ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2007 เรื่องโชคร้าย
บทที่ 2007 เรื่องโชคร้าย
ความโมโหก็คือความโมโห แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เพราะหมอหลวงห่าวเหลียนยังอยู่ที่นี่!
“หมอห่าว โปรดช้าลงหน่อย…” คนกลุ่มหนึ่งมาที่ประตูห้องนอนของฟางหลานซิน ไม่มีแม้แต่สาวใช้ที่หน้าประตู เมื่อเห็นสิ่งนี้หวงหรูซื่อก็พูดด้วยความโกรธ “คนรับใช้นี่ก็จริงเลย ๆ เจ้านายป่วยกลับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย! มาดูกันว่าพรุ่งนี้ข้าจะลงโทษพวกเขาอย่างไร!”
ฟางเจิ้งสิงพยักหน้าหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และพูดกับหมอหลวงห่าวเหลียน “ห่าวเหลียน ลูกสาวของข้าจิตใจดี วันนี้นางรู้สึกไม่ค่อยดี บางทีอาจปล่อยให้คนรับใช้เหล่านี้พักผ่อน เราทำให้ท่านเห็นเรื่องตลกเสียแล้ว!”
หมอหลวงห่าวเหลียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ใต้เท้าฟางก็เห็นอกเห็นใจคนรับใช้ ทำไมข้าต้องสนใจเรื่องตลกนี้ด้วย!”
เมื่อฟางเจิ้งสิงเห็นหมอหลวงห่าวเหลียนพูดเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าจะดีใจหรือกังวลดี!
คุณหนูของตระกูลฟางมีน้ำใจต่อคนรับใช้ มีเมตตาและใจดีซึ่งทำให้นางได้รับชื่อเสียงที่ดี แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าหลานซินไม่ใช่คนที่สามารถจัดการคนรับใช้ได้หรือ?
หากในอนาคตฟางหลานซินได้เข้าวัง ถ้านางไม่สามารถแม้แต่จะฝึกคนรับใช้ให้ดีได้ นางจะจัดการเรื่องในวังได้อย่างไร?
ฟางเจิ้งสิงรู้สึกกังวลเล็กน้อยและเกิดความไม่พอใจขึ้นเรื่อย ๆ เขาเข้าไปหาหวงหรูซื่ออย่างเงียบ ๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องสอนหลานซินและจู๋อวิ๋นถึงวิธีการจัดการคนรับใช้ของพวกนางด้วย พวกนางใจดีเกินไป ตอนนี้นางป่วยแต่คนรับใช้กลับไม่มาสนใจ”
หวงหรูซื่อก้มศีรษะ “นายท่าน ข้าสามารถช่วยได้!”
ในใจนางเย้ยหยันครั้งแล้วครั้งเล่า ยังต้องการเข้าวังอีกหรือ? ยังต้องการให้เรียนรู้ว่านายหญิงจัดการคนรับใช้อย่างไรอีก?
ฝันไปเสียเถอะ!
เรื่องในคืนนี้จะทำให้ท่านฝันสลาย!
หวงหรูซื่อเยาะเย้ยในใจ หากแต่ใบหน้ายังคงแสดงความใจดีอยู่เสมอ ฟางเจิ้งสิงจึงโล่งใจ
“ซ่งฉินเข้าไปจุดเทียนในห้องคุณหนูซะ สาวใช้เหล่านี้ เจ้านายป่วยแต่กลับไม่อยู่ปรนนิบัติ ปกติแล้วหลานซินคงจะตามใจพวกเขาเกินไป!”
หลังจากที่หวงหรูซื่อสั่งแล้ว ซ่งฉินจึงรีบวิ่งไปเปิดประตู
ขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น
ในขณะนี้ ซ่งฉินยืนอยู่ข้างประตูกำลังจะเอื้อมมือไปเคาะประตู ข้างหลังนางมีฟางเจิ้งสิงที่กำลังคุยกับหมอหลวงห่าวเหลียน และหวงหรูซื่อที่กำลังยืนอยู่ข้างฟางเจิ้งสิง ทั้งสามคนกำลังคุยกัน จึงไม่ได้สนใจอะไรนัก
ซ่งฉินได้ยินเสียงแปลก ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ฮูหยินเจ้าคะ ดูเหมือนว่าจะมีการเคลื่อนไหวด้านใน”
“การเคลื่อนไหว?” หวงหรูซื่อหันไปมองซ่งฉินด้วยความประหลาดใจและถามว่า “คุณหนูหลับอยู่ แล้วจะมีการเคลื่อนไหวได้อย่างไร!”
“ข้าน้อยไม่รู้…” ซ่งฉินพูดพลางขมวดคิ้ว
ฟางเจิ้งสิงหันศีรษะไปมองและพูดว่า “จะมีเสียงอะไรได้ คุณหนูกำลังหลับและอาจจะละเมอ! รีบไปเคาะประตูสิ!”
