ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1948 ไม่มีท่านก็ไม่มีข้า
บทที่ 1948 ไม่มีท่านก็ไม่มีข้า
กู้ฉวนลู่และกู้ซินเถาคุยถกเถียงกันว่าซื่อจื่อเป็นคนเช่นไร และเมื่อเห็นว่ากู้ซินเถามีมาตราการรับมืออยู่แล้ว คนเป็นพ่อเช่นเขาก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย
แต่เมื่อกู้ซินเถาคิดถึงสิ่งที่ตนเองพูดกับซูหลินตอนบ่ายวันนี้ และเขาบอกว่าต้องการพบซุนซื่อ นางจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ได้โปรดดูแลท่านแม่ให้มากกว่านี้ ข้าเกรงว่าครั้งหน้าซื่อจื่อคงอยากจะเจอท่านแม่! สภาพของท่านแม่ตอนนี้ไม่น่ามองนัก เดี๋ยว…”
ก่อนที่กู้ซินเถาพูดจบ กู้ฉวนลู่ก็รีบตอบกลับ “ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องกังวลไป! ระหว่างนี้เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น สนใจแค่ซื่อจื่ออย่างเดียวก็พอแลว และถ้าไม่มีอะไรทำก็ให้อ่านหนังสือและตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่ดี!”
กู้ซินเถารับปาก แต่นางยังต้องการคุยเรื่องของกู้เสี่ยวหวานกับบิดา แต่หลังจากคิดอย่างดีแล้วก็เลือกที่จะไม่พูดออกมาดีกว่า
ปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานเป็นทุกอย่างตามที่นางต้องการเถอะ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนางตอนนี้คือการผูกสัมพันธ์กับซูหลิน ถ้านางสามารถผูกสัมพันธ์กับซูหลินได้สำเร็จ วันข้างหน้า…
กู้ซินเถารู้สึกดีมาก นางคิดกับตัวเองว่าตอนนี้ซูหลินเป็นซื่อจื่อ หากนางสามารถเอาชนะหัวใจของซูหลินได้ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการเป็นนางบำเรอ หากซูหลินได้ขึ้นเป็นท่านอ๋อง จากนั้นนางจะกลายเป็นหวังเฟย แม้ว่านางจะยังมีฐานะด้อยกว่ากู้เสี่ยวหวาน หากกู้เสี่ยวหวานได้แต่งงานขึ้นมา หลังจากนั้นตำแหน่งขององค์หญิงจะยังติดตามนางไปตลอดชีวิตได้หรือ?
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตำแหน่งจวิ้นจู่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวานที่นางได้ใหม่แล้วลืมเก่าจะตามนางไปตลอดชีวิต ถึงตอนนี้นางเป็นองค์หญิง แต่การที่นางมีชื่อเสียงขนาดนี้ นางจะหาผู้ชายดี ๆ สักคนได้อย่างไร?
ตอนนี้นางด้อยกว่ากู้เสี่ยวหวาน ใครจะรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น?
นางต้องการแต่งงานกับซื่อจื่อและกลายเป็นหวังเฟย ใครจะสนใจว่ากู้เสี่ยวหวานจะแต่งงานกับใคร ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้เช่นนี้ไม่รู้ว่านางจะได้แต่งงานกับพ่อม่ายชราหรือกลายเป็นนายหญิงของครอบครัวเล็ก ๆ
ผู้ใดเล่าจะรู้ได้ นอกจากกู้เสี่ยวหวานจะสามารถแต่งงานเข้าวังได้ และได้รับตำแหน่งนางสนม ไม่เช่นนั้น ในชีวิตนี้จนกว่านางจะตาย นางก็ยังด้อยกว่าตัวเอง!
แค่ตอนนี้นางเป็นลูกสาวบุญธรรมของไทเฮา เส้นทางการเข้าวังในฐานะนางสนมก็ถูกตัดขาด
กู้ซินเถายิ้มพลางมองหนังสือในมือ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็นชา สิ่งชุนที่กำลังรออยู่ด้านข้าง แต่กลับรู้สึกว่ารอยยิ้มบริเวณมุมปากของคุณหนู ทำให้ร่างกายของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
กู้ฉวนลู่ออกจากห้องของกู้ซินเถาไป และเมื่อเห็นแสงเทียนสลัวอยู่ข้างใน เขาก็รู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกโชนในอกของเขา
เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงมากขึ้น ตอนนี้บ้านธรรมดา ๆ หลังนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นจวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ในสายตาของเขา
ในชีวิตของเขา เขาต้องกลายเป็นลูกชายคนโตที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของตระกูลกู้อย่างแน่นอน!
สำหรับคนในครอบครัวรองตระกูลกู้ กู้ฉวนลู่แสยะยิ้มเย้ยหยัน ใครจะเดินไปถึงตอนจบยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้
สวนชิงในตอนกลางคืนสว่างไสว และบรรดาผู้ร่วมยินดีทยอยมาจุดประทัดทีละคน บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามาก!
