ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1949 เป็นครอบครัวเดียวกันไปตลอดชีวิต
บทที่ 1949 เป็นครอบครัวเดียวกันไปตลอดชีวิต
กู้เสี่ยวหวานหยิบจอกเหล้าขึ้นมา พลางพูดกับกู้หนิงอันและกูเสี่ยวอี้ “หนิงผิงไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าเองก็ขอขอบคุณเจ้าด้วยเหล้าจอกนี้…หากปราศจากการดูแลเอาใจใส่ของพวกเจ้า ข้าก็คงตายไปนานแล้ว! เวลานั้นข้าคงไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งกู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้คิดถึงช่วงเวลาที่พี่สาวเกือบจะถูกเผาจนตาย แต่กู้เสี่ยวหวานกำลังพูดถึงช่วงเวลาที่นางเสียชีวิตและทะลุมิติมายังช่วงเวลานี้!
ถ้าพวกเขาฟังคำของหมอและไม่ช่วยนาง บางทีนางอาจจะตายไปแล้วเช่นกัน แต่เมื่อเด็กทั้งสามไม่ยอมแพ้ นางถึงมีโอกาสเกิดใหม่!
“ท่านพี่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน” กู้หนิงอันกล่าว
“ตกลง เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป! ไม่ทอดทิ้งกัน!” กู้เสี่ยวหวานยกจอกเหล้าของนางขึ้น และพูดเสียงดังกึกก้อง
พวกเขาทั้งสี่กำลังจะชนแก้ว ทันใดนั้นถานอวี้ซูก็ร้องเรียก “ท่านพี่ ช้าก่อน ยังมีข้า…”
ถานอวี้ซูหยิบจอกเหล้าตรงหน้า รินเหล้าเติมจนเต็ม จากนั้นจึงยกจอกเหล้าทั้งสองใบขึ้น
ฟางเพ่ยหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่กู้เสี่ยวหวานกลับเข้าใจดี
นางจึงยิ้มให้ถานอวี้ซู “เอาล่ะ มา! มาเป็นครอบครัวเดียวกันไปตลอดชีวิต ไม่ทอดทิ้งกัน! ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน!”
ขณะที่กำลังจะดื่ม ทันใดนั้นก็ได้ยินเสิ่นเหวินเจวี้ยนพูดว่า “และข้า…”
เมื่อเห็นว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนหยิบจอกเหล้าขึ้นมา อีกทั้งยังมองมาทางกู้เสี่ยวหวานด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง
กู้เสี่ยวหวานเข้าใจความหมายของเสิ่นเหวินเจวี้ยน เขาจริงใจต่อกู้เสี่ยวอี้ประกอบกับความรักของสามีภรรยาเสิ่นที่มีต่อกู้เสี่ยวอี้ กู้เสี่ยวหวานจึงยอมรับเสิ่นเหวินเจวี้ยนนานแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นเขาถือจอกเหล้า จึงเข้าใจเจตนาของเขามากขึ้น!
นางหยิบจอกเหล้าขึ้นมาและยื่นให้เสิ่นเหวินเจวี้ยน “มา!”
และเห็นเพียงความประหลาดใจและความตื่นเต้นที่ผิดปกติของเสิ่นเหวินเจวี้ยน ในขณะนั้นเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานเหมือนจะรู้ทุกอย่าง และหน้าแดงขึ้นทันที!
ในทางกลับกันกู้เสี่ยวอี้รู้สึกแปลกเล็กน้อย นางรู้ว่าทำไมถานอวี้ซูหยิบจอกเหล้าขึ้นมา เหล้าหนึ่งแก้วเป็นของนางและเหล้าอีกแก้วเป็นตัวแทนของพี่หนิงผิงที่ยังคงอยู่ที่ชายแดน! แต่ทำไมเสิ่นเหวินเจวี้ยนถึงยกขึ้นมาด้วยล่ะ?
กู้เสี่ยวอี้ยังคิดไม่ออก แต่เห็นว่าพี่สาวและพี่ชายชนแก้วกับเสิ่นเหวินเจวี้ยนแล้วก็เอ่ยขึ้น “มา!”
“เป็นครอบครัวเดียวกันไปตลอดชีวิต ไม่ทอดทิ้งกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน!” เสิ่นเหวินเจวี้ยนกล่าว
เมื่อทุกคนกำลังจะชนแก้ว กู้เสี่ยวหวานก็ตะโกน “ไม่ได้ รอข้าก่อน…”
เมื่อทุกคนมองไปก็เห็นว่ากู้เสี่ยวหวานก็หยิบจอกเหล้าใหม่ขึ้นมารินให้เต็ม และถือไว้ในมือ จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ เสร็จแล้ว!”
ทุกคนต่างเข้าใจได้ทันที อาจั่วและอาโม่เห็นท่าทางเช่นนั้นของคุณหนูก็ปิดปากและลอบยิ้ม
ยังดี ยังดีที่ยังไม่ลืมนายท่าน! ไม่เช่นนั้นเมื่อนายท่านกลับมาเขาคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ทุกคนยกจอกเหล้าขึ้นและพูดประโยคเดียวกัน “เป็นครอบครัวเดียวกันไปตลอดชีวิต ไม่ทอดทิ้งกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน!”
ฟางเพ่ยหยาดูพวกเขาดื่มเหล้า และนางก็น้ำตาไหลด้วยความตื่นเต้น!
