ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2040 ตายในความฝัน
บทที่ 2040 ตายในความฝัน
ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบประโยค ฉินเย่จือก็ก้มหน้าลงดูดบาดแผลบริเวณไหล่ของกู้เสี่ยวหวานโดยไม่ลังเล
อาจั่วและอาโม่ที่รายล้อมอยู่ด้านข้างเห็นสภาพของกู้เสี่ยวหวานในขณะนี้ ก็รู้สึกอยากทุบตัวเองให้ตายตกไปเสีย
พวกเขาล้มเหลวในการดูแลคุณหนู มันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่! พวกเขาสมควรตาย!
“นายท่าน พวกข้าสมควรตาย พวกข้าไม่สามารถปกป้องคุณหนู…” อาจั่วและอาโม่คุกเข่าลงบนพื้นรอให้ฉินเย่จือลงโทษ
ฉินเย่จือถ่มเลือดในปากของเขาไม่นานเลือดของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ ดูเหมือนว่าพิษทั้งหมดภายในจะถูกดูดออกไปแล้ว
เขาคลุมไหล่ของกู้เสี่ยวหวานอย่างระมัดระวังด้วยเสื้อคลุมของตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อเขามองไปที่อาจั่วและอาโม่ก่อนดวงตาจะแปรเปลี่ยนเป็นความดุร้าย พวกเจ้าสมควรตาย ถ้านางไม่เป็นอะไร ข้าจะเหลือศพพวกเจ้าไว้ แต่ถ้านาง…”
ฉินเย่จือไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ ดวงตาของเขาอ่อนโยนราวกับน้ำเมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน และเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดคำเหล่านั้นออกมา
ฉินเย่จือพากู้เสี่ยวหวานไปที่ลานแยกของฉินเย่จือเพื่อพักฟื้น
ฉินเย่จือส่งคนไปที่สวนชิงเพื่อบอกว่าเขาพากู้เสี่ยวหวานออกไปเที่ยว โดยกู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้ไม่ได้สงสัยเขาแต่อย่างใด
แต่กู้หนิงอันไม่เชื่อ เขาต้องการเจอกู้เสี่ยวหวาน แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ที่ไหน
ผู้คนในเมืองหลวง ยกเว้นถานอวี้ซูที่มักจะมาหากู้เสี่ยวหวาน นอกจากนางแล้วพี่สาวของตนก็แทบไม่ได้ติดต่อกับใครเลย แต่ตอนนี้ผู้หญิงเหล่านั้นจะรวมกลุ่มเพื่อมาหากู้เสี่ยวหวานเป็นครั้งคราว กู้เสี่ยวอี้ได้แต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ากู้เสี่ยวหวานออกไปเที่ยวเล่น!
แต่เมื่อคนเหล่านั้นจากไป รอยยิ้มที่เข้าใจยากของพวกนางก็ทำให้กู้เสี่ยวอี้รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
กู้ฟางสี่รู้สึกแปลก ๆ “เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ ปกติพวกนางไม่เคยมาที่นี่ แต่เมื่อเสี่ยวหวานออกไปท่องเที่ยว พวกเขากับแห่กันมา”
กู้เสี่ยวอี้ก็สงสัยเช่นกัน “ใช่แล้ว ท่านพี่ออกไปท่องเที่ยวกับพี่ใหญ่ฉิน คนเหล่านี้รู้เรื่องนี้หรือ?”
กู้เสี่ยวอี้และกู้ฟางสี่ได้แต่สงสัย แต่ฉินเย่จือนั้นเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนตระกูลซ่งเป็นคนทำ?”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูซ่งจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าไม่มีใครเข้าใกล้องค์หญิงอันผิงตั้งแต่นางได้รับการแต่งตั้ง อยู่ในสวนชิงคนเดียวนั้นคงเหงามาก นางจึงขอให้ไปเยี่ยมองค์หญิงอันผิงเป็นครั้งคราว!”
ซ่งชิงซือ!
ฉินเย่จือลูบแหวนหยกในมือพร้อมกับยิ้มเยาะมุมปาก นี่คือการให้คนเหล่านี้ไปดูว่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ในสวนชิงหรือไม่!
นางหายหน้าหายตาไปหลายวันจะไม่มีใครสงสัยได้อย่างไร!
คนที่อยู่เบื้องหลังนั้นชั่วร้ายมาก ไม่เพียงแต่ต้องการทำลายชื่อเสียงของหวานเอ๋อร์ แต่พวกนางยังต้องการชีวิตของหวานเอ๋อร์ด้วย!
ถ้าผู้หญิงเสียความบริสุทธิ์ไป ชีวิตคงแย่ยิ่งกว่าความตาย!
