ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2087 ปิ่นปักผมที่เป็นหลักฐานยืนยัน
บทที่ 2087 ปิ่นปักผมที่เป็นหลักฐานยืนยัน
เมื่อเห็นความเฉยเมยและความเย่อหยิ่งนี้ กู้ซินเถาก็เกลียดนางแทบอยากจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ นางเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อย แต่กลับแสดงท่าทางหยิ่งยโสเช่นนี้ กู้ซินเถาทั้งโกรธ ทั้งกลัว และเกลียด นางอยากจะควักลูกตาของอาจั่วออกมาขยี้ให้แหลกค่ามือ แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลามาสนใจแล้ว หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายออกไป นางจึงกุลีกุจอไปใส่กลอนประตูทันที
หลังจากนั้นก็รีบไปแต่งตัวให้ซูหลินและอีกคน
ชายร่างใหญ่สองคนนอนร่างกายเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ดังนั้นจึงเห็นทุกอย่างที่ไม่ควรเห็น
ใบหูของกู้ซินเถาแดงก่ำ นางแต่งตัวให้ทั้งสองคนอย่างใจเย็นด้วยมือสั่นสะท้าน จากนั้นก็ลากใครอีกคนหนึ่งบนเตียงออกไป หลังจากจัดการกับเหตุการณ์ตรงหน้าเสร็จสิ้น นางก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียงของซูหลินอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอให้ซูหลินตื่น
ชั่วเวลาเพียงไม่นาน ซูหลินก็ตื่นขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เขาเห็นคือกู้ซินเถาที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อเห็นตัวเองนอนบนเตียงก็รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย “ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ซื่อจื่อ ท่านหมดสติไป!” กู้ซินเถารีบพูด “เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เห็นท่านนอนอยู่ด้านนอกจึงไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เถาเอ๋อร์กลัวว่าท่านจะเป็นหวัดจึงพยุงท่านมาพักผ่อนข้างใน!”
“แล้วฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานล่ะ? พวกเขาควรอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?” ซูหลินขมวดคิ้วและถาม
“ข้า…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน! ตอนข้าเข้ามาก็ไม่เห็นพวกเขาทั้งคู่แล้ว!” กู้ซินเถาเอ่ยด้วยความร้อนรน
“ไม่เห็นหรือ?” น้ำเสียงของซูหลินเย็นเยียบ “เหตุใดถึงไม่เห็นเหล่า มี๋หุนเซียงถูกจุดภายในห้อง ทั้งสองควรนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงภายในห้องนี้! แต่ทำไมถึงกลายเป็นข้าเป็นข้าที่อยู่ที่นี่ แล้วพวกเขาหายไปไหนกันหมด”
“เถาเอ๋อร์ไม่รู้ กู้เสี่ยวหวานผู้นี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย นางอาจจะหนีไปตอนที่ท่านหมดสติไป! เถาเอ๋อร์อยู่ข้างนอกตลอดเวลา แต่ก็ไม่เห็นนางเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเถาเอ๋อร์จึงไม่รู้!” กู้ซินเถาบอกว่านางไม่รู้อะไรเลย ซูหลินจ้องที่กู้ซินเถาพยายามค้นหาบางอย่างในสายตานาง หากแต่ก็เห็นเพียงความสงบนิ่ง และเห็นเพียงแค่ความห่วงใยที่มีให้ตัวเองเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อกู้ซินเถาเงยหน้าขึ้นและเห็นซูหลินกำลังมองมาที่ตนเอง จึงรีบแสดงความรักออกมาทางสายตา แต่เมื่อซูหลินลุกขึ้นก็พบว่ามีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง หากแต่ไม่ได้สนใจมันมากนัก “ปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานคนนี้หนีไปได้อีกแล้ว!”
“ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!” กู้ซินเถากล่าว “ซื่อจื่อ การที่นางมาที่นี่ในวันนี้ ต่อให้นางบริสุทธิ์ผุดผ่องเราก็สามารถทำให้นางเกิดมลทินได้!”
กู้ซินเถามั่นใจมาก แต่ความจริงแล้วกลับค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ
ซูหลินพยักหน้าอย่างรีบร้อนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใช่แล้ว หลายคนเห็นว่าวันนี้กู้เสี่ยวหวานมาที่โรงน้ำชาอู่อวิ้น มันเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ดี!
ในเวลานั้น ตราบใดที่บุคคลนั้นออกมาเพื่อเป็นพยาน กู้เสี่ยวหวานก็จะไม่สามารถพูดอะไรได้! ซูหลินรู้สึกภูมิใจอยู่พักหนึ่ง แต่เขารู้สึกสงสัย ในเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานไม่สามารถยืนได้และเขายังคงรู้สึกตัวอยู่เสมอ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงหมดสติได้กัน?
