ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2042 พี่น้องรวมตัว
บทที่ 2042 พี่น้องรวมตัว
เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่กู้เสี่ยวอี้เอาแต่เดินตามหลังกู้เสี่ยวหวานไม่ห่าง
“ท่านพี่ ท่านกับพี่เย่จือไปเที่ยวที่ไหนมาหรือเจ้าคะ พวกท่านไปกันตั้งครึ่งเดือน ข้าและท่านอาคิดถึงท่านจะแย่อยู่แล้ว!” กู้เสี่ยวอี้กอดแขนกู้เสี่ยวหวาน พูดจาเสียงออดอ้อนพลางเดินเข้าไปในสวนชิง
กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะไม่บอกกู้เสี่ยวอี้และกู้ฟางสี่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับตนเอง นางพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ฉินของเจ้าบอกว่า เขาไม่ได้พาข้าออกไปท่องเที่ยวมาหลายปีแล้ว ช่วงนี้เขามีเวลาว่างจึงถือโอกาสพาข้าออกไปเที่ยว”
“เสี่ยวฉินคนนี้ก็จริง ๆ เลย อย่างไรก็ตามเขาควรจะพาเจ้ากลับมาก่อนจะพาออกไป ตอนข้าไม่เจอเจ้านะ ข้าก็กังวลแทบตาย!” กู้ฟางสี่กล่าวโทษฉินเย่จือ
กู้เสี่ยวหวานรีบจับมือกู้ฟางสี่ และอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เขาก็มีเรื่องเร่งด่วนเช่นกันจึงไม่มีเวลามาบอกท่าน แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่งคนมาบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ พี่เย่จือต้องการพาข้าไปดูทิวทัศน์อันงดงาม ท่านอา อย่าถือสาเขาเลย!”
เมื่อเห็นว่าผ่านมาเพียงไม่กีวัน แต่ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานกลับดูซูบเซียว แต่สีหน้าของนางยังปกติ คำตำหนิที่เตรียมไว้ต่อว่าฉินเย่จือจึงลดลงเล็กน้อย “ช่วงนี้ไม่ได้กินข้าวหรือ? รีบไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะทำของอร่อย ๆ ให้เจ้ากิน!”
“ตกลง ช่วงนี้ข้าออกไปข้างนอก ข้าคิดถึงแต่อาหารที่ท่านทำ!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ย หัวซบไหล่ของกู้ฟางสี่ราวกับเด็ก ๆ
“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าใกล้จะแต่งงานแล้ว ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กอยู่อีก! เอาล่ะ ไปพักผ่อนเถอะ หากข้าทำอาหารเสร็จแล้วจะเรียกเจ้าเอง!” กู้ฟางสี่ยิ้มขบขัน
“ตกลง!” กู้เสี่ยวหวานตอบกลับเสียงหวาน กู้ฟางสี่จึงมีความสุขมา “เด็กดี เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะรีบไปทำอาหารแล้ว!”
กู้เสี่ยวอี้จับมือกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในลาน และถามกู้เสี่ยวหวานว่าได้พบเจออะไรบ้างในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาบ้าง
แต่โชคดีที่ในชีวิตที่แล้วนางเคยไปท่องเที่ยวมามาก ทั้งยังได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากมาย ดังนั้นนางจึงสามารถบอกเล่าทิวทัศน์ของสถานที่บางแห่งได้อย่างละเอียดจนกู้เสี่ยวอี้เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ท่านพี่ สถานที่นั้นสวยงามมาก ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน!” กู้เสี่ยวอี้จับคางของตนเอง ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกาย
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “เจ้าจะมีโอกาสไปแน่นอน!”
กู้เสี่ยวอี้ทำหน้ามุ่ย “ท่านมีท่านพี่ใหญ่ฉินพาไป แต่ข้าสิ พี่หนิงอันยุ่งมาก จะมีเวลาพาข้าไปได้อย่างไร!”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กู้หนิงอัน และเห็นว่าเขากำลังยิ้มและส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
กู้เสี่ยวหวานเข้าใจทันที ดูเหมือนว่าในช่วงครึ่งเดือนที่นางไม่อยู่ เสิ่นเหวินเจวี้ยนก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!
หลังจากเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้กู้เสี่ยวอี้ฟังแล้ว กู้เสี่ยวหวานหันไปถามกู้หนิงอัน “งานของเจ้าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
กู้เสี่ยวอี้รู้ว่าพี่สาวกำลังถามเรื่องงานกับพี่ชายตนเอง ดังนั้นอ้างว่าจะออกไปช่วยกู้ฟางสี่และรีบออกจากห้องไปทันที
เมื่อเห็นนางจากไป กู้หนิงอันก็ยืนขึ้นทันทีและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างกระวนกระวาย น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ “ท่านพี่ ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือของกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานก็ตบไหล่เขาและพูดตามจริง “ข้าไม่เป็นไร คืนนั้นข้าถูกโจรลักพาตัวขึ้นไปบนภูเขา หลังจากนั้นข้าใช้อาวุธที่พี่เย่จือให้จัดการพวกมันไปได้หนึ่งคน จากนั้นข้าก็หนีออกมา ข้าวิ่งวนบนภูเขาอยู่นาน แต่ตอนซ่อนตัวดันไม่ทันระวังจึงถูกงูกัดเข้า…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้หนิงอันก็รู้สึกเป็นทุกข์และถามอย่างประหม่า “ท่านพี่ ตอนนี้ท่าน…”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าและยิ้ม “ข้าหายดีแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป!”
เป็นเรื่องจริง!
“พี่ใหญ่ฉินจะไม่ปล่อยให้ท่านพี่เป็นอะไรไปอย่างแน่นอน!” กู้หนิงอันพูดด้วยความโศกเศร้า
กู้เสี่ยวหวานลูบมือของเขา “หนิงอัน ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ! เจ้าอย่าโทษตัวเองเลย สถานการณ์ในตอนนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น!”
ร่างกายของกู้หนิงอันราวกับลูกธนูที่ถูกน้าวออก “ท่านพี่ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ถ้าข้ากลับมาบอกท่าน ท่านก็จะไม่เป็นกังวลเรื่องของข้า เรื่องราวนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน! ข้าขอโทษจริง ๆ ท่านพี่…” ในขณะที่พูดเขาก็สะอื้นออกมา
เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว นอกเหนือจากการใช้ชีวิตตามปกติในทุกวัน เขาก็นึกถึงแต่พี่สาวของตนเอง แต่ก็ไม่อาจรู้ว่านางเป็นอย่างไร มันทำให้เขารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก ฉินเย่จือห้ามไม่ให้เขาเจอนาง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางอยู่ที่ไหน
สวรรค์รู้ดีว่าตนเองผ่านเรื่องนี้มาได้อย่างไร นานกว่าครึ่งเดือนเขาร้อนรนราวกับถูกย่างบนกระทะร้อน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานในขณะนี้ ความเศร้า ความตึงเครียด ความกังวล และความรู้สึกผิด การโทษตัวเองทั้งหมดพุ่งขึ้นเหมือนกระแสน้ำ เขาปิดหน้าและและร้องไห้ออกมา
กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจเบา ๆ นางรู้ว่ากู้หนิงอันเป็นเด็กดี และเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่เกรงว่าเขาจะโทษตัวเองและรู้สึกผิดไปอีกนาน นอกจากนี้ยังดูถูกความสามารถของตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องพี่สาวได้!
“หนิงอัน ข้าไม่โทษเจ้า ในสถานการณ์นั้นข้ารู้ว่าเจ้าไม่ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!” กู้เสี่ยวหวานปลอบใจกู้หนิงอัน
คนที่อยู่เบื้องหลังต้องการลักพาตัวนางไป เขาจะปล่อยให้กู้หนิงอันกลับมาและแจ้งนางได้อย่างไร
กู้หนิงอันร้องไห้ “ท่านพี่ ข้าไร้ประโยชน์จริง ๆ ข้าปกป้องท่านพี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าพี่ใหญ่ฉินไม่พบท่าน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน ข้า…ในชีวิตนี้ข้าคงจะไม่ให้อภัยตัวเอง!”
กู้หนิงอันกำลังร้องไห้อย่างเศร้าใจ กู้เสี่ยวหวานกอดเขาไว้ในอ้อมแขน สองปีที่ผ่านมากู้หนิงอันค่อย ๆ เติบโตขึ้น จนกระทั่งตอนนี้เขาสูงกว่านางแล้ว แต่กลับกำลังร้องไห้งอแงอยู่ในอ้อมกอดตนเหมือนเมื่อหลายปีก่อน เหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่ถูกและร้องไห้อย่างขมขื่นในอ้อมแขนของพี่สาว
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเป็นเวลาหลายปีนี้กู้หนิงอันตั้งใจเรียนและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ชีวิตดีขึ้นเพราะเขาแบกความรับผิดชอบในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลกู้ไว้บนบ่า