ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1975 สอนกฎระเบียบพวกนาง
บทที่ 1975 สอนกฎระเบียบพวกนาง
อาหารเหล่านี้กู้เสี่ยวอี้ได้ทดลองทำ ท้ายที่สุดแล้วก็ตกอยู่ในท้องของทุกคน กู้เสี่ยวหวานพิถีพิถันกับเรื่องกินมานานแล้ว เมื่อกินอาหารเหล่านี้ก็ย่อมต้องชี้ให้กู้เสี่ยวอี้ได้เห็นข้อบกพร่อง
กู้เสี่ยวอี้ฟังอย่างตั้งใจ ถานอวี้ซูเองก็ฟังอย่างตั้งใจ!
เพราะว่าหลังจากที่นางกินอาหารที่กู้เสี่ยวอี้ทำแล้ว ทันใดนั้นก็ค้นพบว่าถ้าหากตัวเองสามารถทำอาหารดี ๆ ได้สักสองสามอย่าง เกรงว่าคงจะทำให้ใครบางคนนั้นประหลาดใจได้จริง ๆ!
หลังจากกลับไปนางจึงให้คนมาจัดห้องครัวเล็ก ๆ ของตัวเอง ในทุกวันก็จะเคลื่อนไหวอยู่ในห้องครัวเล็ก ๆ นั้น แม้ว่าครั้งแรกเกือบจะเผาห้องครัวเข้าแล้วจริง ๆ แต่ก็ถือว่ามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ!
นี่เป็นคำพูดที่เกิดในภายหลัง จึงเอ่ยพูดไปพลาง ๆ ก่อน!
ส่วนทางหวงหรูซื่อนั้นยังไม่ทันที่นางจะรออยู่เดือนเสร็จ ฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นก็มาถึงในเรือนของหวงหรูซื่อ
หวงหรูซื่อได้ยินคนใช้พูดว่าตั้งแต่หลังจากที่หลิวเนี่ยนโหรวถูกคุมขังอยู่ในเรือนเล็ก ฟางเจิ้งสิงก็ไม่ให้พวกนางทุกคนติดต่อกับหลิวเนี่ยนโหรวอีก เหมือนกับว่าวางแผนให้ทั้งสองคนอยู่ห่างจากหลิวเนี่ยนโหรวจริง ๆ
ในจวนยังเชิญอาจารย์สีมาสอนฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นเรียนศิลปะทั้งสี่แขนง ได้ยินว่าเข้มงวดมาก!
ทางหลิวเนี่ยนโหรวนั้นก็มีคนมารายงานว่า หลิวเนี่ยนโหรวถูกขังอยู่ในเรือนเล็กนั้นได้ถูกเลี้ยงดูอย่างดิบดี และยังมักจะมีหมอคอยไปตรวจชีพจรอยู่บ่อยครั้ง ได้ยินว่าท้องนั้นถูกเลี้ยงดูอย่างดีมาก ตอนนี้หลิวเนี่ยนโหรวเองก็ไม่ร้องไห้สร้างปัญหาแล้ว ราวกับว่าตั้งใจจะกลับตัวกลับใจจริง ๆ เตรียมพร้อมที่จะเงยหน้าอ้าปากพึ่งพาเด็กในครรภ์นี้!
“ฮูหยิน ถ้าหากหลิวเนี่ยนโหรวให้กำเนิดบุตรชายจริงจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
ซ่งฉินถามอย่างกังวลพลางมองดูหวงหรูซื่อออกเดือนแล้วได้รับการถูกเลี้ยงดูอย่างดีจนขาวอวบไม่น้อย
“กลัวอะไร!” หวงหรูซื่อปัดเตาหอมในมือ “นายท่านพูดแล้วว่าถ้าเกิดเด็กนั่นคลอดออกมาก็จะรับเลี้ยงภายใต้ชื่อของข้า! หากหลิวเนี่ยนโหรวดิ้นรนอีก จะสามารถดิ้นรนได้นานแค่ไหนกัน! นายท่านสัญญากับท่านพ่อท่านแม่ข้าแล้วว่าจะจัดการกับหลิวเนี่ยนโหรวแน่นอน เขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะกล้ากลับคำพูด!”
