ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2010 ฟางเจิ้งสิงโกรธจนเดือดพล่าน
บทที่ 2010 ฟางเจิ้งสิงโกรธจนเดือดพล่าน
ร่องรอยของพี่หลางได้ถูกตีตราอยู่ภายในร่างกายตัวเองแล้ว เมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน นอกจากความเจ็บปวดในตอนแรกเริ่มแล้ว สิ่งที่พี่หลางได้มอบให้กับตัวเองก็คือความสุขสมที่ไม่รู้จบ
เป็นเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับตัวเองพุ่งเข้าใส่ก้อนเมฆ ช่างสบายจนน่าตกใจมาก!
ฟางหลานซินไม่รู้ว่าตัวเองถูกขอมากี่ครั้งแล้ว รู้เพียงแค่ว่าพี่หลางพูดข้างหูตัวเองว่า เจ้างดงามมาก งดงามเสียจริงจนไม่รู้จักพอ แล้วจะทำอย่างไร! เจ้าดูสิว่าเจ้ากับข้าเหมาะสมกันเพียงใด แม้แต่เรื่องเช่นนี้ก็เข้ากันได้ เจ้ากับข้าถูกลิขิตให้อยู่ด้วยกันตลอดไป!
พูดไปก็ส่งนางทะยานขึ้นสู่ก้อนเมฆ ความสุขและความอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงนั้นทำให้นางได้รับความสุขสมที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิตนี้!
มิน่าเล่าผู้คนต่างพูดว่าความรักของบุรุษและสตรีเป็นสิ่งวิเศษยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ที่แท้แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง!
ฟางหลานซินนึกถึงตรงนี้แก้มก็แดงอย่างช่วยไม่ได้ แสงเทียนที่สลัวกระทบบนใบหน้าที่แดงอย่างขวยอายของนาง ฟางเจิ้งสิงเห็นก็แทบทนไม่ไหวที่จะบีบคอนางให้ตาย
เขาคิดเช่นนี้และก็จะทำเช่นนี้ จึงเอื้อมมือไปข้างหน้าตะโกนเสียงดังว่า “ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายจะได้ถือว่าไม่มีบุตรสาวเช่นเจ้า!”
ฟางเจิ้งสิงก้าวไปข้างหน้าอย่างดุร้าย หวงหรูซื่อเห็นในใจก็มีความสุข แต่ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “นายท่าน ท่านจะทำอะไร! อย่า อย่านะ…”
ลำคอที่ขาวหมดจดของฟางหลานซินถูกฟางเจิ้งสิงบีบไว้ในกำมือ ใบหน้าเล็ก ๆ ซีดเผือดจนไร้สีเลือด ตอนนี้ก็ดิ้นรนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ว่าฟางเจิ้งสิงกำลังโกรธจึงคิดเพียงแค่ว่าหน้าตาของตระกูลฟางในตอนนี้ถูกฟางหลานซินทำให้ขายขี้หน้าแล้ว!
ตอนนี้นางไม่สามารถเข้าวังได้ ไม่แน่ว่าแม้แต่ฟางจู๋อวิ๋นเองก็ต้องพัวพันเดือดร้อนจนไม่สามารถเข้าวังได้เช่นกัน บุตรสาวทั้งสองไม่สามารถเข้าวังได้ เช่นนั้นอนาคตของเขาก็จะต้องหยุดลงเช่นนี้หรือ?
ฟางเจิ้งสิงเกลียดชังนัก เกลียดชังมาก!
เขาเหน็ดเหนื่อยลำบากวางแผนการมาตั้งนาน ไม่คิดว่าบุตรสาวของตัวเองจะไร้ยางอายเช่นนี้ เสียเปรียบให้ผู้อื่นแล้วยังจะพูดจาแทนบุรุษผู้นั้นอีก
ฟางเจิ้งสิงเคยเห็นคนต่ำต้อยไร้ค่า แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุตรสาวของตัวเองจะต่ำต้อยเช่นนี้!
