ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2113 มาหา
บทที่ 2113 มาหา
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” ฮูหยินเหลียงรีบโบกมือพัลวัน “เราเป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายสิบปีแล้ว ข้าจะว่าอะไรได้! บ้านท่านก็ออกจะหลังใหญ่โต เหตุใดถึงไม่ซื้อคนรับใช้สักคนล่ะ”
ซุนซีเอ๋อร์รินชาให้พวกเขาพลางตอบด้วยรอยยิ้ม “ซื้อคนรับใช้อะไร ซินเถาเคยมีสาวใช้ส่วนตัว แต่จู่ ๆ นางก็หนีไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ข้าก็ไม่รู้ว่าเราปฏิบัติต่อนางไม่ดีหรืออย่างไร เฮ้อ คนเมืองหลวงนี้สู้คนจากชนบทอย่างเราไม่ได้จริง ๆ ใจคนเรายากแท้หยั่งถึงยิ่งนัก!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ผู้คนในเมืองหลวงนั้นอารมณ์ร้อน พวกเขาไม่ได้มีความอดทนเท่าเรา!” ฮูหยินเหลียงรีบพูดขึ้น
“ท่านอาศัยอยู่ที่นี่ก็คงเคยพบเจอมาบางสินะ ในเมืองหลวงนี้มีหลายครอบครัวอาศัยอยู่ พูดตามตรงข้าเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว แต่ว่าข้างบ้านคือใครชื่อแซ่อะไรข้าก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ กำแพงก็สูง ประตูก็ปิดสนิท จิตใจคนก็เย็นชา!”
เมื่อฮูหยินเหลียงได้ยินสิ่งนี้ก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นในหัว ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยพูดก็ได้ยินซุนซีเอ๋อร์ชี้ไปที่ชาและพูดว่า “ฮูหยินเหลียง ต้าเปา รีบดื่มเร็ว หากชาเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”
คำที่เหลียงซื่อจะเอ่ยต้องกลืนกลับเข้าไป นางคลี่ยิ้มและหยิบชาขึ้นมาดื่ม เดิมทีคิดว่าชาที่นี่เป็นเพียงชาธรรมดาที่คนทั่วไปดื่ม แต่เมื่อเปิดฝาก็พบว่าข้างในมีลิ่วอันกวาเพี่ยน*[1]
เมื่อก่อนในฐานะภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน ฮูหยินเหลียงเคยเห็นและกินอาหารดี ๆ มากมาย!
นางรู้ว่าปกติแล้วลิ่วอันกวาเพี่ยนจะมีเพียงครอบครัวที่มีฐานะดีและร่ำรวยที่จะใช้เพื่อรับรองแขกเท่านั้น ครอบครัวทั่วไปจะไม่ฟุ่มเฟือยใช้ลิ่วอันกวาเพี่ยนเพื่อรับรองแขกอย่างแน่นอน!
ฮูหยินเหลียงหัวใจเต้นแรง ครอบครัวใหญ่ของตระกูลกู้นี้สามารถกินรังนกและรับรองแขกด้วยชาล้ำค่าเช่นลิ่วอันกวาเพี่ยนได้ พวกเขาต้องทำเงินได้มากมายแน่!
ใบหน้าของฮูหยินเหลียงเรียบนิ่ง หลังจากจิบชาก็เอ่ยชื่นชมออกมาว่ามันอร่อยมากเพียงใด และซุนซื่อก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างภาคภูมิใจ “จือเหวินนำสิ่งนี้มาจากกรมคลัง เขาเอากลับมาพอให้เราดื่มได้เป็นเวลาหนึ่งปี ชานี้ยังเหลืออีกมาก ปกติแล้วข้าไม่ค่อยดื่มชาเท่าไหร่นัก มีแต่สามีข้าเท่านั้นที่ดื่ม!”
