ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2011 โง่เง่าเหมือนหมู
บทที่ 2011 โง่เง่าเหมือนหมู
ถ้าหากตระกูลซือมีทรัพย์สินมีกิจการจริง เช่นนั้นเหตุใดซือหลางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเล่า? ทั้งที่ตระกูลมีกิจการตั้งมากมายเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ขายไปสักที่ และยังต้องการเข้าตระกูลฟางมาเป็นผู้คุ้มกันหาเงินเลี้ยงดูมารดาอีก?
คำพูดของซือหลางนั้นไม่สอดคล้องกัน อยากจะพูดอย่างไรก็พูดออกมา! ถ้าหากฟางหลานซินเกิดความสงสัย กระสุนปืนใหญ่เคลือบน้ำตานั้นจะเข้าไปดังตูม จนนางแข็งกร้าวด้านนอกอ่อนนุ่มด้านใน และไม่สามารถไปครุ่นคิดได้ว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ถูกต้อง
ซือหลางนี้เป็นบุรุษที่ขายเรือนร่างที่มีชื่อเสียงอยู่ด้านนอก ด้วยรูปร่างน่าตาดี ปากหวาน และยังมีฝีมือในการใช้แรงกาย จึงมักจะทำเรื่องพวกที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อด้านนอกได้!
บุรุษผู้นี้สามารถไปที่หอนางโลมหาสตรีมาผ่อนคลายอารมณ์หรือสตรีบางคนที่มีครอบครัวแล้ว สตรีที่เปลี่ยวเหงาเอาแต่อยู่ในห้องหอก็ต้องมีสถานที่ไปไม่ใช่หรือ!
เวลาซือหลางอยู่บนเตียงก็ทำให้คนมีความสุขอย่างสุดขีด แต่ว่านั่นเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วจึงเป็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน!
เมื่อก่อนซือหลางปรนนิบัติรับใช้ก็ล้วนเป็นสตรีมีอายุที่งดงาม หาได้ยากที่ครั้งนี้จะได้พบสตรีที่มีอายุน้อยแต่ยังบริสุทธิ์ไม่ได้ออกเรือน ช่างเป็นโชคลาภแล้ว!
หวงหรูซื่อคิดเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับได้ฉลองส่งท้ายปีเก่า แทบจะทนไม่ไหวที่จะจุดประทัดและดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลอง “นายท่าน เมื่อเด็กโตขึ้น พวกเราก็ไม่ได้เป็นบิดามารดาแล้ว หลานซินมีความรักที่ลึกซึ้งหยั่งราก อีกทั้งยังเป็นของผู้อื่นแล้ว ถ้าหากซือหลางนั้นเป็นเด็กดี พวกเราก็ช่วยให้พวกเขาสมหวังเถอะ ในโลกนี้มันง่ายนักที่จะได้สมบัติล้ำค่าและยากนักที่จะได้คนรัก ถ้าหากซือหลางนั้นดีเหมือนดังเช่นที่หลานซินพูดไว้จริง พวกเราก็ขอให้เป็นงานแต่งที่ดีเถอะ!”
ฟางหลานซินไม่คิดว่าหวงหรูซื่อจะอ้อนวอนขอร้องเพื่อตัวเอง จึงประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ขอบคุณท่านแม่ ข้าและท่านพี่หลางตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นและมีความรักที่ลึกซึ้ง ตลอดชีวิตนี้ไม่ใช่เขา หลานซินก็จะไม่แต่งงาน ดังนั้นจึงขอไปเอาดาบหน้า ได้แต่อ้อนวอนขอร้องท่านพ่อช่วยให้พวกเราสมหวังด้วย!”
ฟางเจิ้งสิงมักรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ว่าตรงไหนที่ผิดปกตินั้น เขาก็ไม่สามารถบอกได้
หวงหรูซื่อเหมือนมารดาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ฟางหลานซินขอร้องอ้อนวอนอย่างขมขื่น ฟางเจิ้งสิงรู้สึกว่านี่ผิดปกติ ผิดปกติ!
