ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2107 รักแรกพบ
บทที่ 2107 รักแรกพบ
“นั้นเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ เสี่ยวหวานไม่ได้เป็นเพียงองค์หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นสหายร่วมงานของข้าด้วย เป็นเด็กที่ข้าเฝ้ามองตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางได้พบเจอกับความไม่เป็นธรรมแน่นอน ต่อให้ข้าต้องเสียร้านอาหารนี้ไป ข้าก็จะยอมทำเพื่อปกป้องนาง!” หลังจากหลี่ฝานพูดจบ เขาก็ดื่มชาที่อยู่ตรงหน้าเขาในอึกเดียว ความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาทำให้ไม่ต้องสงสัยเลย!
ซูหมางพยักหน้าและดื่มชาตรงหน้าเขาราวกับว่ารับรู้ในสิ่งที่หลี่ฝานพูด ทันทีที่วางถ้วยชาลงลูกจ้างในร้านก็ยกอาหารเข้ามา
หลี่ฝานยกชุดน้ำชาบนโต๊ะมาวางไว้ข้างกาย เมื่อเห็นว่าอาหารทั้งสามจาน รวมถึงน้ำแกงอีกหนึ่งที่สั่งถูกยกมาแล้ว ก็เอ่ยอย่างตื่นเต้น “วันนี้ใต้เท้าซูโชคดีแล้ว เสี่ยวหวานได้คิดอาหารใหม่ไว้หลายจานวันนี้จึงให้อาหญิงของนางมาที่ร้าน ตอนที่ท่านมาถึง กู้ฟางสี่บอกว่าขอบคุณใต้เท้าซูที่ดูแลพวกเรามาตลอด และวันนี้นางจะเป็นคนทำอาหารให้ท่านเองกับมือ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหมางรีบมองจานอาหารบนโต๊ะและพบว่ามันเป็นอาหารที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งยังเป็นอาหารรสเผ็ด บางทีนางอาจจะรู้ว่าเขาชอบอาหารรสเผ็ด แต่ละจานจึงเป็นอาหารรสจัดจ้าน
หลี่ฝานรินเหล้าให้ซูหมางและแนะนำอย่างกระตือรือร้น “ทั้งหมดนี้เป็นอาหารที่เสี่ยวหวานคิดค้นขึ้นมาใหม่ทั้งหมด และมันยังไม่ได้ถูกนำไปใส่รายการอาหารอย่างเป็นทางการ วันนี้ใต้เท้าซูเป็นคนแรกที่จะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารเหล่านี้ ช่วยชิมแล้วบอกข้าหน่อยเถอะว่ารสชาติอาหารเป็นอย่างไร”
สิ้นประโยคนั้น หลี่ฝานขยับตะเกียบคีบเนื้อปูชิ้นหนึ่งวางลงบนจานของซูหมาง “เสี่ยวหวานบอกว่านี่คือผัดเผ็ดปูแม่น้ำ นำเนื้อไปตุ๋นพร้อมกับต้นหอม ขิง กระเทียม และโหระพา ปกติแล้วเราจะนำปูที่นึ่งแล้วกินกับน้ำจิ้ม แต่ว่าคราวนี้นางนำมาทำอาหารจานใหม่ ลองสิ!”
ซูหมางมองไปที่เนื้อปูผัดสีสันสดใสส่งกลิ่นหอมกรุ่น เขาไม่เคยเห็นวิธีกินแบบนี้มาก่อน ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้รู้สึกน้ำลายสอ
เขาแค่ก้มหน้าลงและเริ่มกินโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากชิมแล้ว รสเผ็ดร้อนแผ่ซ่านไปทั่วปาก เป็นรสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน เนื่องจากได้ลองอาหารอร่อยตรงหน้า ความหดหู่ในใจซูหมางก็หายไปทันที และรู้สึกตื่นเต้นมาก “ไม่เลวเลย นี่มันเยี่ยมมาก รสชาติดีมาก!”
ในตอนแรกหลี่ฝานกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของซูหมางเมื่อได้ชิมอาหารจานนี้เขาก็มีความสุขมาก จึงคีบเนื้อปูขึ้นมาหนึ่งชิ้น หลังจากชิมไปหนึ่งคำเขาก็เอ่ยชมทันที “วิเศษไปเลย ข้าไม่คิดว่าปูแม่น้ำจะสามารถนำมาทำเช่นนี้ได้ มันวิเศษมาก”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดครั้งล่าสุดว่าต้องการเตรียมสูตรอาหารใหม่สองสามอย่าง และใช้ส่วนผสมเก่าเพื่อสร้างวิธีการกินแบบใหม่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในตัวกู้เสี่ยวหวาน แต่เขาคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนอาหารจานเดิม ๆ แต่การคิดค้นอาหารจานใหม่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่ใช่แค่เปลี่ยนวิถีการกินแบบเดิม ๆ เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนหน้าตาของมันอีกด้วย ไม่อย่างนั้นลูกค้าจะไม่ซื้อ!
ตอนนี้ผัดเผ็ดเนื้อปูประสบความสำเร็จ หลี่ฝานมองไปที่อาหารสองสามจานถัดไป หัวใจของเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ซูหมางชื่นชอบและหลงใหลในอาหารรสเผ็ดมากขึ้นหลังจากได้ลิ้มลองผัดเผ็ดปูแม่น้ำเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก ตอนดูแลนักโทษที่เขาหมินซานร่วมกับผู้คุมคนอื่น เขากินเนื้อและดื่มหนักเป็นนิสัย ดังนั้นเขาทิ้งพิธีหยุมหยิมไว้ข้างหลัง และเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้า
ระหว่างกินอาหารอย่างมีความสุขก็ได้ยินเสียงหนึ่งมาจากข้างนอก “เถ้าแก่หลี่ พวกท่านคิดอย่างไรกับรสชาตินี้?”
เมื่อหลี่ฝานได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นยืนทันที กุมมือแล้วพูดว่า “ท่านอา!”
กู้ฟางสี่เพิ่งจะอายุสามสิบต้น ๆ ในปีนี้ ดังนั้นนางจึงทนไม่ได้ที่หลี่ฝานเรียกตนเองว่าท่านอา แต่นางก็รู้ว่าหลี่ฝานเรียกตัวเองว่าด้วยความเคารพ ดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธ เพียงพยักหน้าเบา ๆ และมองไปที่หลี่ฝานจากนั้นมองไปที่ชายอีกคนบนโต๊ะ
ทันใดนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา
ตรงหน้านางคือชายอายุประมาณสี่สิบปี ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ผิวดำคล้ำ แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่แต่ก็สามารถมองได้ว่าร่างกายของชายคนนี้สูงใหญ่กำยำ กู้ฟางสี่ไม่เคยเจอซูหมางมาก่อนดังนั้นนางจึงไม่รู้จักอีกฝ่ายมาก่อน!
เมื่อเห็นสิ่งนี้หลี่ฝานจึงมองไปที่ซูหมาง จึงหยิบผ้าสะอาดจากโต๊ะแล้วยื่นให้ซูหมาง “ใต้เท้าซู…” เขาชี้ไปที่คางของตัวเขาเองขณะที่พูด
เนื่องจากซูหมางกินอาหารมื้อนี้อย่างมีความสุข จึงไม่รู้ว่าตนเองกินได้เลอะเทอะแค่ไหน
ซูหมางราวกับเสียมาด รีบคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหนวดเครา จากนั้นรีบลุกขึ้นยืนและทักทายอีกคนตามหลี่ฝาน
กู้ฟางสี่กล้าให้เขาเรียกคำนี้ได้อย่างไร เมื่อครู่หลี่ฝานเรียกเขาว่าใต้เท้าซู กู้ฟางสี่ก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายคือใคร รีบค้อมตัวและพูดว่า “ข้าน้อยทักทายใต้เท้าซู!”
หลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอีกครั้ง กู้ฟางสี่ก็ถามว่า “ใต้เท้าซู อาหารเหล่านี้รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”
ในความเป็นจริงกู้ฟางสี่ไม่จำเป็นต้องถามเลย เพียงแค่มองไปจานอาหารตรงหน้าก็ได้คำตอบแล้ว นางมองไปที่อาหารสามจานและน้ำแกงหนึ่งถ้วยที่เกือบจะหมด ก็รู้ได้ว่าอาหารจานนี้ได้รับความนิยมมากเพียงใด
“ดี ดีมาก!” ซูหมางไม่สามารถกล่าวชื่นชมอะไรได้ ดังนั้นจึงได้แต่ชูนิ้วโป้งและปรบมือไม่หยุด
“ต้องปรับปรุงตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ” กู้ฟางสี่
ซูหมางตกตะลึงกับคำถามนั้น เมื่อครู่เขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการกินอาหาร และรู้สึกแต่ว่าเขาไม่เคยได้กินของอร่อยแบบนี้มาก่อนในชีวิต เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องมีการปรับปรุง ดังนั้นจึงส่ายหน้า “ไม่ รสชาติอาหารจานนี้ดีมาก! ถ้านำไปใส่รายการอาหาร ข้าเกรงว่าจะได้รับความนิยมครั้งยิ่งใหญ่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณใต้เท้าซูสำหรับคำตอบ!” หลี่ฝานกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของกู้ฟางสี่ยังเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม กู้ฟางสี่ผู้นี้เดิมทีก็มีรูปโฉมงดงาม แต่เมื่อหลายปีก่อนนางผอมเพราะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอดีตสามีจึงมีชีวิตที่แย่ลง ตอนนี้เมื่อนางติดตามกู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้สามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการ ไม่ต้องกังวล ไม่มีภาระ นางสวมเสื้อผ้าอย่างดีและได้รับการดูแลอย่างดีมาหลายปี
ยามนางยิ้ม ทำให้ใบหน้านั้นงดงามมาก
ซูหมางเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหัวใจ จึงรีบก้มศีรษะลงและแสร้งทำเป็นดื่มเหล้า