ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2101 ไม่สมเหตุสมผล
กู้เสี่ยวหวานยืดตัวขึ้นและจัดเสื้อผ้าบนร่างกาย
“อย่างนั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าท่านลุงของข้าทำงานเป็นคนทำบัญชีที่ร้านซุ่ยอวี้กู่ไจ ได้รับค่าตอบแทนเดือนละยี่สิบสองตำลึงเงิน คิดเป็นเงิน สองร้อยสี่สิบตำลึงเงินต่อปี ในหนึ่งปีไม่รู้ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไร ตอนที่ท่านพี่ออกจากเมืองรุ่ยเสียนมาที่เมืองหลวง ก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของข้าระยะหนึ่ง โดยอ้างว่าพวกท่านไม่มีเงิน เลยมาขอพึ่งพาข้า เมื่อพ่อและพี่ชายของท่านมาถึงเมืองหลวง ท่านก็ย้ายออกไป! เช่นนั้นแล้วข้าขอหารือหน่อยได้หรือไม่ ทุกคนฟังข้าให้ดี ชุดเครื่องประดับหยกขาวบนศีรษะของข้าตอนนี้ ท่านพี่เป็นผู้มอบให้ข้า ทุกคนคงรู้ว่าสินค้าของปรมาจารย์โจวล้วนมีราคาแพง แม้ว่าของสิ่งนี้จะไม่ได้มีราคาแพงที่สุด แต่เครื่องประดับชิ้นนี้ราคาหนึ่งถึงสองหมื่นตำลึงเงิน ข้าแค่อยากจะถามท่านพี่ว่าครอบครัวของท่านได้รับเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน หรือว่าพวกท่านมีมันในครอบครองตั้งแต่แรก แต่ท่านกลับมาร้องไห้อย่างน่าสงสารต่อหน้าข้า และวางแผนกระทำบางอย่างต่อข้า หรือว่าท่านลุงทำงานในร้านซุ่ยอวี้กู่ไจ และได้รับประโยชน์มากมายจากร้านนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวท่านในปัจจุบัน ท่านจะสามารถซื้อเครื่องประดับล้ำค่าและมอบให้ข้าโดยไม่เดือดร้อนได้อย่างไร สงสัยจริง ๆ ว่าข้าถูกท่านหลอก หรือว่าหมิงอ๋องโดนท่านลุงหลอก!”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานเป็นเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะ ทำให้ใครบางคนต้องเงียบเสียงลงทันที
สิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง และผู้คนรอบข้างก็เริ่มคิดตาม เครื่องประดับชุดละหลายหมื่นตำลึงนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวของนางมั่งคั่งมีเงินหลายแสนตำลึง แล้วใครเล่าจะสามารถซื้อของสิ่งนี้ได้?
เขาเป็นเพียงผู้ที่ทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านซุ่ยอวี้กู่ไจ เขาได้รับเงินมากมายจากที่ไหน?
หากเป็นเงินออมก่อนหน้านี้ เงินหนึ่งหมื่นตำลึงอาจซื้อบ้านดี – ในเมืองหลวงได้ แล้วทำไมต้องร้องไห้อย่างน่าสงสารต่อหน้ากู้เสี่ยวหวานและขอให้รับนางเข้าอาศัยอยู่ด้วย?
และหากว่าเมื่อก่อนเขายากจนและเพิ่งหาเงินได้ตอนนี้ แต่คนทำบัญชีจะสามารถหาเงินได้มากมายในเวลาไม่ถึงปีจากที่ใด?
อีกทั้งยังสามารถจ่ายเงิน 10,000 ตำลึงเงินเพื่อซื้อชุดเครื่องประดับเป็นของขวัญให้คนอื่น ความมั่งคั่งของครอบครัวจะต้องมากกว่า 100,000 ตำลึงเงินเป็นแน่!
บ้านใหญ่ตระกูลกู้นี้ร่ำรวยมาก!
