแปดถึงเก้าขวบ และเสื้อผ้าบนเรือนร่างของนางก็เรียบง่ายและหยาบกร้าน ดูธรรมดามาก มีเพียงรูปร่างหน้าตาเท่านั้นที่นับได้ว่าค่อนข้างดี
คาดว่าไม่ได้พักผ่อนมากทั้งคืน ดวงตาของนางจึงแดงก่ำและดูอ่อนเพลีย ฉินเย่จือรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และเกิดความรู้สึกผิดขึ้น
เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็กทำท่าราวกับแมวพองขน ฉินเย่จือก็รู้สึกเหลือทน
ครอบครัวนี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แต่เขากลับสงสัยพวกเขา
เฮ้อ … ฉินเย่จือถอนหายใจและต้องการพูดคำที่ดูเป็นมิตร แต่เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในที่สุดอันตรายก็คลี่คลายลงแล้ว การอยู่ที่นี่ก็คงจะปลอดภัย!
“นอกจากพวกเจ้าที่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้างหรือไม่?” ฉินเย่จือต้องระวังตัวอยู่เสมอเพราะมีคนจำนวนมากต้องการชีวิตของเขา ในเวลาปกติเขาไม่กลัว แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัสจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น
“นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีท่านหมอ” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้าบอกท่านหมอแล้ว ขอให้ท่านหมอว่าอย่าเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป”
ฉินเย่จือฟังและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาค่อย ๆ ลดลง
แม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะยังเด็ก แต่นางก็ช่างคิด กล้าหาญ และระมัดระวัง นางดูไม่เหมือนสาวชาวไร่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ฉินเย่จือพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขยับร่างกาย แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาไม่สามารถขยับอะไรได้แม้แต่น้อย
กู้เสี่ยวหวานมองท่าทางของคนผู้นั้นพลางกล่าวว่า “ท่านได้รับบาดเจ็บและเมื่อคืนยังมีไข้อีก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักนิด! แน่นอนว่าจึงขยับไม่ได้!”
ฉินเย่จือเอนหลังอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด คาดว่าคงใช้แรงมากเกินไปจึงส่งผลต่อบาดแผลที่หน้าอกและหลังของเขา ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง
เขาจ้องไปที่หลังคาสีดำสนิทและที่นอนแข็งที่อยู่ใต้เขาอย่างอ่อนแรง และเขาไม่รู้ว่าจะเรียกว่าที่นอนได้หรือไม่
“ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นคนดีหรือคนเลว แต่ข้าช่วยท่านมาแล้ว และไม่ต้องการความขอบคุณจากท่าน แค่หวังว่าท่านจะรู้ว่าทุกคนในครอบครัวนี้ช่วยท่านมา และอย่าสร้างปัญหาให้ทั้งครอบครัวของเรา!” วันนี้คนที่ช่วยนั้นรอดแล้ว จึงทำได้เพียงขอให้คนผู้นี้มีมโนธรรมมากพอ
“โอ้ ข้าดูเป็นคนไม่ดีงั้นหรือ?” ใบหน้าที่ตึงเครียดของฉินเย่จือผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเด็กหญิง และแม้แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่หายาก
…………………………………………………………………………
[1] 小鲜肉 เนื้อสดใหม่ เป็นคำศัพท์ทางอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนที่ใช้อธิบายชายหนุ่มที่หล่อเหลา