ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2070 จวนตระกูลวังพบกับหายนะ
บทที่ 2070 จวนตระกูลวังพบกับหายนะ
ห่าวอิ๋งเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ สภาพนี้แม้แต่วังหยินยังเอือมระอา! ห่าวอิ๋งสูญเสียลูกไป แม้แต่สามีก็ยังเหนื่อยหน่ายกับตัวเอง ในใจนั้นโศกเศร้ายิ่งนัก ฉินเย่จือให้คนมาส่งข่าวว่าผู้ใดคือคนสังหารลูกชายนาง!
ฉินเย่จือเพียงบอกห่าวอิ๋งว่าฆาตกรผู้นั้นคือใคร และไม่ได้สนใจเรื่องใดอีก ความเกลียดชังทับถมอยู่ในใจ ในเมื่อไม่สามารถจัดการกับวังกุ้ยเฟยได้ จึงได้แต่นำความเกลียดชังนี้ระบายใส่วังเหลียนฉิว
หากอีกฝ่ายสังหารลูกชายนาง เช่นนั้นแล้วตนก็จะไม่ปล่อยน้องชายของนางไปเช่นกัน!
แม้ว่าห่าวอิ๋งจะโกรธเพียงใด หากแต่ความจริงแล้วก็ไม่สามารถเลียนแบบความโหดร้ายของวังกุ้ยเฟยได้! นางจับตัววังเหลียนฉิวและขังไว้ หลังจากขบคิดเรื่องนี้อยู่นานก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะปลิดชีวิตเด็กคนนั้นหรือไม่!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ฉินเย่จือพลันถอนหายใจ “เด็กคนนั้นถูกห่าวอิ๋งที่เสียสติฆ่า แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ห่าวอิ๋งก็เสียสติขึ้นมา นางลงมือตัดมือของเด็กคนนั้นและควักดวงตาของเขาออกมา!”
“ว่าอย่างไรนะ? นางเสียสติงั้นเหรอ เหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้” เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าห่าวอิ๋งก็เสียสติไปเหมือนกันก็เกิดความสงสัย
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ตอนวังหยินพบว่าวังเหลียนฉิวหายตัวไป ห่าวอิ๋งก็เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างกายเด็กคนนั้น เด็กชายหายใจรวยริน ข้างกายเป็นห่าวอิ๋งที่หมดสติและมีมีดอยู่ในมือ สองมือของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เมื่อเห็นลูกชายตนเองเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา วังหยินจึงสั่งขังห่าวอิ๋ง!”
ฉินเย่จือเล่าเรื่องจวนตระกูลวังให้กู้เสี่ยวหวานฟัง
ฆาตกรคือวังกุ้ยเฟย ห่าวอิ๋งใส่ร้ายหวานเอ๋อร์ว่าเป็นคนฆ่าลูกชายของนาง ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว! พวกนางก็ได้รับผลกรรมเช่นกัน! ส่วนเด็กสองคนนั้นช่างน่าสงสารยิ่งนัก!
“การตายของวังกุ้ยเฟยไม่น่าเสียดาย นางไม่เพียงแต่ฆ่าลูกของห่าวอิ๋งเท่านั้น แต่ยังวางยาพิษและคราชีวิตฮองเฮาและองค์ชายในพระครรภ์ของนาง สตรีคนนี้จิตใจโหดเหี้ยม นางได้รับผลกรรมของตนเองแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ย
“คราวนี้จวนตระกูลวังจะต้องพบกับหายนะเช่นเดียวกับจวนตระกูลโหยว! วังกุ้ยเฟยจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนคนในจวนตระกูลวังจะต้องถูกเนรเทศเป็นแน่แท้!” ฉินเย่จือกล่าว
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเขา การกระทำประมาทเลิ่นเลออย่างร้ายแรงของคนคนหนึ่งนับว่าเป็นอันตรายต่อทั้งครอบครัว พวกเขากำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยน!”
ไม่นานหลังจากนั้น วังกุ้ยเฟยถูกประหารชีวิตฐานก่อกบฏ การที่วังหยินไม่ให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกสาว ทำให้นางลากครอบครัวมาพัวพันกับเรื่องนี้ วังหยินถูกปลดจากตำแหน่ง นอกจากนี้ สมาชิกผู้ชายในครอบครัวไม่ได้รับอนุญาตให้รับตำแหน่งขุนนาง!