ฉินเย่จือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งมีริมฝีปากเป็นสีม่วงคล้ำเนื่องจากพิษก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
ในระหว่างการพักฟื้น กู้เสี่ยวหวานอยู่ในอาการหมดสติมาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน
ตลอดเจ็ดคืนนี้นางฝันทุกวัน และทุกวันเป็นฝันเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาที่มีเหวลึก หรือจะเป็นหิมะสีขาวที่โปรยปรายทั่วท้องฟ้า นางได้ยินเพียงเสียงเรียกอันน่าเวทนาของตัวเองเท่านั้น
“อาหนาน…อาหนาน…”
อาหนาน…
อาหนานคือใคร?
ในความฝัน นางกำลังวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้า เดินอยู่ริมหน้าผาท่ามกลางหิมะโปรยปราย วิ่งอย่างบ้าคลั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับตะโกนว่า ‘อาหนาน’ ไม่หยุด และในตอนท้ายนางก็ได้เห็น ‘ความตาย’ ของตัวเองในความฝัน
ทั้งในทุ่งหญ้า ลึกลงไปในหนองน้ำ ตกจากหน้าผา หรือแข็งตายในหิมะขาวโพลน
แต่สุดท้ายทุกครั้งที่นางตายนางก็ยังไม่พบอาหนานที่ตนเองตามหา นางไม่เคยเห็นเขาเลย!
ในคืนที่เจ็ด นางฝันว่าตัวเองตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้นางก็รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้ง โดยคิดว่านั่นคือความตายของนางจริง ๆ
อย่างไรก็ตามเสียงที่อ่อนโยนเรียกชื่อนางเป็นครั้งคราว
“หวานเอ๋อร์… หวานเอ๋อร์…”
เสียงที่คุ้นเคยและเต็มไปด้วยความเศร้าและความอ่อนโยน นั่นคือพี่เย่จือ เขาเรียกชื่อนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาทำให้นางรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่ ขณะที่นางกำลังเห็นความตายของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
พี่เย่จือ เขาเรียกข้า!
ข้ายังได้ยิน ข้ายังตายไม่ได้!
ทุกอย่างป็นของปลอม ปลอมทั้งหมด!
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าตนเองต้องทนทรมานอยู่ในความฝันนานแค่ตอนนี้นางอยู่ในอาการมึนงง และในที่สุดก็ตื่นขึ้น
โชคดีที่พิษงูได้รับการจัดการชั่วคราว และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากในเวลานั้น พิษจึงไม่ได้ทำอันตรายต่ออวัยวะภายใน ไม่เช่นนั้นแม้แต่เทพเจ้าต้าหลัวก็ไม่สามารถช่วยชีวิตนางได้!
เมื่อรู้ว่าในเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานตกอยู่ในอันตราย ฉินเย่จือก็ทั้งโกรธและเจ็บปวด และหวังว่าเขาจะประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้แทนกู้เสี่ยวหวาน!
เมื่อกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้น นางก็เห็นฉินเย่จือนั่งอยู่ข้างเตียง และมองนางด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า “หวานเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้ว…”
“พี่เย่จือ…” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกคอแห้ง นางกำลังพยายามจะลุกขึ้น แต่ฉินเย่จือรีบกดนางกลับไปบนเตียง “เจ้านอนลงไป อย่าขยับ ข้าจะไปเทน้ำให้…”
เขาเทน้ำและก็ค่อย ๆ ป้อนให้นาง เมื่อเห็นว่านางดูดีขึ้นจึงสงบลงเล็กน้อย “เจ้ายังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า? รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ข้าอยู่ที่ไหน?” กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ สถานที่นี้ไม่คุ้นเคย นางจึงสับสนเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าถูกงูกัด แล้วก็…”
“เจ้าหมดสติอยู่บนภูเขา ข้ากลัวว่าถ้าข้าพาเจ้ากลับไปจะทำให้ท่านอาเป็นห่วง ข้าจึงส่งข่าวไปบอกว่าเจ้าและข้าออกไปเที่ยว นี่คือลานแยกที่ปกติแล้วจะไม่มีใครมาที่นี่ ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อพักฟื้น!” ฉินเย่จือนั่งข้างหลังกู้เสี่ยวหวาน กอดนางอย่างระมัดระวังและพูดอย่างอ่อนโยน
กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงตอบรับ น้ำเสียงของนางดูอ่อนเพลียยิ่ง นางทิ้งร่างกายลงในอ้อมกอดของฉินเย่จือและพูดด้วยเสียงเบา “ดี…”
“เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือ?” ฉินเย่จือถามเบา ๆ “หมออยู่ข้างนอก ถ้ารู้สึกไม่สบายข้าจะให้เขาเข้ามา!”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า “แต่เวียนหัวนิดหน่อย ที่เหลือไม่เป็นไร…”