ซ่งฉินรีบเดินไปเคาะประตูทันที นางเคาะอยู่สามครั้งแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวข้างใน “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู…”
ฟางเจิ้งสิง “ในเมื่อคุณหนูหลับไปแล้ว ฮูหยินก็จงเข้าไปดูเถอะ ถ้าหลานซินพร้อมแล้ว ข้าจะนำหมอห่าวเข้าไป!”
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ที่ซ่งฉินพูดในเมื่อครู่
หวงหรูซื่อตอบกลับ จากนั้นก็เปิดประตูและเข้าไป
ทว่ามันน่าแปลกยิ่งนัก มันไม่ได้ถูกลงกลอนจากข้างใน หวงหรูซื่อเพียงแค่ผลักมันเบา ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก
ซ่งฉินถือตะเกียงในมือข้างหนึ่ง และประคองหวงหรูซื่อแล้วเดินเข้าไป
หลังจากจุดตะเกียงแล้ว ภายในห้องก็สว่างวาบขึ้น ซ่งฉินเดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ เอ่ยปากพูดไปด้วย “คุณหนู นายท่านและฮูหยินมาเยี่ยมท่านแล้ว ทั้งยังเชิญหมอหลวงมาให้ท่านด้วย!”
ขณะที่ซ่งฉินเดินเข้าไปข้างใน ก็ไม่ลืมที่จะจุดตะเกียงไฟ เมื่อเห็นว่าข้างในสว่างขึ้นหวงหรูซื่อพลันก้าวตามเข้ามา “หลานซิน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ท่านพ่อของเจ้าและข้ามาเยี่ยมเจ้า”
ซ่งฉินยังคงพยายามจุดตะเกียงโดยหันหลังให้ตะเกียง หวงหรูซื่อเดินตรงไปที่เตียงพลางพูด และเมื่อนางยกผ้าห่มขึ้นก็เผยให้เห็นสภาพน่าตกใจ และเสียงกรีดร้องแหลมคมได้ทำลายค่ำคืนอันเงียบสงบ
ฟางเจิ้งสิงและหมอหลวงห่าวเหลียนกำลังคุยกันอยู่ในห้องด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของหวงหรูซื่อ ก็ก้าวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว “ฮูหยิน เป็นอะไรไป?”
ฟางเจิ้งสิงคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหวงหรูซื่อ ดังนั้นเขาจึงลากหมอหลวงห่าวเหลียนวิ่งเข้าไปข้างใน แต่เมื่อไปถึงห้องด้านในก็มองไปที่หวงหรูซื่อ
หมอหลวงห่าวเหลียนถูกฟางเจิ้งสิงลากมาอย่างเร่งรีบ และบังเอิญเห็นฉากนี้เข้า
บนเตียงมีผู้หญิงเปลือยกายนอนอยู่บนเตียง ขาของนางอ้าออกกว้าง บนผิวขาวราวกับหิมะมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกายซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ใครก็ตามที่เห็นฉากนี้ก็เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟางหลานซิน!
“เป็นไปได้อย่างไร?” ฟางเจิ้งสิงคำรามราวกับสิงโตบ้าคลั่ง
นางคือลูกสาวที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีซึ่งเปรียบเสมือนดอกไม้ที่บอบบาง เดิมทีเขาตั้งใจจะให้นางเข้าวังเพื่อเชิดชูตระกูลฟาง แต่ตอนนี้กลับอยู่ในสภาพนี้
ลูกสาวของเขาที่ไร้เดียงสา ตอนนี้ถูกคนทำให้เป็นมลทินแล้ว!
ซ่งฉินกอดหวงหรูซื่อด้วยความตกใจ เมื่อนางได้ยินเสียงคำรามของฟางเจิ้งสิงก็กลับมารู้สึกตัว คลานขึ้นไปที่พื้นพร้อมกับใช้ผ้านวดห่อตัวของฟางหลานซินไว้
นางยื่นมือออกไปเพื่อทดสอบลมหายใจของฟางหลานซินพลางตอบอย่างสั่นสะท้านว่า “นายท่าน คุณหนูไม่เป็นอะไร!”
ไม่เป็นอะไรหรือ?
เรียกว่าไม่เป็นอะไรได้อย่างไร?
ตอนนี้ฟางเจิ้งสิงอารมณ์เสียกับลูกสาวตนเองมาก!
ห่าวเหลียนก็ตกใจเช่นกัน แต่เขาคุ้นเคยกับการเห็นความลับของตระกูลใหญ่นี้มานานแล้ว เขาจึงยืนเงียบ ๆ พลางก้มหน้าราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่
ฟางเจิ้งสิงคำรามด้วยความโกรธและเขาทุบโต๊ะไม้ห้องจนตะเกียงล้มลง
เมื่อตะเกียงลมแสงไฟก็มอดลง ทำให้เห็นใบหน้ามืดมนราวกับงูพิษของเขาไม่ชัดเจน
หวงหรูซื่อรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นท่าทางโกรธของฟางเจิ้งสิง นางก้มศีรษะลงและแสยะยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความหวาดผวาและเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา “นายท่าน นี่…นี่..เกิดอะไรขึ้น? เมื่อตอนบ่ายหลานซินยังสบายดีอยู่เลย ทำไมตอนกลางคืนถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”
ฟางเจิ้งสิงอยากจะฉีกฟางหลานซินให้เป็นชิ้น ตอนนี้ร่างกายของนางไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป และนางก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา
ฟางหลานซินไร้ประโยชน์ แต่เขายังมีฟางจู๋อวิ๋นลูกสาวที่แสนดีและบริสุทธิ์อยู่!
