ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2050 ขับไล่นางลงมา
บทที่ 2050 ขับไล่นางลงมา
ฮองเฮาจากไปแล้ว องค์หญิงและจวิ้นจู่ก็อยากจากไป จึงไม่มีผู้ใดกล้ารั้งไว้
วังกุ้ยเฟยพยายามรักษาสีหน้าของตัวเอง มุมปากนั้นยากที่จะดึงรอยยิ้มออกมา “ได้สิ เชิญพวกเจ้าทั้งสองตามสบาย!”
กู้เสี่ยวหวานไม่มองวังกุ้ยเฟยและคนอื่นอีก เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับถานอวี้ซู!
ไม่มีฮองเฮาแล้ววังกุ้ยเฟยก็หมดความคิดที่จะอยู่ต่อ เดิมทีนางรีบแจ้นมาหาฮองเฮา เพื่อต้องการทำให้ฮองเฮาโกรธ แต่กลับถูกกู้เสี่ยวหวานทำให้กระอักเลือดด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ตอนนี้จึงยกเลิกงานเลี้ยงและกลับไปที่ตำหนักของตัวเองแล้ว
ซูหมิ่นติดตามวังกุ้ยเฟยกลับตำหนักไปด้วย พอวังกุ้ยเฟยเข้าไปในห้องบรรทมก็ขว้างแจกันใบหนึ่งออกไปด้วยความโกรธ “มีอย่างที่ไหนกัน ข้าเป็นกุ้ยเฟยที่สูงศักดิ์ จะปล่อยให้สาวชาวนาที่ต่ำต้อยคนหนึ่งพูดจาไร้ความรับผิดชอบได้อย่างไร!”
ซูหมิ่นคล้อยตามอยู่ด้านข้าง “เหนียงเหนียง ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาแล้ว!”
“หึ เป็นเพียงแค่สาวชาวนาเท่านั้น อาศัยเพียงบทกวีไม่กี่บท ทำอาหารสองจาน ก็คิดว่าตัวเองบินขึ้นเกาะกิ่งไม้กลายเป็นหงส์แล้ว! นกกระจอกก็ยังคงเป็นนกกระจอก ต่อให้คลุมด้วยขนหงส์ ในกระดูกก็ยังเป็นนกกระจอกอยู่ดี!” วังกุ้ยเฟยพูดด้วยความโกรธเกลียด
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกหรือ แต่ว่าตอนนี้นางมีฝ่าบาท มีฮองเฮาและไทเฮาสนับสนุน อีกทั้งยังมีฮู้กั๋วจวิ้นจู่ องค์หญิงลี่หัวที่คอยช่วยเหลือ ตอนนี้ก็ยิ่งดึงหลินจิ้งหรูเข้ามาเป็นพวกนางได้อีก นางมีคนตั้งมากมายคอยปกป้อง!”
“หึ มีคนมากมายคอยปกป้อง เพียงแค่ฝ่าบาทมองนางสูงส่งก็ปีนขึ้นไปประจบเอาใจ ถ้าหากฝ่าบาทเกลียดชังนาง ผู้ใดจะยังคอยปกป้องนางอีก!” วังกุ้ยเฟยพูดอย่างรังเกียจว่า “ทางที่ดีที่สุด คือยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว…”
“เหนียงเหนียง ท่านหมายความว่า…” ทันใดนั้นซูหมิ่นก็มองมาที่วังกุ้ยเฟย ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง
วังกุ้ยเฟยมองซูหมิ่นแล้วยิ้ม “แล้วอย่างไร? หรือว่าเจ้าคิดอยากเปิดเผยความลับ?”
“ไม่ใช่ เหนียงเหนียง ข้า…” ซูหมิ่นคิดไม่ถึงว่าวังกุ้ยเฟยจะหมายความเช่นนี้ จึงเบิกตากว้างด้วยใบหน้าตกใจ “ข้าไม่รู้ว่าท่านจะทำเช่นนี้…”
เมื่อครู่นี้ในงานเลี้ยง นางคาดเดาเงื่อนงำที่คลุมเครือได้เล็กน้อย แต่กลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ได้ยินวังกุ้ยเฟยพูดเช่นนี้ นางกลับประหลาดใจเล็กน้อย!