เห็นเช่นนี้แล้ว น่าจะร่ำรวยกว่าองค์หญิงอันผิง!
เมื่อกู้ซินเถาถูกกู้เสี่ยวหวานถามเช่นนั้น นางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร หากนางบอกว่าครอบครัวนางมีสิ่งนี้อยู่ก่อนแล้ว นั่นก็เท่ากับว่านางโกหกกู้เสี่ยวหวานเพื่อที่จะได้อาศัยอยู่ในสวนชิงเป็นเวลานาน แล้วอ้างกับกู้เสี่ยวหวานว่านางไม่มีเงินทอง เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว นางจะแก้ต่างอย่างไรดี?
หากนางบอกว่านางไม่มีเงิน แล้วเครื่องประดับราคาแพงเช่นนี้มาจากไหน? กู้ฉวนลู่ซึ่งเป็นคนทำบัญชีตัวเล็ก ๆ จะมีเงินมากมายได้อย่างไร!
เมื่อเห็นทุกคนมองนางอย่างสงสัย กู้ซินเถาก็รู้ทันทีว่าคำพูดไม่กี่คำของกู้เสี่ยวหวานทำให้ทุกคนสงสัยในตัวนางได้สำเร็จ
นางไม่รู้จะตอบอย่างไร
หากบอกว่าซื้อมา แต่จะอธิบายอย่างไรว่าเอาเงินมาจากไหน? หากอ้างว่าเป็นเงินของกู้ฉวนลู่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางจะตอบอย่างไรว่าเขามีเงินตั้งแต่เมื่อไหร่ มีมานานแล้ว หรือว่าเพิ่งมี
หากอ้างว่ามีเงินตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เท่ากับว่าที่ผ่านมาหลอกลวงกู้เสี่ยวหวาน และหากบอกว่าเพิ่งมีเงิน ก็ตอบไม่ได้อีกว่าเงินนี้ได้มาจากที่ใด
กู้ฉวนลู่ทำงานอยู่ที่ซุ่ยอวี้กู่ไจ ผู้คนจะคิดอย่างไร?
ยิ่งกู้ซินเถาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น สักพักหนึ่งนางก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดนั้นเป็นกับดักขนาดใหญ่ที่รอให้นางกระโดดลงไป!
กู้ซินเถา “นี่… นี่…” กู้ซินเถาอึกอักอยู่สักพัก แต่นางไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นางจองมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยใบหน้าซีดเซียว สายตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“เสี่ยวหวาน ข้าให้เครื่องประดับชิ้นนี้กับเจ้าด้วยเจตนาดี เหตุใดเจ้าจึงตั้งข้อสงสัยมากมาย หรือเจ้าคิดว่าข้ามอบของสิ่งนี้ให้เจ้าผิด? นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าไม่ค่อยได้ใช้ของสิ่งนี้ ข้าเลยมอบมันให้กับเจ้า เจ้ายังสงสัยที่มาของปิ่นนี้อยู่หรือไม่”
กู้ซินเถาแสดงความรู้สึกผิดและเริ่มร้องไห้ออกมา “หรือเจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้าเป็นองค์หญิงอันผิงแล้ว เจ้าจะสามารถใส่ร้ายข้าได้ตามต้องการ ที่ข้าทำดีต่อเจ้าเป็นเพราะข้าต้องการตอบแทนที่เจ้าให้ข้าและท่านแม่ได้อาศัยอยู่ด้วย หากเจ้าคิดกับพวกข้าเช่นนี้ ข้าเองก็มองว่ามันมากเกินไป!”
กู้ซินเถาไม่ได้บอกโดยตรงว่าเครื่องประดับนี้มาจากไหน แต่นางบอกว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนใจแคบ และอ้างว่าที่นางมอบเครื่องประดับให้เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจแค่นั้น
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้ซินเถาแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็คิดกับตัวเองว่ากู้ซินเถาผู้นี้ไม่ใช่หญิงสาวไร้สติเมื่อพบกับปัญหาอีกต่อไป และตอนนี้นางพูดได้อย่างไม่มีที่ติ!
