ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1940 ซื่อจื่อเชิญเจ้าดื่มน้ำชา
บทที่ 1940 ซื่อจื่อเชิญเจ้าดื่มน้ำชา
ยังมีกู้ซินเถาบุตรสาวที่นางเลี้ยงดูมาอย่างดี เมื่อก่อนเห็นนางถูกตีก็จะร้องไห้เกลี้ยกล่อม แต่ตอนนี้เล่า?
นางนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งใจเรียนมารยาทอย่างเดียว หลงลืมแม่ผู้นี้ไปเสียสนิท!
การทำร้ายทุบตีของสามี การหมางเมินไม่แยแสของบุตร นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ซุนซีเอ๋อร์เป็นทุกข์และหมดหวัง!
ลูกของนางกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
กู้ซินเถาพูดเรื่องของหมิงตูจวิ้นจู่อย่างเกียจคร้าน กู้ฉวนลู่ฟังก็ถอนใจ “กู้เสี่ยวหวานโชคดีมาก! ข้าพบว่าตั้งแต่หลังจากที่คนผู้นี้ถูกเจ้าผลักลงไปในน้ำจนเกือบจมน้ำตาย นางก็โชคดีอย่างยิ่งทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด!”
คำพูดของกู้ฉวนลู่ทำให้ซุนซีเอ๋อร์และกู้ซินเถานึกขึ้นมาได้ทันที เรื่องครั้งนั้นเกือบจะทำให้กู้เสี่ยวหวานตาย!
ใช่แล้ว ทั้งหมดถูกมัดไว้กับเสาและนางยังไม่ถูกไฟคลอกตาย! ทั้งที่หมดลมหายใจแล้ว แต่ยังสามารถมีชีวิตอยู่
อาศัยอะไรนางจึงมีชีวิตที่ดีขนาดนี้!
“พวกเจ้าว่า กู้เสี่ยวหวานผู้นี้คงไม่ใช่ว่าเป็นจิ้งจอกที่ฉลาดเจ้าเล่ห์จริง ๆ หรอกมั้ง?” กู้ฉวนลู่ลืมไปแล้วว่าเขาเป็นลุงของกู้เสี่ยวหวาน คาดไม่ถึงว่าจะพูดเช่นนี้ออกมา!
กู้ซินเถาขมวดคิ้ว ในใจก็มีการขบคิดสิ่งอื่นลาง ๆ ขณะที่กำลังขมวดคิ้วคิดอย่างหนัก จู่ ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและเสียงตะโกนดังว่า “ขอถามหน่อย แม่นางกู้อยู่บ้านหรือไม่?”
สิ่งชุนที่อยู่ด้านหลังกู้ซินเถารีบวิ่งไปเปิดประตู ไม่นานก็กลับมาใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “คุณหนู ซื่อจื่อเชิญท่านไปสังสรรค์เจ้าค่ะ!”
กู้ซินเถาโง่งมเล็กน้อย “เจ้าว่าอย่างไรนะ? เจ้าว่าใครให้ข้าไปสังสรรค์?”
กู้ฉวนลู่กลับได้ยินชัดเจน “เจ้าว่าไงนะ? เจ้าบอกว่าซื่อจื่อ? ซื่อจื่อให้ซินเถาไปสังสรรค์?”
“เจ้าค่ะ ด้านนอกเป็นรถม้าของซื่อจื่อ บอกว่าซื่อจื่อเชิญให้แม่นางไปดื่มชา!” สิ่งชุนพูดอย่างตื่นเต้น
“เชิญข้าดื่มชา? จะเป็นไปได้อย่างไร? เขา…. ข้า…. ข้าไม่…. ไม่เคยพบซื่อจื่อมาก่อนนะ….” จนถึงตอนนี้กู้ซินเถายังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ในใจนางประหม่า ทั้งยังตื่นเต้นมากจนพูดไม่ชัดแล้ว!