อย่างไรก็ตาม กู้ซินเถาบอกว่าตนหมดสติอยู่ข้างนอก แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นก็พบว่าตนอยู่ด้านในแล้ว!
ซูหลินรู้สึกงุนงงมาก แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่นานก็คิดไม่ออก ใบหน้าของกู้ซินเถายังคงสงบนิ่งเขาจึงไม่อาจเห็นเบาะแสใด ๆ ได้!
หลังจากที่อาจั่วและโค่วตันออกจากโรงน้ำชาอู่อวิ้นก็เห็นอาโม่ขับรถม้ามาจอดอยู่ที่ประตู พวกนางกระโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจและเห็นว่าคุณหนูของตนเองกำลังนั่งชงชาอย่างสบายอารมณ์!
“คุณหนู…”
“เรียบร้อยแล้วหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยรอยยิ้ม
“เรียบร้อยแล้ว!” อาจั่วพูดด้วยรอยยิ้ม “มันสนุกมากที่ได้เห็นท่าทางประหม่าของกู้ซินเถาในตอนนั้น! ชายฉกรรณ์สองคนนอนร่วมเรียงเคียงหมอน ถ้าซูหลินรู้เรื่องนี้เข้า ข้าเกรงว่าเขาคงจะไม่ปล่อยกู้ซินเถาไว้!”
โค่วตันผลักอาจั่วเบา ๆ ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย “เจ้าไม่อายบ้างหรืออย่างไร ชายหนุ่มร่างกายเปลือยเปล่าสองคน แต่เจ้ากล้าที่จะยกผ้าห่มขึ้นดู! เจ้าคงเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นหมดแล้ว”
“พวกเขาต้องการทำร้ายคุณหนูและยังหาฉินอะไรนั่นมาอีก เขาจะเทียบได้กับนายท่านของเรา…” ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคนางก็ตระหนักได้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงรีบทำเป็นเฉไฉ “เจ้าไม่เห็นหรือว่าฉินเย่จือที่พวกเขาหามา มีหน้าตาอย่างไร เหอะเหอะ เทียบกับพี่ใหญ่ฉินไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผม!”
การเคลื่อนไหวมือของกู้เสี่ยวหวานหยุดชะงัก นางหันหน้าไปมองอาจั่วและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของนางเมื่อครู่!
เมื่อครู่นางได้ยินอย่างชัดเจนว่าอาจั่วพูด…
เขาจะเทียบได้กับนายท่านของเรา…
นายท่านอะไร?
นางจะพูดถึงฉินเย่จือ เหตุใดต้องเรียกเขาว่านายท่านด้วย?
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสับสนงงงวย แต่เมื่อเห็นว่าอาจั่วรีบเปลี่ยนหัวข้อจึงคิดว่านางอาจพูดผิด จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“ข้าเห็นคนคนนั้นด้วย ข้าเกรงว่าหมิงตูจวิ้นจู่และซื่อจื่อมาที่นี่เพื่อใส่ร้ายข้าโดยเฉพาะ ถึงอย่างไรข้าก็พูดอยู่เสมอว่าข้ามีใครบางคนอยู่ในใจ แต่พี่เย่จือไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ถ้าคนอื่นหาคนมาใส่ร้ายข้าและเล่าเรื่องอดีตของข้ากับท่านพี่เย่จือ ผู้คนก็จะหลงเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“วันนี้พวกเขาไม่บรรลุเป้าหมาย และพวกเขาจะ…” อาจั่วและโค่วตันพยักหน้า
“วันนี้เราไปที่โรงน้ำชาอู่อวิ้น และเถ้าแก่เซี่ยวคนนั้นก็รั้งเราไว้ตั้งนาน!” กู้เสี่ยวหวานดึงปิ่นปักผมหยกสีขาวออกจากผม มองดูการขดลวดทองคำที่ไม่เป็นมืออาชีพและยิ้มเย้ย “วันนี้เกรงว่ามีหลายคนที่เห็นเครื่องประดับนี้ เครื่องประดับศีรษะหยกขาวชุดนี้ในเมืองหลวงมีเพียงชิ้นเดียว และมีเพียงข้ากู้เสี่ยวหวานเท่านั้นที่มี!”
หลังจากกู้เสี่ยวหวานพูดจบก็โยนปิ่นปักผมหยกขาวลงบนโต๊ะ ลวดสีทองบนปิ่นปักผมหยกขาวนั้นไม่ได้ถูกจัดการอย่างถูกต้อง ดังนั้นเมื่อนางโยนมันทิ้งไป ลวดสีทองนั้นก็หลุดออกมา!
นี่…
อาจั่วและโค่วตันมองไปที่ปิ่นปักผมหยกสีขาวและทันใดนั้นก็ตระหนักว่า “คุณหนู ท่านหมายความว่าปิ่นอันนี้…”