ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2003 การแอบพบกันของทั้งสอง
บทที่ 2003 การแอบพบกันของทั้งสอง
ฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นยืนอยู่ตรงนั้น พยายามที่จะไม่ก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าทั้งคู่มีบางอย่างอยู่ในใจ!
“ท่านพี่ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ข้าคงไม่ได้ไปกับท่าน ท่านกลับไปพักผ่อนให้สบายเถิด…” ปากของฟางจู๋อวิ๋นไวกว่าสมองเสมอ เมื่อเห็นว่าฟางหลานซินนิ่งเงียบจึงรีบออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหลานซินก็กังวลว่าตนเองจะพลาดนัดของซือหลาง จึงแสร้งให้กำลังใจน้องสาว “โอ้ ข้าก็อยากไปเดินเล่นริมสระน้ำ เก็บดอกบัวสองดอกไปใส่แจกัน ข้าจะยังไม่กลับไปที่ลานตอนนี้ สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย เจ้าควรรีบกลับไปและพักผ่อนให้เต็มอิ่ม!”
ฟางจู๋อวิ๋นไม่สงสัยเลย “ท่านพี่ก็เช่นกันนะเจ้าค่ะ! ข้าจะไปนั่งเล่นที่ชิงช้าในสวนสักพักแล้วข้าจะกลับมา!”
ทั้งคู่มีงานอดิเรกเป็นปกติจึงไม่มีใครสนใจมัน จากนั้นก็แยกกันไปคนละทิศ คนหนึ่งไปทางซ้าย อีกคนหนึ่งไปทางขวา
เมื่อเห็นว่าทั้งสองแยกจากกันเรียบร้อย คนของหวงหรูซื่อรีบกลับไปรายงานให้ตนเองทราบ
ซ่งฉินสั่งให้ทุกคนออกไป ใบหน้าหวงหรูซื่อก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองจะมีความสามารถจนสามารถทำให้คุณหนูของตระกูลมีชื่อเสียงหลงใหลขนาดนี้!”
“ฮูหยิน แต่ไหนแต่ไรมาเด็กผู้หญิงสองคนนี้ไม่เคยติดต่อกับผู้ชายอื่น! ท่านว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาพวกนางได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ชายคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นผู้ช่วยชีวิต นางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร เกรงว่าหัวใจของทั้งสองคนมีแต่ความสุข แผนการของเราไม่ต้องรอนานและมันก็สำเร็จแล้ว!” ซ่งฉินนวดขาของหวงหรูซื่อกล่าว
หวงหรูซื่อพอใจเป็นอย่างมาก “ต้องการต่อสู้กับข้าหรือ เจ้ายังเด็กเกินไป! เมื่อสองคนนั้นทำสำเร็จ ให้รีบมารายงานข้าโดยเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่นายท่านจะได้เห็นว่าลูกสาวทั้งสองที่ทำเรื่องเสื่อมเสียจะสามารถเข้าวังได้อย่างไร
“ไม่ใช่แค่เข้าวัง เกรงว่าชีวิตนี้จะไม่สามารถแต่งงานได้อีก!” ซ่งฉินหัวเราะเยาะเย้ย
หวงหรูซื่อรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง “ฟางเจิ้งสิงไม่ได้คาดหวังให้สองคนนั้นเป็นสนมในวังหรอกหรือ? ข้าจะทำให้เขาเลิกคิดเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต! ในเมื่อข้าไม่ได้ สองคนนั้นก็ต้องไม่ได้เช่นกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
หวงหรูซื่อหัวเราะสะใจ ซ่งฉินก็ไม่แปลกใจจึงหัวเราะไปกับผู้เป็นนาย
“หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น สองคนนั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นพวกนางจะกลายมาเป็นอุปสรรค!” หวงหรูซื่อพูดขึ้นหลังจากหัวเราะจนพอใจ และซ่งฉินก็พยักหน้า “ข้าน้อยจะช่วยจัดการให้เจ้าค่ะ! ฮูหยินไม่ต้องกังวล!”
สี่เชวียเห็นว่าคุณหนูอยู่ในภวังค์จึงต้องการพานางกลับไปที่ลาน แต่ฟางหลานซินบอกว่านางกำลังจะไปที่สระบัว และสั่งห้ามไม่ให้ใครตามมา เมื่อเห็นว่าคุณหนูได้ตัดสินใจแล้ว สี่เชวียก็ไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่ได้รู้สึกสงสัยแต่อย่างใด และมองคุณหนูของตนเดินไปยังสระน้ำ
เมื่อมาถึงบริเวณสระน้ำ ฟางหลานซินก็ตั้งหน้าตั้งตารอ แต่หลังจากรออยู่นานก็ยังไม่เห็นผู้ใดปรากฏตัว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยและคิดว่าซือหลางคงจะไม่มาแล้ว แต่เมื่อคิดถึงสัญญาที่เขาให้ไว้กับตนเอง เขาจะไม่มาได้อย่างไร!