นางมารู้จักครอบครัวเช่นนี้ได้อย่างไร!
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาช่วยนางและท่านแม่ของนางไว้มาก!
ฟางเพ่ยหยาสาบานในใจว่าในชีวิตนี้จะต้องปกป้องตระกูลกู้ให้ดี กู้เสี่ยวหวานมอบทุกอย่างให้นางมามาก และไม่ว่านางจะตอบแทนเท่าไหร่ก็คงจะไม่พอ!
วันนี้ทุกคนดื่มกันไปมาก โชคดีที่อาจั่วและคนอื่น ๆ ไม่ได้ดื่มมากเกินไป พวกเขาจึงให้โค่วตัน โค่วไห่และอาโม่ไปส่งคนอื่นกลับบ้าน!
โค่วไห่ไปส่งเสิ่นเหวินเจวี้ยน ในขณะที่โค่วตันและอาโม่ไปส่งถานอวี้ซูและฟางเพ่ยหยา
เสิ่นเหวินเจวี้ยนมีความสุขจึงดื่มมากเกินไปเล็กน้อย และย่างก้าวของเขาก็โซซัดโซเซเล็กน้อย หากแต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความสุข
ฉางเซิงก็มีความสุขเช่นกัน เขาพยุงเสิ่นเหวินเจวี้ยนและเอ่ยแต่ยิ้มไม่หยุด
ตอนนายน้อยยกจอกเหล้าขึ้น หัวใจของเขารู้สึกหวาดกลัวมาก แต่องค์หญิงอันผิงรู้ว่านายน้อยหมายถึงอะไร แต่เขาก็กลัวว่านางจะไม่เห็นด้วย
การกระทำของนายน้อยในเวลานั้น ร่างกายของเขาแข็งเกร็ง เกรงว่าเขาก็คงกลัวเช่นกัน!
โชคดีที่องค์หญิงอันผิงตกลง!
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูท่าทางที่เพิกเฉยและงุนงงของแม่นางกู้ เกรงว่าหนทางหา ‘ภรรยา’ ของนายน้อยยังคงเป็นเรื่องยาก!
ฉางเซิงมีความสุขมาก เขาพยุงเสิ่นเหวินเจวี้ยนลงจากรถม้าและเดินเข้าไปในจวน คู่สามีภรรยาเสิ่นยังไม่พักผ่อน เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนดื่มมากเกินไป พวกเขาจึงไปดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่เขาถึงเตียงก็หลับไปทันที
ฉางเซิงเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนชิงวันนี้ เมื่อคู่สามีภรรยาเสิ่นได้ยินว่าองค์หญิงอันผิงยอมรับเสิ่นเหวินเจวี้ยนเป็นสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงให้รางวัลแก่คนรับใช้หนึ่งเดือนอย่างมีความสุข!
ระหว่างทางกลับบ้าน ฟางเพ่ยหยาเห็นใบหน้าแดงซ่านของถานอวี้ซู ก็รู้ว่าตอนนี้นางคงเมามากแล้ว อย่างไรก็ตามนางยังคงรู้สึกแปลกเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าถานอวี้ซูกำลังทำอะไรในวันนี้!
ยกจอกเหล้าขึ้นสองใบ หมายถึงคนสองคนหรือ?
ฟางเพ่ยหยาคิดถึงตระกูลกู้และนายน้อยที่นางไม่เคยเจอมาก่อน ได้ยินว่าหลังจากที่เขามาถึงเมืองหลวงได้ไม่นานเขาก็ไปที่ชายแดน นางสงสัยว่าจอกเหล้าพิเศษที่ถานอวี้ซูนำมานั้นหมายถึงนายน้อยคนนั้น?
ด้วยการคาดเดานี้ ฟางเพ่ยหยาก็มีความสุขกับถานอวี้ซู!
สมาชิกของตระกูลกู้เป็นคนดี และคนที่ถานอวี้ซูชอบก็คงจะเป็นคนดีเช่นกัน!
ฟางเพ่ยหยาลอบถอนหายใจ ตอนนี้พวกนางไม่ใช่เด็กแล้วและใกล้ถึงเวลาสร้างครอบครัวแล้ว เมื่อเห็นว่าถานอวี้ซูมีคนรัก นางก็มีความสุขมากในใจเช่นกัน!
เมื่อคิดถึงตัวเองที่อายุไล่เลี่ยกับถานอวี้ซู ตอนนี้จำเป็นต้องวางแผนสำหรับอนาคตแล้วเช่นกัน
อาจั่วพยุงกู้เสี่ยวหวานที่เมามายเข้าไปในห้อง บนร่างมีกลิ่นเหล้าคลุ้งเพราะดื่มเหล้ามากเกินไป
ปกติคุณหนูมักจะไม่กินเหล้า แต่วันนี้เนื่องจากนางมีความสุขมากจึงดื่มเหล้าไปไม่น้อย ตอนนี้จึงได้เมามายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อนายท่านกลับมาจะตำหนิพวกเขาหรือไม่?
อาจั่วพยุงกู้เสี่ยวหวานเข้านอนอย่างระมัดระวัง นำน้ำแกงแก้อาการเมาค้างป้อนให้นางดื่ม นำผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดมาเช็ดมือและใบหน้าของนาง จากนั้นออกจากห้องไป หากแต่ไม่กล้าไปไหนไกล และเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างเป็นกังวลเพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเรียกใช้ตนเอง