บุตรสาวที่แสนดีของเขาคนหนึ่ง อยู่ดี ๆ ก็สูญเสียความบริสุทธ์ไปได้อย่างไร?
กำลังคิดเช่นนี้ก็ได้ยินเสียงที่ตื่นตระหนกหวาดกลัวจากข้างนอก “นายท่าน นายท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
หัวใจของฟางเจิ้งสิงรัดแน่น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ผู้คุ้มกันทั้งสองคนที่รับเข้ามาใหม่ดูแลในจวนคราวนี้หายไปหมดแล้ว!” พ่อบ้านไม่กล้าเข้ามา จึงตะโกนอยู่ด้านนอก
“อะไรนะ? หายไปแล้ว? ผู้ใดหายไปแล้ว?”
“คนหนึ่งชื่อซือหลาง อีกคนหนึ่งชื่อซิ่งเยว่! หายไปแล้ว หายไปแล้ว คนที่ติดตามพวกเขาพูดว่า พูดว่า… ” พ่อบ้านคนนั้นอยากพูดแต่กลับลังเลที่จะพูด ฟางเจิ้งสิงได้ฟังแล้วก็แทบทนไม่ไหวอยากก้าวเข้าไปบีบคอเขาให้ตาย “พูดว่าอะไร?”
“ผู้คุ้มกันสองคนที่เหลือบอกว่า พวกเขาลาดตระเวนในตอนกลางคืน เมื่อลานตระเวนถึงเรือนคุณหนูสองก็หายไปหนึ่งคน พอลาดตระเวนถึงเรือนคุณหนูสามก็หายไปอีกหนึ่งคน! จนหายไปทั้งสองคนแล้ว!”
“อะไรนะ?” คล้ายกับมีฟ้าผ่าลงมาในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ฟางเจิ้งสิงถูกทำให้กระทบกระเทือนสองครั้งแล้ว รู้สึกเพียงว่าดวงตาดำมืดลง ในหัวราวกับมีก้อนแป้งแปะเอาไว้ก่อกวนให้เขาได้ยินอะไรไม่ชัดเจน!
ตอนลาดตระเวนไปถึงเรือนคุณหนูสองก็หายไปหนึ่งคน คนที่หายไปผู้นั้นก็พรากความบริสุทธิ์จากบุตรสาวเขา
เช่นนั้นอีกคนหนึ่งเล่า?
ฟางเจิ้งสิงคิดว่าตัวเองได้ฝากฝังความหวังทั้งหมดไว้กับฟางจู๋อวิ๋นแล้ว แต่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกผู้อื่นดึงกระดูกออกไปอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ความกล้าที่จะยืนนั้นก็ยังไม่มี
“ทางฝั่งคุณหนูสามเป็นอย่างไรบ้าง?” ฟางเจิ้งสิงระงับความโกรธที่โหมซัดเข้ามาอย่างยากลำบาก
พ่อบ้านที่อยู่ด้านนอกไม่ได้พูด สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างจึงเอ่ยปากอย่างพึมพำว่า “พ่อบ้านกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูสาม จึงให้ข้าน้อยไปดู… ข้าน้อยไปดูแล้ว… ไปดูแล้ว คุณหนูสามนาง… นาง…”
สาวใช้นั้นประหม่าจนพูดไม่จบประโยค ฟางเจิ้งสิงไม่ต้องฟังก็เหมือนจะรู้ว่าสาวใช้นั้นจะพูดอะไรต่อ!
แต่หวงหรูซื่อกลับเหมือนไม่เข้าใจ จึงพูดด้วยความโกรธเคืองว่า “มีอะไรก็รีบพูดเร็วเข้า คุณหนูสามเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฟางเจิ้งสิงใช้ความพยายามทั้งหมดเอียงหัวไปมองหวงหรูซื่อ!