“นายท่านเจ้าคะ ท่านปล่อยมือเถอะ นี่เป็นดวงใจของท่านเชียวนะเจ้าคะ ไม่ว่าท่านจะโกรธอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชีวิตของลูกได้นะ!” หวงหรูซื่อร้องไห้พลางก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงมือของฟางเจิ้งสิง ฟางเจิ้งสิงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ฟางหลานซินถูกบีบจนหายใจได้ยากลำบาก ลำคอที่ขาวหมดจดนั้นเหมือนกับว่าถ้าหากบีบต่ออีกสักพักก็ถูกบีบจนกลายเป็นสองส่วน!
หวงหรูซื่อพูดตะโกนพลางร่ำไห้อยู่ด้านข้างไม่หยุด “นายท่าน หลานซินเป็นเด็กดี นางพฤติตัวตัวดีมาตลอด นางจะกล้าทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร นางต้องถูกคนมอมเมาแน่! หญิงสาวในวัยนี้หากไม่ระวังก็จะถูกผู้ที่มีเจตนาไม่ดีล่อลวงไป! พี่หลางผู้นั้น เหมือนข้าจะจำได้แล้วนายท่าน เวรยามที่ท่านรับเข้ามาปกป้องจวนในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีอักษรหลางอยู่ด้วย… ซ่งฉิน เจ้ารีบไปเรียกพ่อบ้านมาเร็วเข้า ถามพ่อบ้านว่ามีคนผู้นี้อยู่หรือไม่?”
ซ่งฉินออกไปและกลับมาอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ฮูหยิน ในบรรดาผู้ที่รับเข้ามาเหล่านี้นั้นมีคนหนึ่งชื่อซือหลางจริง ๆ เจ้าค่ะ!”
มือของฟางเจิ้งสิงหดกลับไปในทันที!
ส่วนฟางหลางซินนั้นทรุดตัวลงบนพื้นและหอบหายใจอย่างหนัก
เมื่อครู่นี้ขอเพียงแค่ผ่านไปอีกสักแวบเดียว ชีวิตของนางก็จะต้องมอบให้กับจวนแห่งนี้แล้ว!
ฟางเจิ้งสิงตะโกนเสียงดัง “ปิดล้อมจวนทั้งหมด หาไอ้เดรัจฉานนั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ซ่งฉินรับคำสั่งและรีบออกไป ส่วนหวงหรูซื่อก็กอดฟางหลานซินและกล่าวโทษตัวเองไม่หยุด “ต้องโทษข้า ต้องโทษข้าทั้งหมด ถ้าหากตอนนั้นข้าไม่พูดว่าในจวนมีคนน้อยเกินไป จวนที่ทั้งใหญ่และไม่ปลอดภัยนั้นต้องรับคนเพิ่ม ไม่เช่นนั้นก็คงไม่รับเอาหมาป่าตาขาวตัวนั้นเข้ามา! ข้ารับใช้ที่ต่ำต้อยผู้นั้นสามารถทำเรื่องเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร เขาทำร้ายหลานซินของข้าได้อย่างไรกัน! ฮือ ๆ…”
หวงหรูซื่อร้องไห้เสียใจหนักหน่วง ฟางเจิ้งสิงเองก็เสียใจตามไปด้วย “ฮูหยิน เรื่องนี้ไม่โทษเจ้าก็ต้องโทษข้าที่ตอนนั้นข้าตัดสินใจรับคนผู้นี้เข้ามา หากจะโทษก็ได้แต่โทษข้าแล้วที่พาหมาป่าตัวนั้นเข้ามาในบ้าน!”
ฟางหลานซินสงบลงแล้ว จึงรีบพูดว่า “ท่านพ่อ พี่หลางเล่า? พี่หลางไปไหนแล้ว? เขาได้ตกลงแล้วว่าขอเพียงแค่ข้าวดิบกลายเป็นข้าวสุก ท่านจะต้องรับปากให้ข้าและเขาแต่งงานกัน!”