ตอนนี้หวงหรูซื่อไม่มีความกังวลกับหลิวเนี่ยนโหรวเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่นางกำลังกังวลในตอนนี้คืออีกเรื่องหนึ่ง “ทางท่านแม่ยังมีข่าวอะไรส่งมาอีกหรือไม่?”
ซ่งฉินรู้ว่าหวงหรูซื่อกำลังถามถึงข่าวอะไร จึงรีบส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีเจ้าค่ะ ฮูหยินบอกเพียงแค่ว่าให้ท่านดูแลร่างกายให้สบายก็พอ!”
หวงหรูซื่อขมวดคิ้วได้แต่หวังว่านางจะคิดกังวลมากไป เพียงแต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจนัก!
เมื่อมองดูท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของฮูหยิน ซ่งฉินจึงพูดต่อว่า “ฮูหยิน แม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้น ประจำเดือนก็มาแล้ว ท่านเองก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลมากเกินไปนัก! เรื่องราวได้ตัดสินชี้ขาดแล้ว ไม่ว่าท่านจะคิดมากเท่าใดก็ระวังว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเองให้บาดเจ็บ!”
หวงหรูซื่อได้ฟังก็ทุ่มเตาหอมในมือลงกับพื้น สีหน้านางโกรธเคืองและพุดอย่างโมโหจัดว่า “เจ้าให้ข้าอย่าคิดมากรึ? ข้ารอมาตั้งนานหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะครึ่งปีแล้ว เจ้าจะไม่ให้ข้าคิดมากได้อย่างไร!”
ซ่งฉินถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่น่ามองของหวงหรูซื่อ ในใจคร่ำควญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ถ้าหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง เกรงว่าฮูหยินไม่รู้ว่าจะเศร้าเสียใจมากแค่ไหน! นางรอมาตั้งหลายปีแล้ว แต่กลับขาดจุดสุดท้ายนี้ไป….
พอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ในใจของซ่งฉินก็เกลียดชังนัก! ถ้าหากไม่ใช่คนผู้นั้นทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนู คุณหนูจะฝืนใจแต่งงานให้กับฟางเจิ้งสิงได้อย่างไร!
“ฮูหยิน คุณหนูสอง คุณหนูสามมาแสดงความเคารพท่านแล้วเจ้าค่ะ!” ได้ยินเสียงที่มีความเคารพดังมาจากด้านนอก ซ่งฉินที่อยู่ด้านข้างจึงเหลือบมองหวงหรูซื่อแล้วพูดว่า “ให้พวกนางทั้งสองเข้ามาเถอะ!”
ระหว่างพูดคุยก็ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก ไอความร้อนก็พุ่งเข้ามาจนทำให้ร่างกายหวงหรูซื่อรู้สึกร้อนผะผ่าวเล็กน้อย
“หลานซิน จู๋อวิ๋นมาแสงความเคารพฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ!” หลังจากฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นเข้ามาก็ทำความเคารพตามขนบมารยาท ทั้งสองคุกเข่าลงทักทาย
เมื่อมองดูปิ่นสีดำที่กำลังปักบนศีรษะ พลางฟังเสียงที่พวกนางเอ่ยเรียกตัวเองเมื่อครู่นี้ หวงหรูซื่อก็รู้สึกเหมือนว่าอยู่กันคนละโลก!
เมื่อไม่นานมานี้พวกนางยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเหมือนเป็นพี่น้อง เพราะว่าหมิงตูจวิ้นจู่ก็นับว่ารู้จักกันอยู่บ้าง! เมื่อเห็นภาพนี้ตัวเองนั้นก็อายุมากกว่าพวกนางเพียงแค่สามสี่ปี ตอนนี้ตัวเองกลับกลายเป็นมารดาของพวกนางแล้ว!
พวกนางยังเป็นดอกไม้ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้คนรู้สึกรักใคร่เอ็นดู แต่ว่าตัวเองเล่า?
ตอนนี้ความบริสุทธิ์ก็ไม่มี ยิ่งกว่าสตรีตกอับไร้ค่า!