นอกจากนี้ทั้งจวนยังถูกเนรเทศออกจากเมือง พวกเขาไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้อีกตลอดกาล
ไม่มีผู้ใดพบห่าวอิ๋งในเมืองหลวงอีกนับตั้งแต่นั้น เมื่อจวนตระกูลวังถูกเจ้าหน้าที่และทหารเข้าค้นพวกเข้าก็ต้องตกใจเมื่อพบชิ้นส่วนมือและเท้าของห่าวอิ๋ง และยิ่งกว่านั้นดวงตาของนางถูกควักออกมาและโยนทิ้งลงบ่อน้ำ
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของผู้ใด แต่กว่าพวกเขาจะมาถึงวังหยินก็เผาเองไปแล้ว
ความรุ่งเรืองของจวนตระกูลวังตกต่ำลงและไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาได้อีกตลอดกาล เขาถูกเนรเทศ ความสิ้นหวังกัดกินหัวใจ วังหยินสูญเสียทั้งลูกชายและลูกสาว ชีวิตนี้เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจปลิดชีพตนเอง
ทุกคนถอนหายใจ แต่ความจริงแล้วพวกเขาก็มีความสุขเช่นกัน การตายของวังหยินนั้นง่ายเกินไป เขาเป็นถึงขุนนางระดับสูงที่คุ้ยเคยกับความฟุ่มเฟือยจะทนกับชีวิตอันยากลำบากในถิ่นทุรกันดารได้อย่างไร
การตายคือการหลุดพ้น
ทุกคนคิดว่าวังหยินฆ่าตัวตาย แต่ฉินเย่จือไม่คิดอย่างนั้น วังหยินและหมิงอ๋องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน วังหยินคิดขอความช่วยเหลือจากหมิงอ๋องหลังจากพบเจอเรื่องเลวร้าย แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น และกลับฆ่าตัวตาย!
เรื่องนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก! ท้ายที่สุดเขาถือหลักฐานเอาผิดหมิงอ๋องไว้ในมือ เขาจะปล่อยหมิงอ๋องไปได้อย่างไร?
ได้ยินมาว่าร่างของวังหยินไหม้เกรียมจนมองไม่เห็นรูปร่างเดิม และอาศัยสัญลักษณ์ของผู้นำแห่งจวนตระกูลวังเท่านั้นจึงสามารถระบุตัวตนของเขาได้!
ฉินเย่จือแค่นยิ้ม วังหยินคนนี้แสวงหาความตาย แต่ทำไมถึงต้องเลือกวิธีที่ยุ่งยาก ตอนนี้ไม่มีผู้ใดเห็นใบหน้าของเขาได้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้ตายคือวังหยินตัวจริง
ตอนนี้สถานการณ์ในวังหลวงเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องฮองเฮา พระองค์ทรงอยู่ภายใต้การดูแลของหมอหลวงห่าว ร่างกายจึงค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น
…..
สองเดือนผ่านไป
เมื่อกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูมาถึงวังหลวง พวกนางก็พบว่าหน้าท้องของฮองเฮายื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายก็เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้น ผิวพรรณแดงระเรื่อ ขับให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของฮองเฮา กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจ องค์หญิงลี่หัวมักอยู่ข้างกายฮองเฮาเสมอ เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วไทเฮาจึงอนุญาตให้ฮองเฮาย้ายมาอยู่ในตำหนักของนางชั่วคราว
หลังจากที่อาการประชวรหายดี จึงยอมให้ฮองเฮากลับตำหนักของตนเอง อย่างไรก็ตามฮองเฮานั้นเป็นมารดาของอาณาต้าชิง นอกจากนี้ เมื่อไม่มีนางสนมในวังก็ไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใดอีก แต่องค์หญิงลี่หัวยังไม่สบายใจ จึงนำตัวเองย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักของฮองเฮาจึงถือว่าเป็นการปกป้องอีกฝ่าย
ตอนนี้ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังหน้าท้องของฮองเฮา ถานอวี้ซูเป็นคนแรกที่เกิดความรู้สึกประหลาดใจ “น่าทึ่งยิ่งนัก เหตุใดท้องท่านถึงใหญ่เพียงนี้?”
ถานอวี้ซูและกู้เสี่ยวหวานไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว เนื่องจากฮองเฮารักษากอาการประชวร ผลพวงมาจากอาการประชวรทำให้ร่างกายของนางซูบผอม ตอนนี้ร่างกายนางฟื้นตัวขึ้นแล้ว จึงดูอวบอิ่มขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่ถานอวี้ซูจะรู้สึกแปลกใจ!
“เจ้าเด็กโง่ เด็กในท้องกำลังเติบโต แน่นอนอยู่แล้วว่าท้องของข้าจะต้องใหญ่ขึ้น!” ฮองเฮาเหนียงเหนียงหัวเราะ
“มันน่าทึ่งจริง ๆ ที่มีเด็กคนหนึ่งเติบโตในท้องเรา และเมื่อคลอดออกมามันก็แทบจะ…เป็นเด็กที่โตแล้ว!” ถานอวี้ซูพูดพร้อมทำท่าทางไปด้วย
กู้เสี่ยวหวานยังรู้สึกว่าทารกในครรภ์นี้เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในโลก เด็กเชื่อมโยงกับแม่ด้วยสายสะดือเท่านั้นและสามารถดูดซับสารอาหารในร่างกายของแม่ได้ เขาพัฒนาจากไข่ที่ปฏิสนธิแล้วเป็นตัวอ่อนและในที่สุดก็เติบโตขึ้นจนมีมือ เท้า ดวงตา จมูก ปาก หู จนในที่สุดก็เป็นรูปร่างมนุษย์!
วิเศษ วิเศษ วิเศษจริง ๆ!
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่พูดอะไรและจ้องมองที่ท้องของตัวเองด้วยความประหลาดใจ เมื่อรู้ว่านางก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกันจึงหัวเราะ “พวกเจ้าไม่ต้องจ้องที่ท้องของข้าแล้ว เดี๋ยวพวกเจ้าแต่งงานไปก็มีเหมือนกันนั้นแหละ”