นางรอด้วยความกังวลและคิดว่านางสามารถนั่งพักผ่อนบริเวณหินเทียมเมื่อวานได้ จึงรีบเดินไปที่นั้นอย่างรีบร้อน
หลังจากพักสักครู่ ฟางหลานซินก็รู้สึกเป็นกังวลอีกครั้ง กลัวว่าซือหลางจะไม่เห็นตน จึงลุกขึ้นอีกครั้งและวางแผนที่จะออกไปรอเขา!
นางรออย่างกระวนกระวาย แต่เนื่องจากบริเวณสระน้ำค่อนข้างลื่น ทำให้ฟางหลานซินไม่ทันระวังลื่นเล็กน้อย ใบหน้าของหญิงสาวซีดลงและกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ปฏิกิริยาตอบสนองตอนนี้คือนางต้องเอนตัวไปพิงหินด้านข้าง
แม้ว่านางจะห่างจากโขดหินนั้นเล็กน้อยและเอื้อมไปจับมันไม่ถึง และร่างที่ซวนเซยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว นางจึงสูญเสียการทรงตัวไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้ความตกใจทำให้นางลื่นอีกครั้งและกำลังจะล้มลง
ใบหน้าของฟางหลานซินซีดเซียวเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนก
ที่นี่มีหินเต็มไปด้วยหินเล็กใหญ่ หากล้มลงศีรษะกระแทกพื้นเรื่องนี้คงไม่ดีแน่
นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย นางไม่ควรมารอซือหลางที่นี่!
ฟางหลานซินเสียใจพลางหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ นางกำลังกลัว!
แต่เวลานั้นเองชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามากอดฟางหลานซินไว้ ด้วยความที่พื้นเวลานั้นลื่นเกินไป จึงทำให้ชายคนนั้นลื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองกอดกันไถลไปข้างหน้า และกำลังจะชนเข้ากับก้อนหิน!
ฟางหลานซินหลับตาแน่นรอรับความเจ็บปวด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย นางลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วและก็เห็นดวงตาคู่คุ้นเคยกำลังมองมาที่ตนเองอย่างเป็นกังวล
เขาคือซือหลาง ซือหลางช่วยชีวิตนางไว้อีกครั้ง!
แต่การเคลื่อนไหวของทั้งสองยังไม่หยุดลง ซือหลางกอดฟางหลานซินที่พุ่งไปทางโขดหิน เขากลัวว่าฟางหลานซินจะบาดเจ็บจากการกระแทกหิน ดังนั้นซือหลางจึงกอดฟางหลานซินในอ้อมแขนแน่น มือข้างหนึ่งยังคงประคองศีรษะของฟางหลานซินแน่น ก่อนทั้งสองจะชนเข้ากับโขดหิน
แม้ว่าศีรษะของฟางหลานซินจะกระแทกหิน แต่ก็ถูกฝ่ามือของซือหลางป้องกันเอาไว้ จึงไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด
สิ่งที่ทำให้นางหวาดกลัวคือลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้า จมูก และริมฝีปาก ทำให้ร่างกายของนางอ่อนยวบ
นางเบิกตากว้างและเห็นว่าจมูกของซือหลางแทบจะสัมผัสกับนางอยู่แล้ว ท่าทางของทั้งสองคลุมเครือเกินไป ฟางหลานซินรู้สึกตื่นเต้นและประหม่า ทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำโดยไม่ตั้งใจ
“เจ็บหรือไม่?” ซือหลางไม่ได้ดีไปกว่านางมากนัก เขามองไปที่หญิงสาวที่มากด้วยเสน่ห์ราวกับดอกบัวในอ้อมแขน น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย แววตาฉายความเจ็บปวดและความสงสาร “ข้าน้อยขอโทษ ข้าน้อยมาสาย…หากไม่ใช่เพราะข้าน้อย ท่านก็คงไม่ต้องทีสภาพเช่นนี้ ข้าน้อยขอโทษ ขอโทษขอรับ…”
ซือหลางเอาแต่ขอโทษ ยามเขาเอ่ยลมหายใจอุ่น ๆ ก็เป่ารดใบหน้าของฟางหลานซิน ลมหายใจอุ่นร้อนทำให้ความคิดของนางล่องลอย!
จิตใจของฟางหลานซินว้าวุ่นมานาน ตอนนี้นางรู้สึกเป็นกังวลและประหม่าขึ้นมา เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปหมด ถ้าซือหลางไม่กอดนางและเอนกายพิงหิน นางคงจะละลายกลายเป็นของเหลวไปนานแล้ว
“ไม่…ไม่เป็นไร…” ไม่ง่ายเลยที่ฟางหลานซินจะเอ่ยคำเหล่านั้นออกมาได้ อีกทั้งน้ำเสียงนั้นยังสั่นเครือเล็กน้อย
ใบหน้าอันงดงามและร่างกายนุ่มนิ่มอ่อนปวกเปียก ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะสามารถพับครึ่งได้เพียงแค่พับเล็กน้อย!