ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2103 คิดหาวิธีอื่น
บทที่ 2103 คิดหาวิธีอื่น
“ปล่อยเขาไปก่อน ท่านอย่าทำให้มือของท่านต้องแปดเปื้อนเลย!” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าที่มีความสุขและเศร้าของซู่จื่อเยว่ นางพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “คนของข้าได้รายงานเรื่องนี้ไปยังกองกำลังรักษาความสงบแล้ว เขาได้ใส่ร้ายทำลายข้าและเขาก็ต้องได้รับโทษสำหรับสิ่งนั้น ข้าฟ้องร้องเขาในข้อหาใส่ร้ายข้าให้ได้รับความเสื่อมเสีย!”
เดิมทีเสียงของกู้เสี่ยวหวานนั้นเย็นชาอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะตอนนี้น้ำเสียงของนางเจือไปด้วยความโกรธ มันจึงฟังดูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
เมื่อหลิวกุ้ยหย่งได้ยินคำว่ากองกำลังรักษาความสงบกำลังจะมาในไม่ช้า เขาก็ตื่นตระหนก เขาหันซ้ายหันขวาราวกับว่ากำลังมองหาใครบางคน แต่ก็ไม่พบใครเลยที่จะช่วยเหลือตนเองได้หลังจากค้นหาเป็นเวลานาน มันทำให้หัวใจของเขาก็ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น “หวานเอ๋อร์ ช่วยเห็นแก่ความรักหลายปีของเราด้วย ได้โปรดยกโทษให้ข้า ข้าแค่… รัก… รักเจ้ามากเกินไป!”
ในขณะที่หลิวกุ้ยหย่งเริ่มพล่ามพรรณนาถึงความรักอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานไม่แม้แต่จะชายตามองเขา อีกทั้งยังกล่าวด้วยความชัดถ้อยชัดคำ “ทุกคนเป็นพยาน ข้าไม่รู้จักชายผู้นี้ ในวันนี้ ณ ขณะนี้ ข้า กู้เสี่ยวหวานขอประกาศว่า ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำลายความบริสุทธิ์ของข้าเป็นอันขาด!”
ทันทีที่พูดจบ คนกลุ่มหนึ่งในชุดทางการก็วิ่งเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานก็รีบโค้งคำนับเพื่อทำความเคารพ และพวกเขาก็ได้พาตัวหลิวกุ้ยหย่งออกไป
จากนั้นหลิวกุ้ยหย่งก็ต้องการที่จะตะโกนบางอย่าง แต่กู้เสี่ยวหวานได้ส่งสายตาให้คนปิดปากของเขาทันที
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของหลิวกุ้ยหย่งพยายามมองหาบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ลดละ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่พบใครเลย ในใจของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูเขาถูกพาตัวออกไป นางมองเห็นถึงความตื่นตระหนกและการมองหาใครบางคนของเขาอยู่ตลอด
เมื่อเห็นว่าเขาถูกพาตัวไปแล้ว ซูจือเยว่จึงรีบถามกู้เสี่ยวหวาน “องค์หญิง เหตุใดเจ้าไม่ถามให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคนเล่า? เป็นการดีกว่าที่จะคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเจ้าเอง!”
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “ใต้เท้าหนีเป็นผู้ที่มือเท้าสะอาดและเป็นคนเที่ยงตรง หากข้าบริสุทธิ์ เขาจะคืนความบริสุทธิ์ให้ข้าเป็นแน่ แต่หากว่าข้าไม่บริสุทธิ์ ข้า กู้เสี่ยวหวานก็คงไม่มีหน้าอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป! ถ้าข้าทำสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ ข้าจะออกจากเมืองหลวงด้วยตัวเองและจะไม่กลับมาที่นี่อีก! ข้าจะลาออกจากตำแหน่งองค์หญิงและใช้ชีวิตที่เหลือในฐานะสาวชาวนาธรรมดา!”
“องค์หญิง…” เมื่อเห็นท่าทางสงบและสุขุมของกู้เสี่ยวหวาน ซูจือเยว่ที่ได้ยินคำพูดของนางที่พร้อมทิ้งชีวิตไว้เบื้องหลัง ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนบีบหัวใจเขาอย่างแรง มันเจ็บปวดมาก!
หลิวกุ้ยหย่งถูกพาตัวไปโดยไม่พูดอะไร ในขณะที่กู้ซินเถาซ่อนตัวอยู่หลังฝูงชนก็หายตัวไป
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเสื่อมเสียชื่อเสียง แม้ว่านางจะแก้ต่างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้!
