ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1982 มีผู้ลอบสังหาร
บทที่ 1982 มีผู้ลอบสังหาร
“ข้ากลับมาแล้ว แต่เห็นว่าเจ้าไม่อยู่จึงกลับไปจัดการตัวเอง” ปลายจมูกของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ มันไม่ใช่กลิ่นหอมจากเครื่องหอม แต่เป็นกลิ่นหอมที่ยากพรรณนา
กู้เสี่ยวหวานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ร่างกายของนางแนบแน่นสนิทฉินเย่จือ ปรางแก้มนวลขึ้นสีแดกปลั่ง เมื่อฉินเย่จือลดศีรษะลงลมหายใจอุ่นก็เป่ารดบนใบหน้าอีกฝ่าย
ทันทีที่แผ่นหลังสัมผัสถึงเตียง กู้เสี่ยวหวานก็กลิ้งตัวเข้าไปด้านในสุดของเตียง และเหลือที่ว่างให้อีกคน
กู้เสี่ยวหวานตบที่ว่างข้างกายทั้งที่ตายังคงปิดสนิท ฉินเย่จือมองท่าทางน่ารักของอีกฝ่าย จึงก้าวไปที่เตียงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วกอดอีกฝ่ายไว้!
กู้เสี่ยวหวานคว้าคอเสื้อของฉินเย่จือไว้และเข้าหาอีกฝ่ายช้า ๆ
ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดร่างกายชายหนุ่ม ทำให้ร่างกายของเขาฉินเย่จือเกร็งขึ้น เขากระชับกอดแน่นขึ้น แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างนอก “นั่นใคร?”
มันเป็นเสียงของอาโม่
กู้เสี่ยวหวานสะดุ้งตื่นจากอาการงัวเงีย ฉินเย่จือกอดนางแน่น แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที มีเสียงฝีเท้าเหยียบกระเบื้องบนหลังคา และกู้เสี่ยวหวานก็เดาได้ทันทีว่ามีมือสังหาร!
ส่งมาฆ่านางหรือมาสอดแนมนาง!
“พี่เย่จือ…” กู้เสี่ยวหวานจับคอเสื้อของฉินเย่จือแน่นด้วยความกลัวเล็กน้อย
“อย่ากลัวเลย ข้าอยู่นี่แล้ว!” ฉินเย่จือลุกขึ้น กอดกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนแน่น เขาลูบหลังและจูบหน้าผากของนางเป็นครั้งคราว ราวกับกลัวว่านางจะเป็นกังวลและปลอบโยนนาง
กู้เสี่ยวหวานเอนกายพิงแขนของฉินเย่จือ ความกังวลใจของนางลดลงมาก!
เสียงตะโกนเอะอะโวยวายดังอยู่ด้านนอก พร้อมเสียงฝีเท้าบนหลังคา และหลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีก
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของอาโม่ก็ดังมาจากข้างนอกอีกครั้ง “คุณหนู ข้าตามเขาไม่ทันแล้ว!”
แววตาของฉินเย่จือเย็นชาขึ้นทันที ศิลปะการต่อสู้ของชายผู้นี้เหนือกว่าของอาโม่! ทักษะการต่อสู้ของอาโม่นั้นทรงพลัง แต่คนคนนั้นก็ยังสามารถหลบหนีการตามล่าของเขาได้ คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?
เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากกู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่คนเดียว
กู้เสี่ยวหวานไม่พูดอะไร และมองไปที่ฉินเย่จือ
หลังจากที่ฉินเย่จือคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตระหนักว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังมองมาที่ตัวเอง ดูเหมือนว่าแววตาคู่นั้นจะเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
ทันใดนั้นหัวใจของฉินเย่จือก็อ่อนยวบลง เขาประคองใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานและจูบริมฝีปากนางเบา ๆ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเบา แต่คนข้างนอกได้ยินอย่างชัดเจน “ลงไป!”
ไม่มีการเคลื่อนไหวภายนอกอีกต่อไป เมื่อฉินเย่จือจูบจนพอใจแล้ว จึงกังวลว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัว ดังนั้นจึงถอนริมฝีปากออกมาแล้วกอดนางเอาไว้
ทั้งสองกอดกันแน่น ความมืดบนเตียงทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“กลัวหรือไม่?” เสียงของฉินเย่จือแหบเล็กน้อย สวรรค์รู้ว่าเขาต้องอดทนแค่ไหน!
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าฉินเย่จือกำลังถามอะไร นางอยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่จือและส่ายหน้า “แค่มีท่านอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่กลัวแล้ว!”
ฉินเย่จือลูบผมของหญิงสาว รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นที่มุมปาก “หวานเอ๋อร์ พวกเราแต่งงานกันเถอะ? แบบนั้นเจ้าจะสามารถอยู่เคียงข้างข้าได้ตลอดไป!”
