ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2045 หลินจิ้งหรูปกป้องนาง
บทที่ 2045 หลินจิ้งหรูปกป้องนาง
กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูยืนชมดอกบัวเงียบ ๆ อยู่ข้างสระน้ำ ยามคนเดินผ่าน หูก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนว่ามีบางคนแค่นเสียงเย็นชาใส่ตนเอง
ถานอวี้ซูต้องการโต้เถียงกับคนเหล่านั้น แต่กู้เสี่ยวหวานรั้งนางไว้ และคอยปลอบโยน “เจ้าดูดอกบัวนั่นสิ ช่างงดงามเหลือเกิน!”
“ท่านพี่ ท่านจะยังมีใจดูดอกบัวอีกงั้นหรือ? คนพวกนี้…” ถานอวี้ซูเดือดดาล
“อวี้ซู ความคิดของพวกเขาอยู่ในหัวของพวกเขา เจ้าและข้าไม่สามารถควบคุมสิ่งที่พวกเขาคิดได้!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“แต่ท่านพี่…เห็นได้ชัดเจนว่าคนพวกนี้พุ่งเป้าไปยังเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อน…” ถานอวี้ซูพูดอย่างกังวลใจ
“เจ้าเชื่อข้าไหมอวี้ซู?” กู้เสี่ยวหวานถามขึ้นพลางมองไปที่ถานอวี้ซูด้วยสายตาแน่วแน่
“แน่นอนข้าเชื่อ ท่านพี่ ข้าเชื่อทุกสิ่งที่ท่านพูด!” ถานอวี้ซูเอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล
“ตกลง เจ้าเชื่อข้าก็พอแล้ว เจ้าคือพี่น้องที่ดีของข้า ถ้าน้องสาวที่แสนดีเชื่อใจข้า ข้าก็พอใจแล้ว” เมื่อเห็นถานอวี้ซูเชื่อใจตัวเองขนาดนี้ กู้เสี่ยวหวานก็พอใจมาก
“แต่ท่านพี่…แม้ว่าข้าจะเชื่อใจในตัวท่าน แต่คนอื่นไม่เชื่อ!” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานถามเพียงประโยคนั้น ถานอวี้ซูก็กังวลอีกครั้ง ‘ข้าจะเชื่อใจแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร!’
“แน่นอน มันมีประโยชน์!” กู้เสี่ยวหวานจับมือถานอวี้ซูและพูดอย่างสนิทสนมว่า “ข้าสนใจแต่คำพูดกับคนที่เชื่อใจข้า และสิ่งที่คนอื่นพูดข้าไม่สน!”
“ท่านพี่…” ถานอวี้ซูกระทืบเท้าแล้วพูด
“องค์หญิงอันผิง…” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะสิ่งที่ถานอวี้ซูต้องการจะพูด!
“คุณหนูหลิน!” กู้เสี่ยวหวานหันกลับมาและเห็นหลินจิ้งหรูยืนอยู่ข้างหลัง
“องค์หญิงอันผิง ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ข้าขออภัยเมื่อครู่ข้ายืนอยู่ที่นี่และบังเอิญได้ยินการสนทนาของพวกท่านเข้า ข้าอยากจะพูดว่าข้าก็เชื่อในตัวท่าน!” หลินจิ้งหรูมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยแววตาเปล่งประกาย
กู้เสี่ยวหวานหันไปมองถานอวี้ซู และเห็นว่านางผงะไปเล็กน้อย จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ ยังมีคนเชื่อข้าอีกไม่ใช่หรือ?”
พวกเขาทั้งสามทักทายกันและกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนรับใช้เอ่ยขึ้น “คุณหนูทุกท่าน โปรดนั่งลงเถอะ!”
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ นั่งลง ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าคนที่นั่งตรงข้ามคือซูหมิ่น นางกำลังมองมาที่ตนเองด้วยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้
“องค์หญิงอันผิงกลับมาจากการไปทัศนาจรแล้วหรือ? ไม่ได้เจอกันนานกว่าครึ่งเดือนเหตุใดสภาพถึงดูแย่เช่นนี้ ดูไม่เหมือนไปทัศนาจรมาเลย แต่เหมือนว่าไปพักผ่อนเพื่อรักษาร่างกายมากกว่า!”
หลังจากซูหมิ่นพูดจบ นางก็ปิดปากยิ้มจาง ๆ
เสียงพูดคุยหัวเราะในงานเลี้ยงหยุดลง คุณหนูทุกคนต่างชะเง้อคออยากรู้อยากเห็น
คนที่ซูหมิ่นหมิงตูจวิ้นจู่เกลียดที่สุดคือองค์หญิงอันผิงกู้เสี่ยวหวาน สิ่งที่ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดี แต่ทุกคนคิดว่าหมิงตูจวิ้นจู่ดูถูกและเกลียดกู้เสี่ยวหวานเพราะสถานะต่ำต้อย แต่พวกเขากลับไม่รู้ความจริงเบื้องหลัง
ถานอวี้ซูรู้ดี เมื่อเห็นท่าทางที่ภาคภูมิใจของหมิงตูจวิ้นจู่ นางก็แทบรอไม่ไหวที่จะขยี้ความภาคภูมิใจนั้น “โอ้ หมิงตูจวิ้นจู่ช่วงนี้กำลังเตรียมงานแต่งงานใช่หรือไม่ หมิงตูจวิ้นจู่คงมีความสุขมากที่ได้สามีที่ชมชอบ เจ้าคงสมปรารถนาแล้วสินะ?”