หากไม่มีใครสั่งสอนนางอยู่เบื้องหลัง นางจะรู้จักกาลเทศะได้อย่างไร! กู้เสี่ยวหวานนึกถึงเสียงของเครื่องลายครามที่ถูกทุบก่อนหน้านี้ และนางก็มีแผนในใจทันที
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงมาจากข้างนอก “ดูเข้าสิ ปรมาจารย์โจวมาที่นี่!”
กู้เสี่ยวหวานมองออกไปตามที่ได้รับแจ้ง และแน่นอนว่าเห็นโจวหมิงเซวียนกำลังเดินเข้ามา
บางทีอาจมีน้อยคนนักที่ได้เห็นโจวหมิงเซวียน นายน้อยผู้หล่อเหลาเช่นนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยและเริ่มกระซิบกระซาบเพราะไม่มั่นใจว่าบุคคลนี้คือโจวหมิงเซวียน
โจวหมิงเซวียนเดินช้า ๆ ไปที่กลางห้องโถง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นทันทันที เขาเห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ด้านบนจากนั้นก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงอันผิง ทำความเคารพ ข้าไม่รู้ว่าท่านเองก็อยู่ที่แห่งนี้ด้วย มีเรื่องอะไรหรือไม่?”
โจวหมิงเซวียนคือปรมาจารย์โจว!
เมื่อเห็นคนคนนี้ยอมรับด้วยปากของเขาเองว่าเขาคือโจวหมิงเซวียน ทุกคนจึงเริ่มกล้าที่จะเชื่อ!
จากนั้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานยื่นปิ่นในมือของนางให้อาจั่วซึ่งอยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “รบกวนปรมาจารย์โจวพิจารณาของสิ่งนี้ด้วยตาของท่าน แล้วบอกกับข้าว่าท่านเป็นคนทำมันขึ้นมาใช่หรือไม่?”
“ช้าก่อน!” กู้ซินเถาเห็นว่าอาจั่วกำลังจะส่งปิ่นไปให้ปรมาจารย์โจว นางจึงแย้งขึ้น “อย่าเพิ่งให้!”
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่นาง “ท่านต้องการอะไร”
กู้ซินเถากล่าวว่า “ข้าต้องการส่งปิ่นนี้ให้ปรมาจารย์โจวพิจารณาเช่นเดียวกัน หากต้องการส่งมอบ ก็สามารถนำมันส่งมอบพร้อมกันได้ ทุกคนรู้ว่าเจ้าคือองค์หญิงอันผิง ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีใครต้องการที่จะปกป้องและเข้าข้างเจ้า เอามันมารวมกัน เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าอันไหนเป็นของเจ้า!”
ทุกคนพยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล!”
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “ตกลง!”
กู้ซินเถามาพร้อมกับปิ่นปักผมของนาง นางไม่ได้ขอให้อาจั่วเป็นผู้ส่งมอบปิ่น แต่นางขอให้ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ เป็นผู้ทำหน้าที่แทน “ต้องไม่ใช่พวกเราที่เป็นผู้นำของสิ่งนี้ไปส่งมอบ เรื่องนี้ต้องให้คนนอกเป็นผู้ดำเนินการ จะได้ไม่เกิดข้อครหาว่าคดโกง!”
กู้ซินเถาผู้นี้ได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติตนอย่างแท้จริง และยังรู้จักวิธีคิดอย่างรอบคอบอีกด้วย ดูเหมือนว่าหมิงตูจวิ้นจู่มาถูกทางจริง ๆ กู้ซินเถาผู้ซึ่งเคยรู้เพียงวิธีการคุยทับผู้อื่น ตอนนี้รู้วิธีปฏิบัติเรื่องราวต่าง ๆ ไปตามขั้นตอน!