ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2054 ฮองเฮาเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
บทที่ 2054 ฮองเฮาเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
กู้เสี่ยวหวานไม่รอช้า นางเร่งมอบหมายให้หลี่ฝานมีอำนาจเต็มในกิจการร้านอาหารปิ้งย่าง และรีบเดินทางเข้าวังทันที
ระหว่างทางนางเอาแต่ครุ่นคิดว่า ครั้งก่อนฮองเฮาก็ยังดี ๆ อยู่ แต่เหตุใดจู่ ๆ ก็เกิดอาการประชวร! กู้เสี่ยวหวานพลางคิดว่ามีอาหารอะไรเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์บาง และไม่นานรถม้าก็มาถึงประตูวัง
ทหารยามที่ประตูวังหยุดรถม้า ก่อนกู้เสี่ยวหวานจะเดินเท้ามุ่งหน้าไปที่ตำหนักของฮองเฮา โดยไม่ลืมนำอาจั่วตามไปด้วย
ในเวลานี้ทุกคนในวังต่างก็วุ่นวาย แต่ละคนเดินเท้าอย่างรวดเร็วราวกับว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
กู้เสี่ยวหวานกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับฮองเฮา นางไม่รู้ว่าอาการประชวรของฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง!
เมื่อมาถึงห้องบรรทมของฮองเฮา นางก็เห็นเครื่องหอมบางอย่างกำลังจุดอยู่ในห้อง โดยที่มีฮองเฮาสวมเสื้อคลุมสีขาวปักลายหงส์สีสันสดใส เอนกายอยู่บนแท่นบรรทมเหมือนตุ๊กตาผ้าที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ซึ่งงานปักที่วิจิตรงดงามนั้นสวนทางกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่ผอมแห้งของฮองเฮา กู้เสี่ยวหวานก็ตกใจ
ใบหน้าของฮองเฮาซีดเซียว และโทรมลงเป็นอย่างมาก ใต้พระเนตรของฮองเฮาลึกและมีรอยคล้ำ พระพักตร์ตอบจนเห็นโหนกแก้มนูนออกมา ครั้งก่อนที่ได้เจอ ฮองเฮายังมีพระพักตร์ที่อวบอิ่ม แต่ตอนนี้พระองค์ผอมลงจนเหลือแต่หนังและกระดูก
ฮ่องเต้นั่งอยู่หน้าแท่นบรรทม คอยจับพระหัตถ์ฮองเฮาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ไทเฮาซึ่งประทับนั่งข้าง ๆ ปิดพระเนตรลงเล็กน้อย พระหัตถ์ถือสายประคำ พร้อมกับสวดมนต์ต่อไป! องค์หญิงลี่หัวที่ยืนประทับอยู่ด้านหลัง มองดูฮองเฮาที่นอนอยู่บนแท่นบรรทมอย่างเป็นกังวล
ถานอวี้ซูก็ยืนอยู่ข้างหลังไทเฮาเช่นกัน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา นางก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานเงียบ ๆ หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานโค้งคำนับ นางก็เดินมาที่ด้านข้างของถานอวี้ซูด้วยความรู้สึกกังวล
เพิ่งผ่านไปหกหรือเจ็ดวันหลังจากงานเลี้ยงส่างเหอครั้งล่าสุด ฮองเฮากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!
ถานอวี้ซูรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงส่ายหัวเพื่อแสดงว่านางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ในวังเงียบมาก ตอนนี้ฮองเฮากำลังเข้าบรรทม ไม่มีใครกล้ารบกวนพระองค์ ทุกคนไม่กล้าแม้กระทั่งเดินออกมา เนื่องจากเกรงว่าจะมีเสียงดังรบกวนเกิดขึ้น แล้วไปกระทบกับการบรรทม!
กู้เสี่ยวหวานที่เพิ่งเข้ามายืนอยู่ด้านหลัง เหลือบมองเครื่องหอมที่ไหม้เกรียม และขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่น จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง “วิญญาณร้าย วิญญาณร้าย…”
ฮองเฮาเหลิ่งตื่นจากฝันร้าย และร้องตะโกนว่ามีวิญญาณร้าย ในขณะที่เอาพระหัตถ์ปัดป้องพร้อมกับร้องออกมาเป็นระยะ!
ฮ่องเต้กอดฮองเฮาเหลิ่งไว้ในอ้อมแขน พร้อมกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วเรียก “ฮองเฮา ฮองเฮา…ฮองเฮา”
และดูเหมือนฮองเฮาเหลิ่งจะไม่ได้ยินสิ่งใด จึงกรีดร้องต่อไปว่า “วิญญาณร้าย อย่ามาทำอันตรายลูกของข้า อย่ามาทำอันตรายลูกของข้า วิญญาณร้าย…”
ฮองเฮาเหลิ่งดูเหมือนจะทรมานจากวิญญาณร้ายบางชนิด ทรงร้องไห้และตะโกนไม่หยุด โดยที่พระหัตถ์และพระบาทกวัดแกว่งเสมือนพยายามปัดป้องอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไทเฮาก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน และเมื่อเห็นว่านางมีกำลังมากเพียงใด ก็ยิ่งเกรงว่าจะไปทำร้ายฮ่องเต้เข้า ไทเฮาจึงตรัสออกมาว่า “พวกเจ้าตายไปแล้วหรือไร ทำไมเจ้าไม่รีบลุกขึ้นและมาหยุดยั้งฮองเฮาเอาไว้ หากนางทำร้ายฮ่องเต้ขึ้นมา พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้!”
เหล่านางกำนัลรีบก้าวไปข้างหน้าและพยายามหยุดฮองเฮาไว้ แต่ฮองเฮายังคงตะโกนเสียงแหบพร่าว่ามีวิญญาณร้าย พระพักตร์ของฮองเฮาดูตื่นกลัว ส่งสายตาราวกับว่าเห็นวิญญาณร้ายจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงเมื่อเห็นว่าฮองเฮาซึ่งที่มีพระวรกายแข็งแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน กลายเป็นสิ่งที่นางเห็นตรงหน้าอย่างวันนี้
“เป็นไปได้อย่างไร” กู้เสี่ยวหวานถาม
องค์หญิงลี่หัวเช็ดน้ำตาและหันหน้าไปทางด้านข้าง ไม่กล้ามองหน้าฮองเฮาเหลิ่งอีก “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสองสามวันก่อนฮองเฮายังสบายดีอยู่เลย แต่ภายหลังมีคนในวังบอกว่า ฮองเฮาเสวยพระกระยาหารค่ำไม่ได้ เราคิดแต่เพียงว่าทรงพระครรภ์ หรือไม่ก็เป็นเพราะอากาศร้อนมาก จึงไม่อยากอาหาร ต่อมาได้ยินมีคนพูดว่าฮองเฮาเกิดคลุ้มคลั่ง ผ่านไปเพียงสองวัน ก็ผอมลงทั้งตัว และบางครั้งก็เพ้อว่ามีวิญญาณร้าย มันจะมีวิญญาณร้ายจากไหนกัน กลางวันแสก ๆ!”
องค์หญิงลี่หัวพูดเช่นนั้น น้ำตาของนางก็ไหลออกมาอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฮองเฮาเหลิ่งที่เกิดอาหารคลุ้มคลั่ง และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย!
งานเลี้ยงส่างเหอเมื่อสองสามวันก่อนก็ปกติดี ทำไมตอนนี้กลายเป็นแบบนี้
ตอนนี้ฮองเฮากำลังตั้งครรภ์ สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่พระนาง และคิดจะกำจัดฮองเฮาและเลือดเนื้อเชื้อไขในพระครรภ์ ผู้ที่คิดจะทำเรื่องนี้ได้มีเพียงชนชั้นสูงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งในวังนี้ตอนนี้เหลืออยู่เพียงคนเดียว!
กู้เสี่ยวหวานยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่ากลิ่นหอมนั้นทำให้มึนเมาเล็กน้อย นางเอียงศีรษะและมองไปที่กระถางกำยานแกะสลักปิดทองขนาดเล็กบนโต๊ะด้านหลัง ที่มีควันสีเขียวจาง ๆ ลอยออกมา ในขณะที่ห้องทั้งห้องปิดสนิท กลิ่นหอมนี้ก็อบอวลไปทั้งห้อง
กู้เสี่ยวหวานเอาแต่เฝ้าดูวังกุ้ยเฟยที่เอาแต่ร้องไห้ที่เห็นฮองเฮาผอมแห้ง น้ำตาของนางไหลทั่วใบหน้าราวกับว่านางเจ็บปวดกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ท่านเป็นอะไรไป ฮือ…ทำไมท่านต้องมาเจ็บปวดทรมานเช่นนี้”
ฮ่องเต้เห็นนางยืนร้องไห้ยิ่งขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และนั่งนิ่งเงียบ
ในขณะที่ไทเฮาขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “เจ้าคร่ำครวญทำไม ฮองเฮายังอยู่ดี!”
นางอาศัยอยู่ในตำหนักเล็กเป็นเวลาหลายปี เป็นเหมือนมีดคมที่มองไม่เห็น นางมองไปที่วังกุ้ยเฟย เมื่อวังกุ้ยเฟยรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมา นางก็หลุบสายตาลงเป็นครั้งคราว บางครั้งนางก็ใช้ผ้าผืนเล็ก ๆ เช็ดที่มุมหัวตา บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมองฮองเฮาที่ประทับอยู่บนแท่นบรรทม พร้อมกับแสดงอาการโศกเศร้า
ในขณะนี้ มีเพียงเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งของฮองเฮา เมื่อไทเฮาเห็นดังนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจ และหลับตาลงพร้อมกับนับประคำและท่องบทสวดไม่หยุด ราวกับว่ากำลังอธิษฐานให้กับอาการประชวรของฮองเฮา!
กู้เสี่ยวหวานมองนางด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ โดยคิดว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา วังกุ้ยเฟยยังแสดงท่าทีไม่พอใจฮองเฮาต่อหน้าเหล่าคุณหนู แต่ตอนนี้นางกลับมีท่าทีที่เจ็บปวดมาก กลัวว่านี่จะเป็นการแสดงฉากหนึ่งที่แสดงออกต่อฮองเฮา เนื่องจากไทเฮาประทับอยู่ตรงหน้า แต่ไม่รู้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่!