ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2111 ตระกูลเหลียงเข้าเมืองหลวง
บทที่ 2111 ตระกูลเหลียงเข้าเมืองหลวง
หลังจากได้ยินคำชมของฮูหยินเหลียง ซุนซีเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย
แต่เห็นท่าทางเศร้าสร้อยและความโชคร้ายของครอบครัวนี้ จึงคิดว่าถึงแม้ชีวิตปกติในเมืองหลวงของตัวเองจะดูธรรมดา แต่การได้เห็นคนที่คุ้นเคยมาก่อนกลายมาเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกภาคภูมิใจก็ขึ้นมาไม่น้อย
นางยืดหลังตรงความมั่นใจของนางก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นมองฮูหยินเหลียง “การใช้ชีวิตในหลวงไม่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ มาเมืองหลวงเช่นนี้ท่านวางแผนไว้หรือยัง? ตอนนี้ท่านพักอยู่ที่ใด?”
ฮูหยินเหลียงหลบสายตาเมื่อได้ยินคำพูดของซุนซีเอ๋อร์ และรีบชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งแล้วพูดว่า “เราอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ข้างหน้านั้น สภาพของมันค่อนข้างดีและราคาไม่แพง ดังนั้นข้าคิดว่าจะปักหลักอยู่ที่นั้นก่อน สามีข้าและต้าเปามีงานทำและชีวิตของพวกเราดีขึ้นแล้ว ข้าจะเช่าบ้านและหารายได้ในเมืองหลวงสักสองสามปี เมื่อถึงเวลาก็จะหาภรรยาให้ต้าเปา ครอบครัวของเราจะเริ่มต้นใหม่!”
หลังจากได้ยินแผนของฮูหยินเหลียง ซุนซีเอ๋อร์ก็พยักหน้า “ถูกต้อง ในเมื่อท่านได้วางแผนไว้แล้วนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด!”
เดิมทีซุนซื่อยังอยากฟังสถานการณ์ปัจจุบันของฮูหยินเหลียงอีกสักหน่อย คงไม่ต้องบอกนะว่านางภูมิใจแค่ไหน แต่เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว และยังไม่ได้ไปร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว นางจึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืน “ฮูหยินเหลียง ตอนนี้ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ ทำไมท่านไม่ทิ้งที่อยู่ของท่านไว้ให้ข้าล่ะ เมื่อข้ามีเวลาจะแวะไปเยี่ยมท่าน”
เมื่อนางได้ยินว่าซุนซีเอ๋อร์กำลังจะจากไป ฮูหยินเหลียงก็ลังเลเล็กน้อยหากแต่ไม่มีทางเลือกอีก “โรงเตี๊ยมของข้าหายาก ทำไมท่านไม่บอกข้าว่าครอบครัวของท่านอาศัยอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะไปหาท่านเอง!”
ซุนซีเอ๋อร์ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และบอกที่อยู่ของตนให้ฮูหยินเหลียงทราบ หลังจากที่นางได้ยินก็จดจำมันด้วยสีหน้าอิจฉา “ตอนนี้ครอบครัวของท่านก็สามารถเลี้ยงชีพได้แล้ว อีกทั้งยังมีบ้านอยู่ในเมืองหลวงอีก!”
ซุนซีเอ๋อร์มีใบหน้าที่ภาคภูมิใจและก้าวไปข้างหน้า “ถ้ามีเวลาก็อย่าลืมแวะมาล่ะ”
หลังจากพูดจบนางก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ฮูหยินเหลียงท่องที่อยู่ที่ซุนซีเอ๋อร์ให้ไว้ในใจหลายต่อหลายครั้ง ไม่นานดวงตาคู่นั้นก็ฉายแววเย็นยะเยือก นางลุกออกจากโต๊ะน้ำชาแต่ไม่ได้เดินไปยังโรงเตี๊ยมที่บอกก่อนหน้านี้ แต่กลับเดินไปยังทิศทางตรงข้าม
อาจจะเป็นเพราะนางอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว และรู้ถึงสถานการณ์ของเมืองหลวงดี นางเดินไปยังตรอกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง แม้ว่าสถานการณ์จะวุ่นวายมากแค่ไหน ฮูหยินเหลียงก็ไม่สนใจและยังเดินต่อไป ในที่สุดนางก็เดินมาถึงประตูบ้านแห่งหนึ่ง บ้านหลังนั้นทรุดโทรมมาก
ฮูหยินเหลียงผลักประตูจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดและเดินเข้าไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลังจากเปิดประตูกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ลอยมาแตะจมูก กลิ่นนั้นเหม็นเน่าไม่น่าอภิรมย์ ฮูหยินเหลียงไม่สนใจมันมากนักก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
ภายในบ้านมีห้องเดียว ทั่วทั้งมุมบ้านล้วนเละเทะไม่เป็นระเบียบ มีกองฟืนอยู่มุมหนึ่งของบ้านและเตาเหล็กอยู่ด้านข้าง ดูจากสภาพคงใช้มานานหลายปีแล้ว เตาเหล็กนั้นจึงเคลือบด้วยคราบสีเต็มหมดจนไม่สามารถเห็นสีเดิมได้อย่างชัดเจน
อีกมุมหนึ่งของห้องมีผ้าห่มสองสามผืนที่ไม่สามารถมองเห็นสีเดิมได้ พวกเขานอนบนพื้นที่เต็มไปด้วยฟาง มีก้อนอิฐวางซ้อนกันอยู่ข้าง ๆ ใช้สำหรับนั่งทำธุระส่วนตัว
บ้านทั้งหลังดูทรุดโทรมผิดปกติราวกับบ้านของคนเร่ร่อน ฮูหยินเหลียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนถอนหายใจยาวจากนั้นมองไปข้างนอกที่ยังคงมีแดดอยู่เล็กน้อย นางจึงย้ายฝ้ายออกไปตากข้างนอก
เมื่อถึงเวลาท้องฟ้าลาลับขอบฟ้า แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องย้อมเมฆขาวและท้องฟ้าสีสดใสก็กลายเป็นสีแดง
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างนอกจากนั้นตามมาด้วยเสียงตะโกน “ฮูหยินเหลียง…”
ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในบ้านที่ทรุดโทรมแห่งนี้ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงผลักประตูเปิดเข้ามา เมื่อเห็นว่านางยังนั่งอยู่ในบ้านท่ามกลางความมืด หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงอารมณ์เสียขึ้นมา “ภรรยา เจ้ายังไม่ได้ทำข้าวเย็นอีกงั้นเรอะ! ต้าเปากับข้าทำงานมาทั้งวันแล้ว พวกเราหิวจะตายอยู่แล้ว!”
เหลียงต้าเปาเดินตามหลังเข้ามาด้วยใบหน้าขมขื่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ท่านปู่ ท่านคิดว่าเรามาทำอะไรในเมืองหลวง คนเราสามารถอาศัยอยู่ในสถานที่ทรุดโทรมเช่นนี้ได้ด้วยหรือ? ข้าแบกของมาทั้งบ่ายแล้ว หลังของข้า…”
เหลียงต้าเปาลูบหลังและบ่นอุบ
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองดูหลานชายที่รักของเขาด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ “แม้ว่าเจ้าจะอยู่ไม่ได้ เจ้าก็ต้องอยู่ให้ได้ เจ้าอยากจะกลับไปถูกทำร้ายอีกหรือ? ไม่มีเงินเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเจ้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว… เจ้าจะปล่อยให้ข้าไปเจอพ่อแม่ที่ตายไปแล้วของเจ้าได้อย่างไร เป็นเช่นนั้นข้ากับย่าของเจ้าก็ไม่มีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว!”
“ท่านปู่!” เหลียงต้าเปาอยากจะคัดค้าน แต่เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เขาทำก็ได้แต่กลืนคำพูดลงไปอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนมีอย่างในอดีต ในหมู่บ้านใครก็ตามที่เห็นเขาจะเรียกเขาว่านายน้อยเหลียงด้วยความเคารพ แต่ตอนนี้เขาโตขึ้นมากแล้วและกลายมาเป็นแรงงานต่ำต้อย เขาไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ!
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงยังคงตักเตือนเหลียงต้าเปา แต่ก็ยังเห็นเหลียงต้าเปาบ่นอย่างไม่พอใจ “ถ้าพวกท่านมีเงินมากกว่านี้ พวกท่านจะทำแบบนี้ไหม? ตอนนี้ให้ข้าทำงานน่ารังเกียจพวกนี้เนี่ยนะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่ไปอีกแล้ว ถ้าท่านอยากไปก็ไปเองเถอะ!”
หลังจากเหลียงต้าเปาพูดอย่างโกรธเคือง จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปในห้อง
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงชรามากแล้ว เมื่อถูกเหลียงต้าเปาหงุดหงิดใส่ก็รู้สึกเหมือนความดันจะขึ้น และตอนนั้นพลันคิดถึงลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาที่เสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร และทิ้งภาระอันใหญ่หลวงไว้เบื้องหลัง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากบ้านเกิดออกมา ชายแก่ ๆ อย่างเขาจะต้องมาเลี้ยงหลานชายแบบนี้มันเหมาะหรือ?