ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1974 ทำอาหารให้ใครบางคนเซอร์ไพรส์
บทที่ 1974 ทำอาหารให้ใครบางคนเซอร์ไพรส์
“ไปกัน!” กู้เสี่ยวหวานยื่นแขนออกมา ทั้งสองควงแขนกันเดินออกไปข้างนอกพลางยิ้มตลอดทาง!
“เจ้าดู หมูสามชั้นน้ำแดงนี้ต้องทำให้นุ่มและยังต้องหอม ข้างในต้องใส่เหล้าเข้าไปเพื่อดับกลิ่นคาว เจ้าดูสิ ยังต้องใส่ซีอิ๊วลงไปอีก เจ้าลองดูหมูสามชั้นที่ทำออกมาแล้ว ทั้งดูดีและน่ากิน มา เจ้าลองชิมสักชิ้นดูเป็นอย่างไรบ้าง?”
เพิ่งเดินมาถึงประตูห้องครัวก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นของกู้ฟางสี่ดังมาจากข้างใน
กู้เสี่ยวอี้กินหมูสามชั้นน้ำแดงเข้าไปหนึ่งคำ เมื่อกินเข้าไปแล้วก็พยักหน้าอย่างไม่หยุด “อืม จริงด้วยท่านอา ข้ารู้สึกว่ารสชาติที่ข้าทำออกมากับรสชาติที่ท่านทำออกมานั้นใกล้เคียงกันแล้ว!”
“ข้าทำอาหารพวกนี้ก็ไม่ต่างกันกับการเย็บปักของเจ้าที่ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความพยายาม เจ้าดูสิ น้ำแกงไก่ที่เคี่ยวมาทั้งเช้า ยังมีหมูสามชั้นน้ำแดงและปลานึ่งนี่อีก รสชาตินั้นไม่เลวเลย! เดี๋ยวก็ให้พี่สาวเจ้าลองชิม ดูเสี่ยวอี้บ้านข้าสิไม่เพียงแต่จะเย็บปักถักร้อยเป็น แต่ยังทำอาหารเป็นอีกด้วย!
กู้ฟางสี่พูดอย่างมีความสุข
กู้เสี่ยวหวานอยู่ข้างนอกจึงถือโอกาสพูดว่า “ดีเลย เช่นนั้นพวกเราทุกคนมาชิมกัน!”
กู้เสี่ยวอี้ไม่คิดว่าพี่สาวจะมาจริง ๆ มือและเท้าจึงอยู่ไม่นิ่งเล็กน้อย “พี่สาว ท่านมาแล้ว…”
“เสี่ยวหวาน อวี้ซู พวกเจ้ารีบมาชิมเร็วเข้า นี่เป็นอาหารที่เสี่ยวอี้ทำ ข้าก็แค่ลงมือทำไม่เท่าไหร่ นางเป็นคนทำออกมาทั้งหมด!” กู้ฟางสี่มองกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูที่มาแล้ว จึงรีบทักทายให้พวกนางมาทานอาหารอย่างกระตือรือร้น!
ถานอวี้ซูรีบก้าวไปข้างหน้าก็เห็นว่าบนเขียงในห้องครัว ได้วางจานอาหารที่ทำเสร็จไว้แล้วหลายจานตามคาด เห็นปลาทอดราสซอสน้ำแดงที่หนังทั้งสองด้านติดกันและยังใส่ต้นหอมและพริกแดงลงไปด้วย แค่หน้าตาก็ดูดีมากแล้ว พอได้กลิ่นก็ยิ่งหอมโชยเตะจมูก
และยังมีหมูสามชั้นน้ำแดงอีก แต่ละชิ้นมีไขมันพอดีกัน กลิ่นที่ได้ทั้งหอมเนื้อและหอมหวานจนทำให้คนอยากกินขึ้นมา!