“เจ้าจะไม่เปิดเผยความลับใช่หรือไม่?” วังกุ้ยเฟยเห็นท่าทางของซูหมิ่นตกตะลึง ในดวงตาจึงมีความดุร้ายพาดผ่านในทันที
“ไม่ ไม่มีทาง!” ซูหมิ่นรู้สึกตัวจากความตกตะลึงก็เห็นว่าในดวงตาของวังกุ้ยเฟยเต็มไปด้วยความดุร้าย
“เจ้ากับข้าลงเรือลำเดียวกันมานานแล้ว ตอนนั้นเรื่องนั้น เจ้าเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย! ข้าวางแผนต่อก็เพื่อประโยชน์ของพวกเราเท่านั้น เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
“ใช่เพคะ หมิ่นเอ๋อร์ย่อมฟังเหนียงเหนียง!”
ซูหมิ่นรีบก้มหน้าพูด
“เช่นนั้นก็ดี ความเกลียดชังกู้เสี่ยวหวานของเจ้านั้น ครั้งที่แล้วไม่ได้ฆ่านาง ครั้งนี้พวกเราก็กำจัดนางเสีย! ถ้าหากนางทำเรื่องอะไรที่ผิดศีลธรรม เจ้าว่าฝ่าบาทและไทเฮาจะยังปกป้องนางอยู่อีกหรือ? ถ้าหากนางหายไป เช่นนั้นแสงจันทร์ขาวที่อยู่ในใจของสามีเจ้านั้นก็จะหายไปด้วย เขาย่อมต้องปฏิบัติต่อเจ้าอย่างจริงใจ สามีภรรยารักใคร่กันจนกระทั่งผมหงอก! เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
วังกุ้ยเฟยค่อย ๆ พูดโน้มน้าว ก็เห็นซูหมิ่นพยักหน้าอย่างหนัก “เหนียงเหนียงพูดได้ถูกต้อง!”
ดูเหมือนว่าการกำจัดกู้เสี่ยวหวาน ต้องอาศัยฝ่าบาทและไทเฮาเท่านั้นแล้ว!
“ทางเจ้านั้นไปดูสิว่ากู้เสี่ยวหวานยังมีธุระอื่นอีกหรือไม่ ในวังหลวงข้าก็จะทำให้ดี เมื่อถึงเวลานั้นข้ากับเจ้าก็จะร่วมมือกัน ไม่เชื่อหรอกว่ากู้เสี่ยวหวานนั้นยังจะอวดเก่งได้อีก ครั้งนี้จะต้องขับไล่นางลงมาจากกิ่งไม้ให้ได้!” ทันใดนั้นแววตาของวังกุ้ยเฟยก็แข็งกร้าวขึ้น ซูหมิ่นคิดว่าถ้าหากไม่มีกู้เสี่ยวหวาน ผู้ที่อยู่ในใจซูจือเยว่นั้นก็จะตายไปตลอดกาล ดังนั้นจึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง “เหนียงเหนียงท่านวางใจได้ หมิ่นเอ๋อร์จะต้องทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุดแน่!”
คราวนี้จะต้องกำจัดคนต่ำต้อยนั่นให้ได้!
พอกลับถึงจวนหมิงอ๋องแล้วไฉ่เยว่ก็ไปหากู้ซินเถา พอไปบ้านที่กู้ซินเถาอาศัยอยู่ในตอนนี้ เคาะประตูอยู่นานก็เห็นซุนซื่อออกมาเปิดประตูอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเป็นสาวรับใช้คนสนิทของหมิงตูจวิ้นจู่ ซุนซื่อก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที “แม่นางไฉ่เยว่ ท่านมาได้อย่างไร? ท่านรีบเข้ามาเร็ว รีบเข้ามา!”