ฟางเจิ้งสิงได้ฟังแล้วความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาจ้องมองบุตรสาวที่ทำเรื่องไร้สมองอย่างดุร้าย “นี่คือสิ่งที่เขาพูดกับเจ้ารึ?”
“อืม พี่หลางบอกว่าชั่วชีวิตนี้เขาต้องการแต่งงานกับข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาบอกว่าแม้เขาจะมีฐานะต่ำต้อย แต่ว่าตลอดชีวิตนี้จะรักและเอ็นดูข้าเหมือนกับสมบัติล้ำค่า และจะไม่ปล่อยให้ข้าได้รับความทุกข์ใจแม้แต่น้อย! ท่านพ่อ ลูกขอร้องท่านแล้ว ท่านช่วยคืนพี่หลางมาให้ข้าเถอะนะ ลูกเป็นคนของเขาแล้ว ชีวิตนี้หากไม่ใช่เขาก็จะไม่แต่งงาน!”
เมื่อเห็นบุตรสาวของตัวเองถูกหลอกและยังพูดแทนคนผู้นั้น ฟางเจิ้งสิงก็แทบอดรนทนไม่ไหวที่จะเตะนางให้ตาย “ตราบใดที่เป็นเพียงบุรุษก็ไม่สามารทำเรื่องที่ฉาบฉวยออกมาได้ ต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคุณหนูของตระกูลฟาง เขาไม่เพียงแต่เป็นคนใช้ที่ต่ำต้อย! เขาชอบเจ้านั่นเป็นเพราะชอบฐานะของเจ้า!”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ!” ฟางหลานซินพูดอย่างมั่นใจ “พี่หลางพูดแล้วว่า ขอเพียงท่านรับปากสัญญาให้ข้าและเขาแต่งงานกัน เขาก็จะพาข้าท่องเที่ยวไปทั่วหล้าถือว่าโลกทั้งใบนี้เป็นบ้านของเรา! ลูกใฝ่หาปรารถนาวันที่พี่หลางพูดเช่นนั้น อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะไปที่ใดก็ไป! ลูกชอบชีวิตเช่นนั้น!”
หวงหรูซื่อยิ้มหยัน
ถ้าหากนางเดาไม่ผิด สิ่งที่ซือหลางพูดนั้นน่าจะเป็น แม้ว่าข้าจะเป็นองครักษ์ที่ต่ำต้อย แต่ตระกูลบรรพบุรุษยังมีทรัพย์สินและกิจการอยู่ที่ต่าง ๆ จำนวนไม่น้อย หลังจากแต่งงานกับฟางหลานซินแล้วก็จะนั่งรถม้าอย่างหรูหราอยากไปที่ใดก็ไป!
มารดาของเขาอายุมากแล้วเกรงว่าจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี เขาเป็นลูกที่กตัญญู ฟางหลานซินเป็นคุณหนูใหญ่แม้ว่าจะแต่งงานไป แต่ก็ชอบชีวิตที่มั่งคั่งสะดวกสบาย มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ และไม่ต้องแสดงความกตัญญูของลูกสะใภ้ ไม่จำเป็นต้องยกน้ำชา แต่ยังสามารถใช้ชีวิตที่ดีเหมือนที่เคยอยู่ในจวนตระกูลฟางได้!
คำพูดพรรณนาของซือหลางเช่นนี้ โดยเฉพาะคำหวานเหล่านั้น แม้ว่าฟางหลานซินจะมีสมองอยู่บ้าง ก็ยังเปลี่ยนไปจนไม่มีสมองแล้ว!
คำพูดที่ขัดแย้งกันของซือหลางเมื่อก่อนหน้าได้ถูกล่อลวงด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ฟางหลานซินเองก็คิดว่าทั้งหมดนั้นเป็นการแสดงความรักต่อนางเท่านั้น!
ดังนั้นจึงพูดได้ว่าสตรีที่ตกหลุมรักหมดใจ สมองนั้นโง่เง่าเหมือนหมูอย่างแท้จริง!