ในชามนั้นยังมีน้ำแกงไก่ตุ๋นสีเหลืองทองอยู่ ทำให้คนอดไม่ได้ที่อยากจะดื่มเข้าไปชามใหญ่
“พวกนี้… เสี่ยวอี้ เจ้าทำเองทั้งหมดเลยรึ?” ถานอวี้ซูถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้าอย่างเอียงอาย กู้ฟางสี่พูดอย่างภูมิใจว่า “จะไม่ใช่ได้หรือ เด็กคนนี้ยุ่งมาทั้งวันแล้ว!”
“เสี่ยวอี้ เจ้าเก่งเกินไปแล้ว!” ถานอวี้ซูพูดอย่างอิจฉา “ทำไมเจ้าจึงได้เก่งขนาดนั้น เจ้ามีฝีมือมากเลย! การเย็บปักถักร้อยก็ดูดี ตอนนี้ฝีมือการทำอาหารก็ยังดีขนาดนี้อีก น่าอิจฉายิ่งนัก! ข้าอิจฉาเจ้ามากเลย!”
กู้เสี่ยวอี้ถูกถานอวี้ซูชื่นชมจึงเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของนางแดงและพูดอย่างกระดากอายว่า “อวี้ซู ถ้าหากเจ้าได้ทำ เจ้าจะต้องทำออกมาได้ดีกว่าข้าแน่!”
ถานอวี้ซูได้ยินกู้เสี่ยวอี้ให้กำลังใจตัวเอง จึงบุ้ยปากพูดว่า “ข้าก็อยากเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วห้องครัวจะถูกข้าเผาหรือไม่!”
กู้เสี่ยวอี้อยู่ใกล้ชิดกับกู้เสี่ยวหวานมาตั้งแต่เด็กก็ล้วนถูกขัดออกมาจากห้องครัว ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนางจะไม่เคยไปที่เตาไฟ แต่หลังจากมองดูมาหลายปี สำหรับวิธีการผัดผักนั้นก็ดูมาไม่ต่ำกว่าพันครั้งแล้ว พอจดจำได้ขึ้นใจมือนี้ก็สามารถทำได้อย่างคุ้นเคยแล้ว
แต่ถานอวี้ซูนั้นไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เด็กนางเติบโตอยู่ที่ชายแดนหรือไม่ก็เติบโตอยู่ในวังหลวง จะเคยเข้าไปในห้องครัวที่ไหนกัน ในเมื่อดูก็ไม่เคยดูมาก่อนย่อมไม่อาจทำออกมาได้แน่นอน!
กู้เสี่ยวหวานยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวอี้ เจ้าอย่าให้กำลังใจอวี้ซูเลย ไม่เช่นนั้นวันไหนที่นางทำอาหาร ไม่แน่ว่าอาจจะเผาห้องครัวขึ้นมาจริงก็ได้!”
“พี่สาว ข้าแย่ขนาดนั้นเชียวรึ?” ถานอวี้ซูถูกกู้เสี่ยวหวานหยอกล้อ จึงกระทืบเท้าพูดแสร้งทำเป็นโกรธ
“ไม่หรอก! เพียงแต่เรื่องทำอาหารนี้ไม่เหมาะกับเจ้าเลยจริง ๆ แต่ว่าสตรีก็ควรเรียนรู้การทำอาหารสักจานสองจาน ถ้าหากเจ้าอยากเรียน คราวหน้าก็ให้ท่านอาสอนเจ้าทำอาหารสักสองอย่าง ต่อไปก็จะได้ให้ใครบางคนประหลาดใจด้วย!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้ม
ใครบางคนที่ว่านี้ ถานอวี้ซูย่อมรู้อยู่แล้ว ใบหน้าจึงแดงทว่ากลับหุบปากยิ้ม “สำเร็จแน่นอน!”
พูดแล้วทุกคนก็หัวเราะกันอีกรอบ จวิ้นจู่จะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ทุกคนก็คิดว่าไม่เห็นจะเป็นอะไร!