ใบหน้าของกู้ซินเถาแดงก่ำด้วยความกระดากอาย มือและเท้าไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ที่ไหน ร่างนั้นโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่านางยึดมั่นในการให้ตัวเองเป็นสตรีที่สง่างามเพียบพร้อม เกรงว่ามือนี้คงจะบีบไหล่สิ่งชุนแล้วเค้นถามนางให้ดี ๆ ไปแล้ว!
“จริงเจ้าค่ะคุณหนู คนของซื่อจื่อมาแล้ว! บนหัวรถม้าของคนผู้นั้นยังมีเครื่องหมายของจวนหมิงอ๋องอยู่ด้วย!” สิ่งชุนกล่าวอย่างตื่นเต้น “หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ออกไปดูก็จะเชื่อทันทีเจ้าค่ะ! ในรถม้าคันนั้นเหมือน…. เหมือนมีคนกำลังนั่งอยู่!”
กู้ซินเถามีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจสัมผัสได้จากทั่วสารพัดทิศ นางไม่อยากจะเชื่อ
แต่กู้ฉวนลู่ที่อยู่ด้านข้างกลับตบมืออย่างตื่นเต้น พลางพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สิ่งชุน รีบพาคุณหนูไปแต่งตัวด้านหลังเร็วเข้า ข้าจะไปดูด้านหน้าก่อน!”
สิ่งชุนพากู้ซินเถาที่แม้แต่จะเดินก็เดินไม่ได้ออกไป ขาทั้งคู่ของกู้ซินเถาอ่อนแรงเล็กน้อยและพิงไหล่ของสิ่งชุน จึงค่อนข้างที่จะเปลืองแรง ทั้งสองเดินไปอย่างเชื่องช้า
กู้ฉวนลู่เห็นเข้าก็ร้อนใจเล็กน้อย จึงกวาดตามองซุนซีเอ๋อร์ที่ยังคงเช็ดน้ำตาอยู่ พูดอย่างดุร้ายว่า “เจ้าจะร้องไห้ทำไม ยังไม่รีบไปช่วยอีก!”
ซุนซีเอ๋อร์รีบหยุดน้ำตา สายตาของกู้ฉวนลู่ราวกับอยากจะกินคน จึงรีบก้าวเข้าไปช่วย!
กู้จือเหวินมองออกไปด้านนอก ริมฝีปากก็พึมพำไม่ชัดเจน แต่ว่าในดวงตากลับเปล่งประกาย แววตามีความอ่อนเพลียเล็กน้อยราวกับสำเร็จความใคร่มากเกินไปจนเลื่อนลอย
“ท่านพ่อ ซื่อจื่อมาจริงรึ?” กู้จือเหวินถามด้วยสายตาเปล่งประกาย
กู้ฉวนลู่อยู่ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจก็พบเจอซูหลินแค่บางครั้งเท่านั้น เพียงแต่ไม่เคยพูดอะไรด้วยสักคำ คนเช่นนั้นเป็นซื่อจื่อน้อย ต่อไปก็จะเป็นนายท่าน!
เขากลัวจนไม่เคยเอ่ยอะไรกับเขาสักคำ คนที่สูงส่งเช่นนั้นวันนี้มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร? และยังเชิญกู้ซินเถาไปดื่มชาด้วย?
กู้ฉวนลู่ไม่กล้าคิดต่อ ไม่แน่ว่าซื่อจื่อน้อยกำลังนั่งรอคอยอยู่ด้านนอก ดังนั้นจึงรีบดึงกู้จือเหวินไปที่ประตู
“เมื่อพบซื่อจื่อแล้วก็จะต้องปากหวานหน่อย เจ้ารู้หรือไม่? พูดเรื่องดี ๆ ให้มาก!” กู้ฉวนลู่เดินไปพลางกำชับกู้จือเหวินไปด้วย
กู้จือเหวินรีบพยักหน้าตอบรับ แม้แต่ฝีเท้าก็ยังสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น!