ภายในสวนชิง กู้ฟางสี่ได้จัดโต๊ะเหล้าและอาหารชั้นดีเพื่อรับรองผู้มายินดี
ถานอวี้ซู ฟางเพ่ยหยา และเสิ่นเหวินเจวี้ยนต่างอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้ทุกคนก็นั่งล้อมวงเพื่อแสดงความยินดีกับกู้หนิงอัน!
“ท่านพี่หนิงอัน การได้ที่หนึ่งในการสอบเช้านี้มันน่าทึ่งจริง ๆ น่าทึ่งมาก!” ถานอวี้ซูแวะมาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อยครั้ง และรู้จักกู้หนิงอันเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงพูดคุยกับนางตามปกติ
ฟางเพ่ยหยาไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก และนางก็ไม่ได้รู้จักกู้หนิงอัน แต่ตามมารยาทนางก็ต้องแสดงความยินดีกับกู้หนิงอัน
หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปได้ระยะหนึ่งแล้ว วันนี้กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขมาก นางรู้สึกเมาเล็กน้อยหลังจากดื่มเหล้าผลไม้ไป ตอนนี้จึงชี้ไปที่กู้หนิงอัน สายตาพร่ามัวเล็กน้อย และแก้มก็ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ของสุรา “ข้าจำได้ว่าข้าลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าเอาแต่ถือหนังสือ ตอนนั้นหนังสือของบ้านเราเก่ามาก แต่เจ้าก็รักษามันราวกับสมบัติล่ำค่า ในเวลานั้นข้าจึงคิดว่าต้องส่งเจ้าไปเรียน! หลังจากส่งเจ้าไปเรียนแล้ว แม้ว่าเจ้าไม่ได้เก่งที่สุด แต่กลับเป็นคนขยันที่สุด วันนี้ความพยายามของเจ้าสำเร็จแล้ว! ข้าภูมิใจในตัวเจ้าจริง ๆ หนิงอัน เจ้าคือความภาคภูมิใจของข้า! พี่สาวคนนี้ภูมิใจในตัวเจ้ามาก
สายตาของกู้เสี่ยวหวานเปล่งประกายแวววาว นางมองไปที่กู้หนิงอันด้วยความภาคภูมิใจอย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้
กู้หนิงอันไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดผิดปกติกับคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน หากแต่มันกลับทำให้ดวงตาของเขาพร่ามัว น้ำเสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย “ท่านพี่ ขอบคุณท่านมาก ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน หนิงอันคงไม่มีวันนี้ ไม่มีทางแน่นอน!”
กู้ฟางสี่สะอื้นและพูดว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวหวาน หนิงอันในวันนี้ถูกเลี้ยงดูมาโดยเจ้า งานเลี้ยงวันนี้ถึงจะบอกว่าเป็นการเฉลิมฉลองให้หนิงอัน แต่ข้าคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำคือขอบคุณเจ้า! หนิงอันคือลูกชายคนโตของท่านพี่รอง เจ้าสั่งสอนเขามาเป็นอย่างดี พ่อแม่พวกเจ้าคงจะมีความสุขมากถ้าได้รู้! หนิงผิงและเสี่ยวอี้ ตอนนี้พวกเขาก็เติบโตขึ้นทีละน้อย และพวกเขาจะได้เจอคู่ชีวิตที่ดีที่อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต หากไม่มีเจ้าซึ่งเป็นพี่สาวคนโต ใครจะกล้าคิดว่าจะมีวันนี้ ส่วนข้า ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็คง…ไปนานมาแล้ว…”
กู้ฟางสี่นึกถึงช่วงเวลาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ของตนเอง การที่นางมีความสุขได้ดั่งวันนี้เป็นเพราะกู้เสี่ยวหวานมอบให้นาง
คนที่พวกเขาควรจะขอบคุณที่สุดคือเสี่ยวหวาน!
กู้หนิงอันรินเหล้าจนเต็มจอก ก่อนจะยกขึ้นและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานพลางพูดด้วยความซาบซึ้ง “ท่านพี่ ถ้าไม่มีท่านก็คงไม่มีข้า! เหล้าจอกนี้ หนิงอันขอคารวะท่านพี่!”
กู้เสี่ยวอี้หยิบจอกเหล้าตรงหน้าขึ้นมา และเดินไปหากู้เสี่ยวหวานด้วยความเคารพ “ท่านพี่ ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีข้า! เสี่ยวอี้ขอคารวะท่านพี่เช่นกัน!”
กู้ฟางสี่เช็ดน้ำตาและยกจอกเหล้าขึ้น “เสี่ยวหวาน ข้าก็ขอคารวะเจ้า ถ้าไม่มีเจ้าก็ไม่มีข้า!”
ทั้งสามคนกล่าวขอบคุณกู้เสี่ยวหวาน การกระทำของพวกเขาทำให้นางเวียนหัวเล็กน้อย วันนี้นางดื่มเหล้าผลไม้มากเกินไป แต่เมื่อได้ยินทั้งสามขอบคุณตนเอง นางก็รู้สึกประทับใจไม่แพ้กัน
ในตอนนั้นที่นางเพิ่งข้ามมาโลกนี้ ในเวลาเดียวกัน เด็กทั้งสามคนก็ช่วยชีวิตนางไว้!
ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีนางในวันนี้เช่นกัน!