ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2051 คนรักของเจ้าคือผู้ใด
บทที่ 2051 คนรักของเจ้าคือผู้ใด
นางจะไปหากู้ซินเถาจากที่ไหน? ตอนนี้กู้ซินเถากําลังทําเรื่องใหญ่อยู่ นางจะไปหากู้ซินเถาได้อย่างไร!
ซุนซื่อไม่กล้าไปและก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคนที่ไหน ได้แต่มองตามไฉ่เยว่ที่จากไปไกลแล้วจึงกลับบ้านด้วยความลำบากใจ รอให้กู้ซินเถามาแล้วก็ค่อยบอกนางเรื่องที่หมิงตูจวิ้นจู่มาหานางก็แล้วกัน!
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว พอซุนซื่อเดินเข้าประตูมาก็รีบลงกลอนทันที หลังจากกลับไปที่ห้องครัวแล้วก็เห็นว่าในห้องครัวยังมีของที่ยังเผาไหม้ไม่หมดอยู่ด้านหลังเตา ซุนซื่อจึงถอนหายใจและใช้กรรไกรตัดผ้าปูที่ใหม่เอี่ยมเป็นเส้น ๆ แล้วจึงยัดใส่เข้าไปในเตาอีกครั้ง เปลวไฟลุกโชนเพียงไม่นานก็เผาไหม้ผ้าที่ฉีกขาดนั้นจนเหลือเพียงแต่ควันแล้ว
เมื่อมองผ่านแสงไฟที่สลัวก็จะสามารถมองเห็นรอยสีแดงเข้มเล็ก ๆ บนผ้าปูที่ใหม่เอี่ยมนั้นได้!
ซุนซื่อมองเปลวไฟที่ลุกโชนในเตา เพียงไม่นานผ้าปูที่นอนก็ถูกกลืนหายไปในช่วงเวลาอันสั้น ซุนซื่อถอนหายยาว ในห้องครัวเล็ก ๆ ที่เงียบสงัด เสียงถอนหายใจเพียงหนึ่งเดียวทำให้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ!
ซูหมิ่นรอคอยกู้ซินเถาอยู่ที่จวนหมิงอ๋อง รอมานานแล้วก็ยังไม่มาจึงอดโกรธไม่ได้ พอเห็นไฉ่เยว่กลับมาแล้วจึงถามว่า “คนเล่าไปไหนแล้ว?”
“ได้ยินมาว่าออกไปทำธุระเจ้าค่ะ แม่ของนางก็ออกไปตามหานางแล้ว” ไฉ่เยว่รีบตอบ “บอกว่าหาเจอแล้ว เดี๋ยวจะรีบมาทันที!”
ตอนนั้นไฉ่เยว่เองก็ขี้เกียจจึงไม่ได้ตามซุนซื่อไปหาคนด้วย ตอนนี้เห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว กู้ซินเถาก็ยังไม่มาจึงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเล็กน้อย
รู้ก่อนหหน้านี้แล้วนางควรจะรออยู่ที่ประตูบ้านกู้ ไม่เห็นกู้ซินเถามาตนก็จะไม่กลับมา จะได้ไม่ยั่วยุให้จวิ้นจู่โกรธ!
ไม่ต้องบอกว่ารอจนดวงอาทิตย์ตกดินจนพระจันทร์ขึ้นแล้ว กู้ซินเถาก็ยังไปปรากฏตัว ซูหมิ่นจึงยิ่งโกรธมาก
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นจึงเห็นกู้ซินเถา
พอเห็นกู้ซินเถาคุกเข่าต่อหน้าตัวเองด้วยท่าทางหวาดกลัวอย่างยิ่ง ซูหมิ่นจึงยิ้มหยัน นิ้วที่เรียวยาวทาสีแดงถือถ้วยชาพลางยิ้มเยาะว่า “เดี๋ยวนี้คุณหนูกู้ช่างยุ่งนัก เมื่อวานตอนบ่ายข้าไปตาม วันนี้ตอนเช้าใกล้จะถึงยามสามแล้วเพิ่งเห็นคุณหนูกู้มา ไม่รู้ว่าคุณหนูกู้มีธุระสำคัญอะไรในเมืองหลวงถึงได้ต้องจัดการทั้งคืน!”
“จวิ้นจู่ ท่าน… ท่านระงับอารมณ์ก่อน! ซินเถา ซินเถา…” กู้ซินเถาเห็นซูหมิ่นยิ้มเยาะ แผ่นหลังก็ชาวาบ แต่พอนึกถึงสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ กลับไม่ค่อยหวาดกลัวนางแล้ว จึงรีบอธิบายว่า “ซินเถากลับบ้านเมื่อวานก็ดึกมากแล้ว ข้าเดาว่าจวิ้นจู่คงพักผ่อนไปแล้วจึงไม่มารบกวน!”
“อ้อ เช่นนั้นวันนี้เจ้ามานี่เพิ่งตื่นมารึ?” ซูหมิ่นไม่เชื่อคำพูดของนางแม้แต่น้อย และยังคงยิ้มเยาะต่อว่า “นี่มันเที่ยงแล้ว อย่าบอกข้านะว่าเจ้าเพิ่งจะลุกจากเตียงมาเมื่อครู่นี้!”
กู้ซินเถาก้มหน้าเม้มปาก สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา จึงรีบพูดว่า “ไม่ใช่นะจวิ้นจู่ อันที่จริงแล้ว… อันที่จริงแล้วเมื่อวานมีเรื่องมากมาย ซินเถา… วันนี้ซินเถาลุกไม่ขึ้น!”