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยพบเห็นคนที่มีสถานะสูงส่งเช่นนี้มาก่อน!
ถ้าหากนี่เป็นซื่อจื่อที่มาจริง ๆ และยังเชิญน้องสาวไปดื่มชาด้วย ต่อหน้าเพื่อนพวกนั้นเขายังสามารถโม้ได้อีกยาว!
ทั้งสองวิ่งเหยาะ ๆ ไปตรงประตูใหญ่ ก็เห็นรถม้าที่หรูหราคันหนึ่งจอดอยู่ในตรอกคับแคบนี้ มองอย่างไรก็ช่างดูไม่เข้ากัน!
ถัดจากรถม้าก็มีคนที่แต่งตัวเหมือนคนรับใช้ยืนอยู่ห้าหกคน และยังมีคนขับรถ!
หนึ่งในนั้นเห็นคนออกมาแล้ว จึงรีบก้าวเข้ามาพูดว่า “ขอถามว่าใช่นายท่านกู้กับนายน้อยกู้หรือไม่?”
กู้ฉวนลู่รีบพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
“ซื่อจื่อกำลังรอแม่นางกู้อยู่บนรถม้า!” หลิวอิงอิ่นพาทั้งสองไปที่รถม้า ประสานมือพูดกับคนในรถม้าว่า “ซื่อจื่อ นายท่านกู้กับนายน้อยกู้ออกมาแล้ว!”
ม่านรถม้าถูกยกขึ้น กู้ฉวนลู่เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตัวเองเคยพบหน้าสองสามครั้งจริง ๆ บุรุษที่หรูหราร่ำรวยผู้นี้….
“ข้าน้อยเคยพบเจอซื่อจื่อ….” กู้ฉวนลู่รีบดึงกู้จือเหวินคุกเข่าลงแล้วเคารพอย่างประจบสอพลอ
ซูหลินเห็นจึงยิ้มพลางพูดว่า “ท่านทั้งสองรีบลุกขึ้นเถอะ! ที่นี่คนปากมาก ข้าจะไม่ลงจากรถม้า!”
หลิวอิงอิ่นรีบเข้าไปประคองกู้ฉวนลู่และกู้จือเหวินขึ้นมา
กู้ฉวนลู่ยืนอยู่ข้างรถม้า พลางมองดูรถม้าที่หรูหราและคนที่สูงศักดิ์ผู้นั้นอย่างตื่นเต้น “ซื่อจื่อ…. ทราบได้อย่างไรว่าบ้านข้าน้อยอยูที่นี่?”
“เมื่อก่อนเปิดโรงน้ำชาอู่อวิ้น ข้าได้ยินหมิงตูพูดว่าซินเถาชอบดื่มชาและยังมีความรู้เรื่องชาอยู่บ้าง จึงแวะมาโดยไม่คิด บังเอิญพอดีที่แม่นางกู้อยู่จึงเชิญไปดื่มชาใหม่สักถ้วย ไม่ได้แจ้งให้นายท่านกู้ทราบล่วงหน้า เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบ!”
“ไม่…. ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” กู้ฉวนลู่รีบโบกไม้โบกมือพูดอย่างประจบว่า “ซื่อจื่อมีธุระที่ต้องจัดการมีงานรัดตัว สามารถนึกถึงบุตรสาวคนเล็กได้ ก็เป็นวาสนาของบุตรสาวแล้ว!”
กู้ฉวนลู่มองกู้จือเหวินที่อยู่ด้านข้าง จึงรีบเร่งว่า “จือเหวิน รีบไปเรียกน้องสาวเจ้าเร็วเข้า อย่าให้ซื่อจื่อต้องรอนานเด็ดขาด!”
กู้จือเหวินจึงรีบวิ่งไปในเรือนอย่างมีความสุขสุดๆ!
ซูหลินเห็นจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้แม่นางกู้ทำอะไรไม่ถูกแล้ว!”