“ตกลง!” กู้เสี่ยวหวานพูดโดยไม่ต้องคิด ทันทีที่พูดจบก็หยุดลงไปชั่วครู่ “แต่…”
“แต่อะไร?” หัวใจของเขาเต้นระรัวจนแทบกระเด็นออกมาจากอก
“เจ้าปฏิบัติหน้าที่ในวัง แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว แต่ก็ต้องอยู่ในวัง ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าได้อย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยความงุนงงเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ ฉินเย่จือจึงยิ้ม “ไม่ต้องกังวล หลังจากผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายนี้ไปแล้ว ข้าจะไม่เป็นองครักษ์แล้ว! ดีไหม?”
“ตกลง ข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง!” กู้เสี่ยวหวานยิ้ม และเมื่อฉินเย่จือได้ยินสิ่งนี้ก็ขำออกมา “เจ้าเลี้ยงข้าไหวหรือ?”
“แน่นอน ข้ามีทรัพย์สินมากมาย มีรายได้เป็นหมื่นตำลึงเงินต่อปี ข้าจะเลี้ยงท่านไม่ไหวได้อย่างไร!” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว “แต่ในอนาคตเจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า และข้าจะให้เจ้าต่อเมื่อเจ้าเชื่อฟังข้าเท่านั้น! ซักผ้า ทำอาหาร และเลี้ยงลูก เจ้าต้องทำทั้งหมด! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มีอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง และไม่ได้รับอนุญาตให้คุยกับหญิงคนไหน ไม่เช่นนั้น… ฮึ่ม…”
กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างชั่วร้ายราวกับว่านางเป็นภรรยาที่เข้มงวด!
“ไม่อย่างนั้นแล้วอย่างไรต่อ?” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกัดฟันพูดอย่างดุร้าย หัวใจของฉินเย่จือก็พลันอ่อนยวบ
“หย่า!” กู้เสี่ยวหวานอยากจะยกมือขึ้น ราวกับว่ากำลังจะสาบาน “ถ้าเจ้ากล้า…ข้าจะ…”
ในขณะที่คำพูดของกู้เสี่ยวหวานจะหลุดออกมาก็ถูกฉินเย่จือก็กลืนมันลงไป ก่อนจะถอนริมฝีปากออก และเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
“ข้าจะทำทุกอย่างตามที่เจ้าสั่ง! ในชีวิตนี้แม้ว่าต่อให้ข้าจะตายด้วยน้ำมือของเจ้า ข้าก็ยอม! ต้องการหย่ากับข้าหรือ ไม่มีทางซะหรอก!”
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยความอบอุ่นทำให้เคลิบเคลิ้ม!
……
หวงหรูซื่อเกรงว่าตนเองกำลังจะเสียสติ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแพร่ข่าวว่าฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นกำลังจะเข้าการคัดเลือกนางในของปีนี้!
ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ยาวนานแต่นางกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด…
สิ่งที่นางกลัวที่สุด สิ่งที่นางกังวลที่สุดตอนนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
นางยินยอมรอมาหลายปี!
เมื่อก่อนนางงดงามราวกับดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง ร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้หายไปหมดแล้ว
เมื่อมองดูร่างที่อวบขึ้นเล็กน้อยในกระจก ดวงตาที่อ่อนล้าและผิวที่หมองคล้ำเพราะขาดการพักผ่อน หวงหรูซื่ออยากจะบีบคอตัวเองให้ตาย!
คิดถึงฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นในวันนี้ นางเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน…
ทำไมตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป?
ความหวังที่จะเข้าวังของนางหมดสิ้นไปแล้ว!
นางเกลียด เกลียด เกลียดผู้ชายคนนั้นที่พรากความบริสุทธ์ของนางไปจนตั้งครรภ์ และไม่ยอมแต่งงานกับตน ทำให้นางลากร่างที่พังยับเยินมาแต่งงานและต้องทำลายเด็กในท้อง ชีวิตของนางวุ่นวายไปหมด!
หวงหรูซื่อเสียสติไปแล้ว นางยกเก้าอี้ปากระแทกเข้ากับโต๊ะเครื่องแป้งอย่างแรง ทุบทุกอย่างที่อยู่บนนั้นเป็นชิ้น ๆ
เมื่อได้ยินเสียงความโกลาหลภายใน ซ่งฉินก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง และเห็นหวงหรูซื่อกำลังทำลายข้าวของ จึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดนาง หากแต่ทำไม่สำเร็จ หวงหรูซื่อหันกลับมาปาเก้าอี้ในมือออกไปกระแทกเอวของซ่งฉินอย่างแรง จนทำให้ซ่งฉินทรุดตัวลงกับพื้น