ดวงตาที่ดุร้ายของเขาเป็นประกายและทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่ง เมื่อเห็นท่านหมอหลวงห่าวเหลียนที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นความรู้สึกหวาดกลัวลึก ๆ ก็พลุ่งพล่านในหัวใจ!
หมอหลวงห่าวเหลียนผู้นี้เป็นคนรักษาฮ่องเต้ เขาเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ หากเขาบอกฮ่องเต้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ เช่นนั้น…แม้ว่าฟางจู๋อวิ๋นจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่นางก็จะไม่สามารถเข้าวังได้!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฟางเจิ้งสิงก็ได้เกิดความคิดใหม่อย่างรวดเร็ว ความโหดเหี้ยมบนใบหน้าของเขาหายไปแทนที่ด้วยความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง หมอห่าวเร็วเข้า ช่วยลูกสาวของข้าด้วย นางต้องถูกคนอื่นทำให้แปดเปื้อน สวรรค์ มีกฎหมายสำหรับเรื่องนี้หรือไม่! หลานซินของข้าต้องถูกกระทำโดยโจรผู้นั้น หมอห่าวได้โปรด ได้โปรดช่วยรักษาหลานซินของข้าด้วย!”
ท่านหมอหลวงห่าวเหลียนไม่สนใจว่าฟางหลานซินจะสมัครใจหรือถูกบังคับ แต่เมื่อเห็นว่าฟางเจิ้งสิงต้องการให้ตัวเองรักษาอีกฝ่าย เขาจึงได้แต่ตรวจอาการนางอย่างเชื่อฟัง
ครั้งนี้ซ่งฉินห่มผ้าให้ฟางหลานซิน เขาจึงมองไม่เห็นข้างใน ฟางหลานซินยื่นมือข้างหนึ่งออกมา แม้ว่าจะนิดเดียว แต่แขนที่ถูกเปิดเผยก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำซึ่งทำให้ผู้คนคิดเกี่ยวกับมัน
แม้ว่าฟางเจิ้งสิงจะเกลียดและอยากจะฆ่าฟางหลานซินแทบตาย แต่ตอนนี้เขาต้องการยืนยันว่าหลานซินถูกกระทำให้เป็นมลทินโดยโจรเท่านั้น ฟางจู๋อวิ๋นถึงจะมีโอกาสเข้าไปในพระราชวัง!
ไม่ใช่ความผิดของหลานซินที่ถูกโจรข่มขืน และไม่ใช่ความผิดของจู๋อวิ๋น!
การคัดเลือกนางในของฮ่องเต้ ลูกสาวคนหนึ่งจากตระกูลฟางคนนี้ทำไม่ได้ แต่ก็ต้องมีอีกคนที่ทำได้!
ตอนนี้ฟางเจิ้งสิงสูญเสียความมั่นใจในตัวฟางหลานซินไปแล้ว เขาเพียงขอให้นางยืนยันว่าเป็นโจรที่ทำให้นางแปดเปื้อนเพื่อชื่อเสียงของจู๋อวิ๋นจะไม่ถูกทำลาย!
หมอหลวงห่าวเหลียนตรวจชีพจรของฟางหลานซิน และเมื่อเขารู้สาเหตุของอาการหมดสติของฟางหลานซิน หมอหลวงห่าวเหลียนก็หน้าแดงเล็กน้อยและไม่กล้าเอ่ยออกมา “ใต้เท้าฟาง นี่… เหตุผลที่คุณหนูฟางหมดสติไปเป็นเพราะนางมีเพศสัมพันธ์มากเกินไปจึงหมดแรงและหมดสติไป!”
เมื่อฟางเจิ้งสิงได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างละอายใจ เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน “ไอ้สารเลวคนไหนที่ทำร้ายลูกสาวของข้า ข้าจะฆ่าเขา ข้าจะฆ่าเขา! คนหายไปไหนหมด? ตายหมดแล้วหรือไง?”
ฟางเจิ้งสิงคำรามด้วยความโกรธ
ฟางหลานซินไม่จำเป็นต้องกินยา นางจะฟื้นตัวหลังจากพักผ่อน หมอหลวงห่าวเหลียนไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน และในขณะนี้เขารู้สึกอึดอัดมากเสียจนแทบจะมุดดิน
เขาเป็นหมอมาหลายสิบปี และได้ตรวจคนไข้มากมายในวังและในบ้านของผู้มีเกียรติ แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาเห็นฉากนี้ หัวใจของเขาก็ทนไม่ไหว!