ซูหมิ่นภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะมองไปยังถานอวี้ซูด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “นี่คือราชโองการของฮ่องเต้!”
“ใช่แล้ว หลังจากหลายปีที่ไล่ตามชายคนหนึ่งมานาน ฮ่องเต้ก็ยังเห็นอกเห็นใจหมิงตูจวิ้นจู่!” ถานอวี้ซูเย้ยหยัน
แต่ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของถานอวี้ซู สีหน้าของซูหมิ่นก็เปลี่ยนไปทันที “ถานอวี้ซู เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ถานอวี้ซูยังตอบโต้กลับด้วยว่า “ซูหมิ่น เจ้าคิดอย่างไรก็แบบนั้นแหละ!”
ในงานเลี้ยง เมื่อครู่ยังมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเงียบสงบ มีเพียงเสียงสายลมที่พักแผ่วเบาเท่านั้น
ฮองเฮาเหลิ่งนั่งอยู่ด้านบนด้วยท่าทางสงบราวกับว่านางไม่ได้วางแผนที่จะช่วยใคร!
“นำสุราผลไม้มาให้เหล่าคุณหนูเถอะ!” เสียงของฮองเฮาเหลิ่งนิ่งสงบ ราวกับไม่ได้สนใจสงครามเย็นระหว่างถานอวี้ซูกับซูหมิ่น
เมื่อฮองเฮาเหลิ่งพูดขึ้น ถานอวี้ซูและซูหมิ่นก็ไม่โต้เถียงกันต่ออีก นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม
แค่การที่ซูหมิ่นไล่ตามผู้ชายคนหนึ่งมาหลายปีแต่ไม่สามารถคว้าใจเขาได้ ในที่สุดซูจือเยว่ถูกผูกมัดด้วยราชโองการ ถ้าเรื่องนี้ถึงหูของซูจือเยว่…
ซูหมิ่นไม่กล้าคิด นางรู้ว่าซูจือเยว่เป็นคนนิสัยอย่างไร ถ้าเขาคิดว่าเรื่องนี้เกิดจากนางล่ะก็…
นางรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา จากนั้นจึงนั่งลงกำหมัดแน่น และเริ่มคิดวางแผนทันที
ซูหมิ่นยิ้มพลางมองฮองเฮาเหลิ่งและพูดว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ฮู้กั๋วจวิ้นจู่กำลังน้อยใจ! ทำไมไม่ขอให้ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรสให้กับฮู้กั๋วจวิ้นจู่บ้าง เพราะแบบนี้ฮู้กั๋วจวิ้นจู่จึงอิจฉาคนอื่นมาก!”
เมื่อได้ยินว่าซูหมิ่นที่เอาแต่ไล่ตามผู้ชายมาหลายเอ่ยแบบนี้ นางลุกขึ้นยืนทันที “ซูหมิ่น เจ้าอยากไล่ตามผู้ชายก็ทำไปคนเดียวเถอะ ทำไมถึงต้องโยนทุกอย่างมาใส่ข้าด้วย!”
เมื่อเห็นท่าทางที่ว้าวุ่นใจของถานอวี้ซู ซูหมิ่นก็ยกยิ้มอย่างมีชัย “ทำไมล่ะ? เจ้าก็อายุไล่เลี่ยกับข้า เมื่อเห็นฮ่องเต้ประทานการแต่งงานให้ข้า เจ้าคงอิจฉาข้าใช่หรือไม่? เจ้าไม่ต้องการหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าเจ้ามีคนในใจอยู่แล้วใช่หรือไม่” ดวงตาของซูหมิ่นมองกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “เป็นความจริงหรือไม่ว่าคนศีลเสมอกันจะอยู่ด้วยกัน องค์หญิงอันผิงมีคนรัก และฮู้กั๋วจวิ้นจู่ก็มีคนรักด้วยหรือ?”
ใบหน้าของถานอวี้ซูตกตะลึง
นางมองท่าทางพึงพอใจของซูหมิ่น หากไม่กล้าตอบกลับออกไป
ถ้าบอกว่าไม่ต้องการแต่งงานแสดงว่ากำลังดูหมิ่นความเมตตาของฮ่องเต้ ถ้าบอกว่าต้องการแต่งงาน สิ่งที่พูดเมื่อครู่คือความอิจฉาริษยา ถ้าบอกว่านางมีคนรักก็เหมือนกับซูหมิ่นคนนี้ นางยังไม่แต่งงานแต่กลับไปมีความรักก่อนจะเป็นการดึงท่านพี่ให้มาข้องเกี่ยวด้วย ถ้าบอกว่าไม่มีคนรักก็จะเป็นการดูหมิ่นความเมตตาของฮ่องเต้และอิจฉาซูหมิ่น!
ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็จะตกหลุมพรางของซูหมิ่น และไม่สามารถหลุดพ้นจากการโดนใส่ร้ายได้!
ถานอวี้ซูเป็นคนตรงไปตรงมา นางจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของซูหมิ่นได้อย่างไร จึงพูดตะกุกตะกัก “ข้า…ข้า…”
เมื่อเห็นว่าถานอวี้ซูไม่สามารถตอบได้ ซูหมิ่นเท้าคาง ทำให้แขนเสื้อล่นลงเผยให้เห็นข้อมือที่ขาวเนียน ดวงหน้าปรากฏรอยยิ้ม ในดวงตาของนางมีความชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์!
ถานอวี้ซูยืนอยู่ที่นั่นโดยรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปคงดูไม่ดี แต่เหล่าคุณหนูที่มองมาที่ตนราวกับกำลังรอคำตอบ
ไม่ว่าจะตอบคำตอบหรือไม่ตอบ ทุกอย่างก็คือกับดักของซูหมิ่น
เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของถานอวี้ซู กู้เสี่ยวหวานจับมือนางและบอกให้นางนั่งลง
ถานอวี้ซูจะนั่งลงได้อย่างไร นางไม่รู้ว่าจะตอบปัญหาใหญ่ที่ซูหมิ่นโยนมาที่ตัวเองได้อย่างไร! ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ผิดทั้งหมด
“ท่านพี่…” เมื่อมองไปที่ท่าทางนิ่งสงบของกู้เสี่ยวหวาน ถานอวี้ซูจึงรีบพูดด้วยสีหน้ากังวล
“เจ้านั่งลงเถอะ ไม่ว่าจะตอบอะไรไป มันก็เป็นกับดักของนางอยู่ดี ไม่ตอบก็เป็นกับดักอยู่ดี” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยเสียงเบา ๆ พลางตบหลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้นางสงบสติอารมณ์
ถานอวี้ซูนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาของนางยังคงจ้องมองที่ซูหมิ่นเขม็ง แก้มของนางพองขึ้นด้วยความโกรธ
“ทำไมหรือ? ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ไม่มีอะไรจะพูดหรือ? เมื่อครู่ใครเป็นคนพูดถึงข้าก่อนกัน?” เมื่อเห็นว่าถานอวี้ซูเงียบไป ซูหมิ่นยังไม่ยอมแพ้ “การแต่งงานระหว่างข้ากับนายน้อยซูได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ นับว่าเป็นพรจากสวรรค์ เจ้ามาพูดแบบนี้ตามใจชอบได้อย่างไร? เจ้ากำลังดูหมิ่นเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์!”
คำพูดของซูหมิ่นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดถานอวี้ซูก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนที่ดูหมิ่นเจตจำนงของฮ่องเต้!
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ซูหมิ่นอย่างเงียบ ๆ และฟังนางใส่ร้ายถานอวี้ซู ใบหน้าของถานอวี้ซูเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาของนางจ้องไปที่ซูหมิ่นอย่างดุเดือด ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่ดึงนางไว้ นางคงห้ามตัวเองไม่ไหว
ทันทีที่คำพูดของซูหมิ่นจบลง ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “การแต่งงานระหว่างหมิงตูจวิ้นจู่และนายน้อยซูนั้นเป็นไปตามประสงค์ของสวรรค์ พวกท่านคือคู่ที่สวรรค์สร้าง อย่างไรก็ตามหากเป็นสวรรค์สร้างจริง ๆ หมิงตูจวิ้นจู่และนายน้อยซูคงจะมีความสุขไปนานแล้ว เหตุใดฮ่องเต้ยังต้องพระราชทานให้เล่า? ฮ่องเต้มีราชกิจมากมาย ทำไมหมิงตูจวิ้นจู่จึงต้องรบกวนฮ่องเต้ให้ออกราชโองการอีก? ผู้ที่รู้เรื่องนี้ รู้ว่าหมิงตูจวิ้นจู่และนายน้อยซูเป็นคู่สวรรค์สร้างขึ้น และหมิงตูจวิ้นจู่ก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของผู้หญิงเพื่อนายน้อยซู หากไม่รู้สิ่งนี้อาจคิดว่าหมิงตูจวิ้นจู่ทูลขอการแต่งงานจากฮ่องเต้เป็นพิเศษ!”
ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังจะพูด ก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล เมื่อนางหันไปมองก็เห็นว่าคนที่พูดคือหลินจิ้งหรูที่เพิ่งบอกว่านางเชื่อในตนเอง
หลินจิ้งหรูพูดท่าทางนิ่งสงบ เดิมทีนางเป็นคนไม่ค่อยพูดและยังเป็นหลานสาวของใต้เท้าหลิน สิ่งที่นางพูดนั้นน่าเชื่อถือมาก!