ในใจหวงหรูซื่อมีความขุ่นเคืองปะทุขึ้น คำพูดก็จึงเย็นยะเยือกไม่น้อย พูดอย่างเย็นชาว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
หลังจากฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นขอบคุณแล้ว จากนั้นจึงยืนขึ้นอยู่ด้านข้างอย่างมีมารยาท รอให้หวงหรูซื่ออบรมสั่งสอน!
เมื่อวานฟางเจิ้งสิงก็ได้เตือนนางว่านางอยู่เดือนเสร็จแล้วก็สามารถดูแลสั่งสอนสองคนนี้ได้แล้ว! แม้ว่าในใจหวงหรูซื่อจะปฏิเสธไม่ยินยอม แต่ว่าตัวเองได้แต่งงานเข้ามาในตระกูลฟางแล้วก็ได้แต่ต้องทำตามเท่านั้น!
“ช่วงนี้พวกเจ้าสองคนเรียนรู้กฎระเบียบมาไม่น้อยใช่หรือไม่?” หวงหรูซื่อดื่มชาดอกเก๊กฮวยชั้นดีในมือพลางถามอย่าเกียจคร้าน
“ตอบฮูหยินใหญ่ ท่านพ่อได้เชิญอาจารย์สีมาสอนศิลปะทั้งสี่ให้แก่พวกข้า แต่กลับไม่ได้เรียนรู้เรื่องกฎระเบียบ บอกเพียงแค่ว่าฮูหยินใหญ่เกิดในตระกูลใหญ่ที่มีกฎระเบียบเข้มงวด จึงให้พวกข้ามาเรียนรู้ท่าทางจากฮูหยินใหญ่ก็พอเจ้าค่ะ!” ฟางหลานซินกล่าวอย่างเคารพสุภาพ
หวงหรูซื่อดื่มชาและยกมุมปาก ฟางเจิ้งสิงยกย่องตัวเองไว้สูงมากเสียจริง!
“อ้อ? งั้นรึ? ท่านพ่อพวกเจ้ายกย่องข้าแล้ว! เพียงแต่ข้ากลับแปลกใจนักว่าอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงต้องการเรียนรู้กฎระเบียบขึ้นมา?” หวงหรูซื่อถามอย่างไม่เข้าใจ
ฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นสบตากัน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน “ลูกไม่ทราบเจ้าค่ะ! ทานพ่อบอกเพียงแค่ว่าพวกข้าทั้งสองความรู้ยังตื้นเขิน ฮูหยินใหญ่เป็นสตรีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเชี่ยวชาญศิลปะทั้งสี่แขนง เรียนรู้จากฮูหยินใหญ่จะต้องมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถเรียนรู้ได้!”
เมื่อเห็นท่าทางพวกนางทั้งสองปกติดี หวงหรูซื่อก็รู้ว่าพวกนางทั้งสองต้องไม่รู้อะไรเลยอย่างแน่นอน! หรือว่าฟางเจิ้งสิงเพียงแค่ต้องการให้พวกนางเรียนรู้กฎระเบียบแค่เท่านั้น?
หวงหรูซื่อรู้สึกวุ่นวายใจมาก เมื่อรับปากธุระกับฟางเจิ้งสิงแล้ว ตอนนี้จึงโบกมือพูดว่า “ซ่งฉิน เจ้าไปสอนคุณหนูสองคนนี้ให้ข้าดูพรุ่งนี้!”
ตอนที่หวงหรูซื่อเรียนรู้เรื่องกฎระเบียบ ซ่งฉินก็คอยมองดูอยู่ข้าง ๆ ย่อมต้องรู้ไม่น้อย แม้ว่าฟางเจิ้งสิงจะบอกให้นางสอน แต่ก็ไม่เคยบอกว่าจะต้องให้นางสอนด้วยมือของตัวเอง นอกจากนี้นางเองก็ไม่มีความคิดนั้นที่จะไปสอนบุตรสาวของอนุให้เรียนรู้กฎระเบียบ!
ซ่งฉินรับคำแล้วจึงลงไป