กู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่ สตรีเรียนรู้ให้มากขึ้นหน่อยก็เพื่อเพิ่มทักษะในการอยู่รอด ไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าวันหนึ่ง ตอนที่ชีวิตลำบากยากแค้นจนตัวเองต้องลงมือทำเองก็เพื่อไม่ให้ผู้ใดอดตาย!
ถานอวี้ซูเพิ่งพูดจบก็ส่งเสียงเอ๊ะออกมา พลางมองกู้เสี่ยวอี้อย่างแปลกใจว่า “เสี่ยวอี้ มือที่ใช้เย็บปักของเจ้า ทำไมอยู่ดี ๆ วันนี้จึงคิดอยากจะเข้าครัวขึ้นมาเล่า?”
ด้วยคำพูดของนาง ทุกคนจึงหันเหความสนใจไปที่กู้เสี่ยวอี้
กู้เสี่ยวอี้เห็นว่าทุกคนมองมาที่นาง ใบหน้าก็แดงก่ำทันทีด้วยความเขินอายแล้วก้มหัวลงทันที ใบหน้าแดงเหมือนถูกทางด้วยสีแดง “ข้า… ข้า… คือ… คือ…”
นางพูดตะกุกตะกัก จนไม่แม้แต่จะพูดออกมาให้เป็นประโยคได้!
กู้เสี่ยวอี้หน้าแดงก่ำ ตอนนี้จึงดูเหมือนเด็กทำเรื่องที่ผิด ในมือบีบผ้าเช็ดหน้าด้วยความเขินอายอย่างมาก!
ส่วนถานอวี้ซูเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ไม่กลัวว่าจะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวอี้ เจ้าทำเยอะแยะเช่นนี้ หรือว่าก็เพื่อทำให้ใครบางคนประหลาดใจด้วยรึ?”
กู้เสี่ยวอี้ได้ยินคำพูดนี้ก็เงยหน้าขึ้นทันทีเหมือนกวางน้อยที่ได้รับความตกใจ ความตื่นตระหนกในสายตานั้นทำให้คนรู้สึกสงสารเอ็นดู และยังมีความเขินอายพาดผ่านจนคนสามารถจับได้ “ข้า… ข้า…”
มองดูท่าทางของนาง ถานอวี้ซูและกู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว
เป็นไปตามที่คาดไว้ ก็ได้ยินกู้เสี่ยวอี้ที่กำลังบีบผ้าเช็ดหน้าอยู่ พูดด้วยเสียงกระซิบว่า “ฉางเซิงบอกว่าใกล้จะถึงวันเกิดพี่เสิ่นแล้ว ข้าคิดว่าพี่เสิ่นได้ช่วยเหลือข้าไว้ตั้งมากมาย จึงอยากฉลองวันเกิดให้พี่เสิ่น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมอบอะไรที่เหมาะสมดีก็เลยอยากทำอาหารให้เขาชิมสักมื้อ!”
ยังจะบอกว่ารอให้เสี่ยวอี้มีความคิดอะไรอีก ดูเหมือนว่าไม่ต้องใช้ความพยายามเลย เสี่ยวอี้ไม่ใช่ว่าเปิดหูเปิดตาแล้วหรือ?
“ข้าก็แค่ทำอาหารหนึ่งมื้อ ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย!” กู้เสี่ยวอี้โบกมืออย่างเขินอายพลางพูดกับกู้เสี่ยวหวานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านพี่ ข้าก็แค่ทำเพื่อขอบคุณพี่เสิ่นที่ดูแลมาตลอด! อย่างอื่นนั้นไม่มีอะไรเลย!”
กู้เสี่ยวอี้โบกไม้โบกมืออย่างรีบร้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา!
เมื่อมองเข้าไปในแววตาที่ตื่นตระหนกของกู้เสี่ยวอี้ กลับไม่มีความหมายอย่างอื่นเลยจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูสบตากันพลางถอนหายใจ เส้นทางการไล่เกี้ยวภรรยาของคุณชายตระกูลเสิ่นนั้น หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก!