ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2066 จือฉินแก้แค้น
บทที่ 2066 จือฉินแก้แค้น
กล้าคิดร้ายต่อฮองเฮาเพราะความโลภ แม้ว่านางจะไม่ตั้งใจ แต่เพราะความไม่ตั้งใจและความโลภของนางเกือบจะฆ่าฮองเฮาและองค์ชาย มีเจตนาและแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์ ยิ่งสามารถถูกประหารเก้าชั่วโคตรได้!
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้รู้สึกสงสารแทนคนผู้นี้เลยแม้แต่น้อย กล้าที่จะทรยศหักหลังเจ้านาย คนเช่นนี้ตายเป็นพันครั้งหมื่นครั้งก็ไม่คู่ควรที่จะสงสาร! ใส่ร้ายมารดาของแผ่นดินและทารกที่อยู่ในครรภ์ก็ยิ่งสามารถถูกประหารเก้าชั่วโคตรได้!
ทุกคนไม่ได้ยินเสียงขอร้องของฮวาน่งเลยแม้แต่น้อย วังกุ้ยเฟยที่ยังยืนอยู่ด้านหลังเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง มองฝ่าบาทและไทเฮาด้วยความงุนงง สีหน้าว่างเปล่า!
ธูปสงบใจนั้นไม่ใช่กู้เสี่ยวหวานที่เอามา แต่เป็นเพราะถูกฮวาน่งใส่ความ นั่นจึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่ทำเกสรดอกม่านถัวหลัว ยังมีตัวการสำคัญคนอื่นที่สับเปลี่ยนธูปสงบใจอยู่!
ในตอนนี้ฮวาเหลียนก็ได้สติขึ้นมา เนื่องจากละอองเกสรที่กินนั้นไม่มาก ธูปที่สูดดมเข้าไปก็มีไม่มาก แม้ว่าจะไม่ได้สติมากนัก แต่ก็ดีกว่าเมื่อครู่นี้มาก!
“เกสรดอกม่านถัวหลัว ผู้ใดเป็คนมอบให้เจ้า?” กู้เสี่ยวหวานถาม
ก็เห็นฮวาเหลียนเหมือนหุ่นกระบอกที่ไม่มีชีวิตชีวา พูดอย่างมึน ๆ ว่า “เป็นกูกู!”
เป็นกูกูอีกแล้ว!
“นางให้ผลประโยชน์อะไรแก่เจ้า? ให้เจ้าทำร้ายฮองเฮาหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถาม
“ฮือ ๆ… นางไม่ได้ให้ผลประโยชน์อะไรแก่ข้า ข้า ข้ายังวางแผนที่จะนำเรื่องนี้บอกให้ฮองเฮาทราบ แต่คนผู้นั้นจับครอบครัวของข้าไว้ บอกว่าถ้าหากข้าไม่ทำตามที่พวกเขาพูดก็จะฆ่าบิดามารดาและน้องชายน้องสาวข้า! ฮือ ๆ…” ฮวาเหลียนสติฟื้นคืนได้เล็กน้อยจึงตอบ
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงต้องกระโดดลงบ่อฆ่าตัวตาย?”
“กูกูผู้นั้นบอกว่าหลังจากสำเร็จแล้วก็ให้ข้ากระโดดลงไปในบ่อ เช่นนี้ก็เพื่อที่จะได้ไม่มีผู้ใดพบว่าข้ามีละอองเกสรอยู่ในเล็บมือ และยังบอกว่าขอเพียงข้าตายแล้ว บิดามารดาและน้องชายน้องสาวของข้า พวกเขาก็จะมีชีวิต…ฮือ ๆ… ข้าไม่อยากทำ แต่ว่าข้าไม่อาจทนดูบิดามารดาข้าตายได้!” ฮวาเหลียนร้องไห้จนไม่มีเสียง ร้องไห้จนบนพื้นกลายเป็นน้ำตา
“เจ้ายังจำหน้าตาของกูกูผู้นั้นได้หรือไม่?” ขันทีฉีถาม
“ข้าจำไม่ได้แล้ว กูกูผู้นั้นมาหาข้าตอนกลางคืน สวมเสื้อคลุมและหมวกคลุมสีดำปกปิดใบหน้าไว้ ข้าไม่เคยเห็นหน้าตาของนาง แต่กลับจำท่าทางการเดินของนางได้ นาง…ขาของนางเหมือนจะพิการเล็กน้อย จึงเดินกะโผลกกะเผลก!”
“เดินกะโผลกกะเผลก หรือว่าเป็นนาง?” ขันทีฉีได้ยินว่าคนนั้นพิการ ในใจก็นึกถึงคนผู้หนึ่งทันที “ฝ่าบาท ท่านยังจำสาวใช้ข้างกายโหยวซื่อคนหนึ่งที่ติดตามเข้ามาในวัง—จือฉินได้หรือไม่? เนื่องจากจือฉินนั้นทำผิดจึงถูกโหยวซื่อตีจนขาหัก แต่เพราะได้รับการดูแลดีจึงเดินกะเผลกมาตลอด!”
“ใครก็ได้ไปจับบ่าวต่ำต้อยผู้นั้นมา!” ขันทีฉีรีบออกคำสั่งทันที
คนรับใช้ในวังเพิ่งคิดจะไปจับคน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงมาจากด้านนอกว่า “ไม่ต้องจับแล้ว ข้ามาเอง!”
พอฮวาเหลียนได้ยินเสียงนี้ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปด้านนอก “ไม่ผิด เป็นเสียงนี้ เป็นเสียงนี้เลย! เป็นนาง เป็นนางที่จับครอบครัวของข้าไป…”
กู้เสี่ยวหวานมองวังกุ้ยเฟย ก็เห็นว่าสีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!
เห็นจือฉินเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา หลังจากที่โหยวกุ้ยเฟยเสียชีวิต นางก็เป็นทาสรับใช้มาตลอด ทำงานหนักจนขาข้างหนึ่งกะเผลกมากยิ่งขึ้น นางเดินใกล้เข้ามาทีละก้าว มุมปากมีรอยยิ้มเย็นชามองดูก็ทำให้คนหวาดกลัวจนตัวสั่น
“บ่าวชั้นต่ำ! เจ้ากล้าวางแผนประทุษร้ายฮองเฮา!” ไทเฮาเห็นจือฉินก็โกรธมาก
จือฉินยิ้มหยัน “ไทเฮา พระสนมของข้าเพื่อที่จะสามารถตั้งครรภ์มังกรของฝ่าบาทแล้ว จึงได้ใช้วิธีการที่สุดโต่งเช่นนั้น ท่านประทานความตายให้พระสนมข้าได้อย่างไรกัน? พระสนมข้าเองก็ทำเพื่อการสืบทอดเช่นกัน!”
“พูดจาเหลวไหล วางแผนร้ายต่อราชวงศ์ก็เป็นคนชั่วช้าที่ทำลายอาณาจักร! ไม่คิดว่าเจ้านายเจ้าจะคิดใช้ยาพิษมาทำร้ายครรภ์มังกรของฝ่าบาท บ่าวชั้นต่ำเช่นเจ้าก็ชั่วร้ายเหมือนกับเจ้านายไม่มีผิด คาดไม่ถึงว่าจะใช้อาคมร้ายกาจมาทำร้ายฮองเฮาและองค์ชาย ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก!”
ไทเฮาตะโกน
หลังจากที่จือฉินได้ยินก็หัวเราะออกมาทันที หัวเราะไปหัวเราะมาราวกับว่าได้ยินเรื่องอะไรตลกขบขันมากอย่างไรอย่างนั้น “ไทเฮาอนุญาตให้เพียงแต่พวกท่านฆ่าคนได้ แต่ไม่อนุญาตให้พวกข้าทำร้ายคนหรือ? พระสนมข้าตายอย่างไร้ความยุติธรรม ข้ายังจำได้ว่าตอนที่นางถูกเหล้าพิษจนตายนั้นดวงตายังไม่ปิดสนิทด้วยซ้ำ! นางหวังมาตลอดว่าจะตั้งครรภ์ลูกของฝ่าบาท แต่ช่างน่าเสียดายที่บุรุษที่นางนึกอยู่ตลอดเวลาว่าอยากตั้งครรภ์มังกร กลับประทานเหล้าพิษให้แก่นางด้วยตัวเอง แล้วเอาชีวิตของนาง! นางตายตาไม่หลับ! เดิมทีข้าคิดจะตามพระสนมไป แต่ข้าคิดได้ว่าพวกเจ้ายังมีชีวิตที่ดีกัน บ่าวจึงไม่ยอม! ข้าจะตายข้าก็ย่อมต้องลากคนไปด้วย! คราวนี้ดีนักที่กำจัดสองคนได้ในคราวเดียว พระสนมข้าที่อยู่ในปรโลกก็คงจะตายตาหลับได้แล้ว! ฮ่า ๆ! เพียงแต่ช่างน่าเสียดายนักที่ไม่ได้กำจัดคนผู้นี้ เจ้านายของข้าเองก็เกลียดเจ้า…” จือฉินหันไปมองกู้เสี่ยวหวาน และตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “ถ้าหากไม่เป็นเพราะเจ้า ตระกูลโหยวก็คงจะไม่กระจัดกระจาย ตระกูลโหยวสายหลักทั้งหมดถูกเนรเทศ ตระกูลโหยวที่เก่าแก่ถูกทำลายลงในพริบตา! ตรงนี้เจ้าเองก็มีส่วนด้วยเช่นกัน!”
โหยวเฉียน โหยวฝ่างฉิน ตรงนี้เป็นความดีความชอบของกู้เสี่ยวหวานจริง เพียงแต่ถ้าหากพวกเขาไม่สมคบคิดกับหมิงอ๋องมาหาเรื่องจับผิด กู้เสี่ยวหวานก็ไม่มีทางที่จะรู้จักพวกเขา!
“พวกเจ้าทำเรื่องที่ผิด ใช้ชีวิตของคนสามคนมาทำลายร้านจิ่นฝู ตอนนี้กลับไม่ยอมรับผิด ตระกูลโหยวพวกเจ้ากลับตาลปัตรถูกผิดเช่นนี้หรือ?”
กู้เสี่ยวหวานตอบโต้กลับ ดูเหมือนจือฉินจะคิดว่าฮองเฮาเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงมาที่นี่เพื่อโอ้อวดอนุภาพ!
“ฮ่า ๆ สามารถลากมารดาของแผ่นดินและองค์ชายใหญ่ลงไปด้วยได้ก็นับว่าดีแล้ว พระสนมข้าที่อยู่ยมโลกก็หมดห่วงแล้ว ข้าเองก็มีหน้าที่จะไปพบพระสนมแล้ว!” จือฉินหัวเราะเสียงดังและมีความสุขมาก
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่มีความยินดีก็ดังมาจากด้านนอก “ฝ่าบาท ไทเฮา ฮองเฮาได้สติขึ้นมาแล้วทั้งยังตรัสว่าอยากดื่มโจ๊ก ข้าน้อยได้จับชีพจรแล้วดีมาก! ฮองเฮาและเด็กในท้องนั้นปลอดภัยดี!”
เป็นเสียงของหมอหลวงห่าวเหลียน พอเห็นฮองเฮาได้สติ อีกทั้งยังบอกว่าหิวอยากกินอาหาร เขาก็รีบสั่งให้คนไปเตรียมโจ๊ก รอจนเสร็จเรื่องทั้งหมดแล้วจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีแก่ฝ่าบาทและไทเฮา!
พอฝ่าบาทและไทเฮาได้ฟังก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ส่วนจือฉินนั้นกลับตกตะลึง “อะไรนะ? นางไม่ตาย? เป็นไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าข้าใช้น้ำมันศพและเกสรดอกม่านถัวหลัว นางจะไม่ตายได้อย่างไร! เป็นไปไม่ได้!”