ในเมื่อองค์หญิงได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์ เหตุใดจึงไม่แสดงหลักฐานด้วยตนเอง
ทุกคนคาดเดา แต่ไม่มีใครกล้าถาม กู้เสี่ยวหวานกวาดสายตาไปรอบ ๆ ฝูงชน จากนั้นนางก็มองไปที่ชั้นสาม สายตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ บวกกับรอยยิ้มที่มุมปากของนางทำให้ผู้คนตัวสั่นมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เดินออกจากโรงน้ำชาอู่อวิ๋น โดยมีซูจือเยว่และคนอื่น ๆ เดินตามออกไป
เมื่อเห็นซูจือเยว่ติดตามกู้เสี่ยวหวานอย่างใกล้ชิด การกระทำเช่นนี้จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกคนภายนอกนินทาได้ แต่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเสียงของบางสิ่งจากชั้นสามลอยกระแทกลงมาที่พื้น คราวนี้มันดังกว่าครั้งก่อนพอสมควร
กู้เสี่ยวหวานออกจากโรงน้ำชาอู่อวิ๋นด้วยท่าทางสงบราวกับว่านางไม่ได้ถูกหลิวกุ้ยหย่งใส่ร้ายเลย! ซูจือเยว่ก็รีบเดินตามหลังนางไป ในขณะที่กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในรถม้า เขาก็ส่งเสียงเรียกนาง “องค์หญิง…”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานหันศีรษะไป นางก็เห็นซูจือเยว่ยืนอยู่ข้างหน้านางด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขาเอ่ยปากถามนางด้วยความกังวลว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องที่หลิวกุ้ยหย่งใส่ร้ายเมื่อครู่ นางจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณนายน้อยซูสำหรับความชอบธรรมและการช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของท่าน คงไม่มีใครคอยช่วยข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์!”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังขอบคุณเขาจริง ๆ ซูจือเยว่ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก “ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้าเพื่อขอคำขอบคุณ!”
กู้เสี่ยวหวานมีเรื่องจะถามเขา “แล้วนายน้อยซูมาทำอะไรที่โรงน้ำชาอู่อวิ๋นหรือ?”
ร่องรอยของความเศร้าโศกและความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูจือเยว่ทันที แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว “ข้ามาดื่มชาที่โรงน้ำชาระแวกนี้ เมื่อข้าได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่โรงน้ำชาอู่อวิ๋น จึงรีบมาดู!”
เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดบนใบหน้าของเขา กู้เสี่ยวหวานก็คิดทันทีว่าทำไมคน ๆ นี้ถึงปรากฏตัวในโรงน้ำชาอู่อวิ๋นโดยบังเอิญ และนางก็เข้าใจในทันที! นางกุมมือแล้วพูดว่า “นายน้อยซูจะแต่งงานกับหมิงตูจวิ้นจู่ในวันที่เก้าเดือนเก้า เสี่ยวหวานขอแสดงความยินดีกับนายน้อยซูล่วงหน้า เมื่อถึงเวลานั้น เสี่ยวหวานจะเตรียมของขวัญมากมายเพื่อไปแสดงความยินดี!”
ทันใดนั้นใบหน้าของซูจือเยว่ซีดเซียวลง เขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถแม้แต่จะพูดอะไรออกมาได้ เขาทำได้เพียงฟังเฉย ๆ อย่างช่วยไม่ได้ กระทั่งกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในรถม้าแล้วเคลื่อนออกไป!
เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างอ้างว้างราวกับว่าเขาถูกใครบางคนทอดทิ้ง เมื่อผู้คนมองไปที่แผ่นหลังของเขา มันก็ยิ่งดูอ้างว้างมากขึ้นไปอีก!
ในขณะนี้มีใครบางคนกำลังมองมาที่เขา ซูหมิ่นปิดหน้าต่างดัง “ปัง” เมื่อเห็นท่าทางว้าวุ่นใจของเขา ก่อนจะหันกลับมาแล้วฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของกู้ซินเถา
เพราะเมื่อกู้ซินเถาเห็นหลิวกุ้ยหย่งถูกพาตัวไป นางก็ตื่นตระหนกแอบหนีไปทันที!
โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มองหานาง กู้ซินเถารู้สึกราวกับว่าร่างกายและหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อชุ่มโชก!
“จวิ้นจู่!” กู้ซินเถาถูกตบที่ใบหน้าอย่างแรง นี่แสดงให้เห็นว่าหมิงตูจวิ้นจู่โกรธแค่ไหน ก่อนที่นางจะเขย่าร่างของกู้ซินเถาล้มลงกับพื้น กลิ่นคาวในปากนี้ทำให้กู้ซินเถารู้สึกตัวว่าริมฝีปากของนางนั้นมีเลือดออกจากการถูกทุบตี!
หลังจากที่นางถูกทุบตี นางไม่กล้าคร่ำครวญอะไรออกมา นางรีบคุกเข่าและพูดว่า “ข้าขอโทษ จวิ้นจู่ ซินเถาสมควรแล้ว เป็นเพราะซินเถาผิดพลาดเอง!”
“ให้ตายสิ! เจ้าสมควรโดนด่าจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายังมีประโยชน์ ข้าก็คงทุบตีเจ้าให้ตายคามือ!” หมิงตูจวิ้นจู่กัดฟันและตะโกนว่า “ไหนเจ้าบอกว่าหากกู้เสี่ยวหวานโดนสาดโคลน นางจะไม่สามารถหักล้างมันได้ และเจ้าก็ยังบอกว่าเรื่องปิ่นนี้เจ้าก็ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว เหตุใดเมื่อปรมาจารย์โจวมา เขาถึงบอกได้ว่าปิ่นนั้นเป็นของปลอม!”