หวงหรูซื่อไม่รู้ว่าฟางเจิ้งสิงกำลังมองนาง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ทว่าในดวงตานั้นราวกับมี… ความยินดีที่ลึกล้ำซุกซ่อนไว้
ความยินดี!
“ตะ…ตอบนายท่านและฮูหยิน คุณหนูสามนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ ตอนข้าน้อยก้าวเข้าไปดูบนเตียงใต้ร่างของคุณหนูสาม ยังมีคราบเลือดอยู่เล็กน้อย…”
สาวใช้ผู้นั้นต้องพูดออกไป พอพูดแล้วก็ชัดเจนจนทำให้คนไม่ต้องคิดก็รู้ว่าฟางจู๋อวิ๋นเกิดเรื่องอะไรขึ้น!
ฟางจู๋อวิ๋นเปลือยกายทั้งร่าง บนร่างกายเขียวช้ำ ใต้ร่างก็ยังมีเลือดพรหมจรรย์…
จบแล้ว!
“จบแล้ว จบแล้ว จบสิ้นแล้ว…” ฟางเจิ้งสิงทรุดตัวลงบนพื้นและพึมพำ อนาคตที่เขาวาดฝันไว้พังทลายลงจนไม่เหลืออะไรแล้ว!
หวงหรูซื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าและพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “นายท่าน นายท่าน ท่านอย่าทำให้หรูซื่อตกใจกลัวสิ ท่านเป็นอะไรไป? ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
ฟางหลานซินได้ยินว่าซือหลางหายไปแล้วในใจก็ไม่เชื่อ นางก้าวไปข้างหน้าคว้าฟางเจิ้งสิงไว้เหมือนเสียสติ “ท่านเอาพี่หลางไปซ่อนที่ใด? ท่านเอาพี่หลางไปซ่อนไว้ที่ใดแล้ว?”
ฟางหลานซินคว้าฟางเจิ้งสิงไว้ ท่าทางนั้นดุร้ายจนทำให้คนเห็นแล้วหวาดกลัว
หวงหรูซื่อกอดฟางเจิ้งสิงไว้ในอ้อมแขนแน่น หลีกหนีการคว้าจับของฟางหลานซิน “หลานซิน เจ้าจะทำอะไร? นี่คือบิดาของเจ้านะ! เจ้าอย่าทำอะไรพล่อย ๆ นะ!”
“เอาพี่หลางคืนมาให้ข้า ต้องเป็นเจ้าแน่ เป็นพวกเจ้าแน่ที่ทำร้ายพี่หลางของข้าตาย คืนท่านพี่หลางมาให้ข้านะ คืนมาให้ข้า!” ฟางหลานซินเพิ่งมีประสบการณ์ความรักระหว่างชายหญิง จึงปฏิบัติต่อซือหลางอย่างจริงใจ จะรู้ได้อย่างไรว่าซือหลางหายตัวไปแล้ว ฟางหลานซินไม่เชื่อจึงได้แต่บอกว่าถูกฟางเจิ้งสิงซ่อนไว้
ฟางหลานซินไม่พูดนั้นยังดี พอพูดเช่นนี้หวงหรูซื่อก็มีความสุขในใจ จึงพูดว่า “หลานซิน ซือหลางหายไปแล้ว ซิ่งเย่วนั้นก็หายไปด้วย บิดาเจ้ากำลังตามหาพวกเขาอยู่ ไม่ใช่พวกเราซ่อนเอาไว้! ไม่แน่ว่าซือหลางผู้นั้นเป็นคนโกหก ใช้คำหวานหลอกลวงร่างกายของเจ้า จากนั้นก็หลบหนีไปแล้ว!”
“เหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล เจ้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะฉีกปากที่เน่าของเจ้า ข้าจะฉีกปากที่เน่าของเจ้า!” ฟางหลานซินโกรธจัดแล้ว!
หากเมื่อครู่นี้บอกว่านางรนร้อนไม่อยู่กับที่ เช่นนั้นตอนนี้ก็คลุ้มคลั่งเสียสติแล้ว!