ตอนนี้หมิงตูจวิ้นจู่เป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวใหญ่ตระกูลกู้ พอซุนซื่อเห็นไฉ่เยว่มาก็ย่อมต้องประจบประแจงด้วยความสนิทสนม
ไฉ่เยว่เห็นซุนซื่อมาเปิดประตูช้าก็ไม่พอใจมาก พอมองซุนซื่อที่ก้มหน้าก้มตาอย่างเคารพนอบน้อมแล้วก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ถึงได้มาเปิดประตูชักช้าเช่นนี้!”
สายตาของซุนซื่อลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย จึงรีบอธิบายว่า “อ้อ ในบ้านมีธุระนิดหน่อย เมื่อครู่นี้ข้า… กำลังซักผ้าอยู่ ซักผ้าอยู่น่ะ!”
ไฉ่เยว่มองมือที่ดำหม่นหมองของซุนซื่อ บนหัวเต็มไปด้วยขี้เถ้า เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะเผาของบางอย่างทิ้ง จึงแปลกใจเล็กน้อยว่าซุนซื่อผู้นี้ประหม่ามากเกินไปจนพูดผิดแล้วหรือไม่ เลยยิ้มอย่างประชดประชันว่า “คนบ้านนอกก็คือคนบ้านนอก ประสบการณ์น้อยไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน!”
ซุนซื่อมองดูมือของตัวเอง ทันใดนั้นสีหน้าก็ตกใจมาก รีบซ่อนมือเอาไว้ด้านหลัง “นี่…นี่… ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน แม่นาง…ไฉ่เยว่…ข้า…ข้ากำลังเผาไฟ เผาไฟอยู่น่ะ!”
ไฉ่เยว่แค่นเสียงเย็นและไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก พูดว่า “กู้ซินเถาอยู่หรือไม่? หมิงตูจวิ้นจู่ให้นางไปหา!”
หมิงตูจวิ้นจู่ส่งสาวใช้คนสนิทมาหาโดยเฉพาะ เช่นนั้นก็จะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างแน่นอน แต่ว่า…
ซุนซื่อลำบากใจเล็กน้อย “แม่นางไฉ่เยว่…ซินเถานั้น… นาง… นางมีธุระออกไปข้างนอกแล้ว!”
“นางจะมีธุระอะไรได้?” ไฉ่เยว่ได้ฟังก็แค่นเสียงเย็นว่า “คนคนหนึ่งที่มาจากชนบท ในเมืองหลวงนี้จะมีธุระอะไรได้ หมิงตูจวิ้นจู่มีเรื่องด่วนจึงให้มาหานาง เจ้ารีบออกไปตามหานางเร็วเข้า หานางพบแล้วก็ให้รีบไปที่จวนหมิงอ๋อง! จวิ้นจู่มีเรื่องร้อนใจมากต้องการพบนาง! เจ้ารีบไปตามหานางเร็ว!”
“อ่าอ่า ได้ ข้าจะไปตามหาเดี๋ยวนี้ จะไปเดี๋ยวนี้!” ซุนซื่อตอบรับอย่างรีบร้อน ไฉ่เยว่พูดจบก็ออกจากเรือนแววตาปรากฏสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็จากไปท่ามกลางเสียงที่ประจบของซุนซื่อ
เดิมทีซุนซื่อปิดประตูใหญ่และเดินตามส่งไฉ่เยว่ไป ไฉ่เยว่เห็นซุนซื่อเดินตามตัวเองตลอด พอมองดูการแต่งตัวที่หยาบ ๆ ของซุนซื่อแล้ว ในใจก็รู้สึกรังเกียจ จึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและสลัดนางออกไป!
พอส่งไฉ่เยว่ไปแล้ว ซุนซื่อก็ไม่มีแผนการในใจ นางมองดูแผ่นหลังของไฉ่เยว่ที่เลี้ยวจนหายลับไป ฝีเท้าของซุนซื่อจึงหยุดลงและรีบหาที่หลบซ่อนทันที