ซูหมิ่นมองกู้ซินเถา เมื่อเห็นรอยช้ำที่โผล่ออกมาตรงคอของนางเล็กน้อย ซูหมิ่นก็เหน็บแนมว่า “ไม่คิดว่าคุณหนูกู้จะเป็นคนเปิดเผย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนรักคนนั้นเป็นผู้ใด! ถึงสามารถทำให้คุณหนูกู้ยอมมอบร่างกายให้ได้!”
คำพูดของซูหมิ่นดูเหมือนจะทำให้กู้ซินเถาตกใจ กู้ซินเถาจึงเงยหน้าขึ้นทันทีเหมือนกวางน้อยที่ตกใจ สายตานั้นหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อมองตรงไปที่ดวงตาของซูหมิ่น กู้ซินเถาลนลานเล็กน้อย จึงรีบก้มหัวลงไป “จวิ้นจู่ ซินเถา… ซินเถา…”
ในเมื่อซูหมิ่นรู้แล้วว่ากู้ซินเถาไปทำอะไรมา ก็ไม่ตำหนิมากเกินไปอีก จึงพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่โทษเจ้าแล้ว! เพียงแต่เจ้าเองก็เก่งนัก มาเมืองหลวงได้ไม่นานก็มีคนรักแล้ว ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นผู้ใด? เจ้าสามารถมอบร่างกายให้เขาได้ เขาจะแต่งงานกับเจ้าหรือไม่!”
ซูหมิ่นย่อมต้องไม่ชอบฐานะของกู้ซินเถาอยู่แล้ว หญิงสาวบ้านนอกคนหนึ่งสามารถมีที่อยู่ในเมืองหลวงได้ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่นางมอบให้แล้ว ตอนนี้เห็นนางยังคบหากับบุรุษ ก็ยิ่งรู้สึกว่าหญิงสาวชนบทผู้นี้มีความสัมพันธ์กับคนอื่นโดยที่ไม่ได้แต่งงานช่างสกปรกยิ่งนัก
มองดูท่าทางที่ต่ำต้อยของกู้ซินเถาคุกเข่าอยู่บนพื้น ซูหมิ่นก็ยิ่งรู้สึกว่าคนผู้นี้ช่างต่ำต้อยนัก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ายังมีประโยชน์เอาไว้ใช้จัดการกับกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าจะถูกนางเตะออกจากจวนหมิงอ๋องไปนานแล้ว
ซูหมิ่นก็ไม่สนใจว่าบุรุษของกู้ซินเถาคนนั้นเป็นผู้ใด จึงถามอย่างเกียจคร้านว่า “ภาพเหมือนบุรุษของกู้เสี่ยวหวาน เหตุใดหามานานป่านนี้แล้วก็ยังไม่พบ? เจ้าจำผิดไปใช่แล้วหรือไม่!”
กู้ซินเถาคุกเข่าอยู่บนพื้น พอเห็นซูหมิ่นพูดถึงภาพเหมือนของฉินเย่จือขึ้นมาอีกครั้ง ก็รู้ว่าถ้าหากเป็นไปตามภาพเหมือนนั้น ซูหมิ่นย่อมต้องไม่มีทางหาเจอแน่นอน จึงเสนอขึ้นว่า “จวิ้นจู่ ตอนนี้คนผู้นั้นเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ อีกอย่างหน้าตาคนผู้นั้นเป็นอย่างไรตอนนี้ก็มีเพียงข้าและกู้เสี่ยวหวานเท่านั้นที่รู้ ผู้อื่นไม่มีใครรู้ ไม่สู้… ท่านก็หาคนมาปลอมเป็นฉินเย่จือผู้นี้ ขอเพียงแค่เขายืนยันว่าตัวเองเป็นฉินเย่จือ ผู้ใดจะยังสามารถบอกว่าเขาไม่ใช่ได้อีก?”
กู้ซินเถาอยากพูดเช่นนี้มานานแล้ว เพียงแต่ซูหมิ่นไม่เคยถามจะให้นางเสนอออกมาเองก็คงไม่ดี ตอนนี้เห็นซูหมิ่นเคลื่อนไหวเองแล้ว นางจึงรีบบอกแผนการของตัวเองออกมา!
พอซูหมิ่นได้ฟังก็สนใจ จึงพยักหน้าว่า “เจ้าพูดถูก ขอเพียงแค่พวกเราบอกว่าเขาใช่ เขาก็จะใช่ อย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเคยเห็นคนผู้นั้นจริง! ข้าส่งคนออกไปตั้งมากมายก็ไม่เห็นเจอคนผู้นั้น!”
กู้ซินเถาออกความคิดได้ดี ซูหมิ่นจึงดีใจมาก “เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ พูดอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้กู้เสี่ยวหวานยังมีเรื่องอะไรอีกบ้าง พูดออกมาทีละเรื่อง! ทางที่ดีทำให้นางไม่สามารถพลิกตัวได้จะดีที่สุด!”
กู้ซินเถาคิดมาหลายปีแล้วเรื่องที่อยู่เมืองหลิวเจีย ทันใดนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “จวิ้นจู่ ตอนนั้นมีคนบอกว่านางถูกผีสิงมาทวงเอาชีวิต! และยังมีพระบอกว่านางเป็นดาวหายนะ!”
“ถูกผีสิง? ทวงเอาชีวิต? ดาวหายนะ?” เมื่อได้ยินคำที่เกือบผิดศีลธรรมเหล่านี้ ซูหมิ่นก็ตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง พลางมองกู้ซินเถาแล้วถามว่า “กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน และยังสร้างชื่อเสียงขึ้นมามากมายเช่นนี้! ก่อนหน้านี้ทำไมเจ้าไม่บอกข้า!”
กู้ซินเถาลังเลเล็กน้อย “จวิ้นจู่ ซินเถาคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ผู้อื่นกุขึ้นมา อีกอย่างนางเองก็ไม่เป็นไร ยังมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น…ก็เลย…”