เหลียงซื่อรู้ว่ากู้จือเหวินสอบจวี่เหรินไม่ผ่าน แต่กลับได้เข้าทำงานในกรมคลัง ข่าวเรื่องการสอบจอหงวนได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านนานแล้ว
ตอนนี้เมืองหลิวเจียไม่เพียงแต่กลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องการลงหลักปักฐาน แต่แม้กระทั่งสำนักศึกษาที่กู้หนิงอันเรียนในสมัยนั้นต่างมีคนมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์มากมาย ถ้าสวีเซียนหลินไม่ได้อยู่ที่นั่น เกรงว่าสำนักศึกษาคงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
เหลียงต้าเปาได้รับคำแนะนำจากเหลียงซื่อและรีบพูดด้วยความอิจฉา “พี่จือเหวินเก่งจริง ๆ เขาสามารถเข้าทำงานในกรมคลังได้แล้ว ถ้าข้าจะเก่งได้ครึ่งหนึ่งของพี่จือเหวินก็คงจะดี”
เมื่อซุนซื่อได้ยินว่ามีคนชมลูกชายตนเองก็พึงพอใจ “ต้าเปาก็ไม่เลวเหมือนกัน รูปลักษณ์ของเขาดูดี ในอนาคตถ้าจือเหวินสามารถช่วยเจ้าได้เขาจะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮูหยินเหลียงก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นและกระตุ้นเหลียงต้าเปา “ต้าเปา ทำไมเจ้าไม่รีบไปคำนับท่านป้าของเจ้าล่ะนี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง เจ้าเด็กโง่!”
เมื่อเหลียงต้าเปาได้ยินเช่นนี้ก็รีบลุกขึ้นยืนและคุกเข่าลงพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณท่านป้า ขอบคุณท่านป้า ถ้าต้าเปาทำอะไรได้ ข้าจะไม่มีวันลืมการการช่วยเหลือของท่านป้าในวันนี้เลย!”
ซุนซื่อเห็นเหลียงต้าเปาคุกเข่าต่อหน้านางและคำนับด้วยความเคารพ แผ่นหลังของนางก็ตั้งตรง จากนั้นจึงจับมือเขาและพูดว่า “ไม่เป็นไร พวกเราทั้งหมดมาจากหมู่บ้านเดียวกัน เราจึงต้องช่วยเหลือกัน!”
ฮูหยินเหลียงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “มีคนอยู่หรือไม่ คนหายไปไหนกันหมด?”
เหลียงซื่อและเหลียงต้าเปาไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร แต่เมื่อซุนซื่อได้ยินก็รีบพูดว่า “ฮูหยินเหลียงนั่งพักก่อน ซินเถาตื่นแล้ว!”
หลังจากพูดจบ ซุนซื่อก็หยิบรังนกตุ๋นและอาหารที่อยู่บนโต๊ะเมื่อครู่ตรงไปยังห้องของกู้ซินเถา ฮูหยินเหลียงยังไม่ทันได้พูดอะไร ได้แต่มองดูท่าทางร้อนรนของอีกฝ่าย
“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่ากู้ซินเถาคนนี้จะได้กินรังนัก พวกเขาได้กินอาหารที่ดีจริง ๆ” เหลียงต้าเปาพูดพลางเลียริมฝีปาก แล้วลอบกลืนน้ำลาย
ฮูหยินเหลียงตบหลังเหลียงต้าเปาเบา ๆ “เรามาที่นี่เพื่ออะไรเจ้าอย่าลืมเป็นอันขาด อย่าเสียประโยชน์อันใหญ่หลวงเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อย!”
“ข้ารู้ ท่านย่า!” เหลียงต้าเปาคลี่ยิ้มกว้าง
ซุนซื่อนำของเข้าไปในห้องของกู้ซินเถา เมื่อเห็นว่ากู้ซินเถานั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงก็หวาดกลัวเล็กน้อย “ท่านเป็นอะไร? เรียกตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งมา เกรงว่าท่านคงจะลืมสิ่งที่ท่านพ่อบอกไปแล้วใช่ไหม? ท่านพ่อบอกว่าให้ดูแลข้าทุกย่างก้าว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า ท่านพ่อจะไม่ปล่อยท่านไปง่าย ๆ แน่!”
ซุนซื่อพยักหน้าอย่างร้อนรน “ซินเถา ตอนนี้มีคนมาหาข้า ข้าเพิ่งคุยกับเขาได้ไม่กี่คำ พอได้ยินเสียงของเจ้าข้าก็รีบมาที่นี่ทันที!”
“เช้าขนาดนี้ใครมากัน ไม่รู้จักเวลาล่ำเวลา!” กู้ซินเถาพึมพำ
“ฮูหยินเหลียงมาน่ะ!” ซุนซื่อพูดขณะช่วยกู้ซินเถาแต่งตัว
“ฮูหยินเหลียง? ใครกันน่ะ? ครอบครัวของพวกเขาทำอะไร?” กู้ซินเถาได้ยินเช่นนั้นก็รีบถามทันที
“ไม่ใช่คนเมืองหลวง เป็นย่าของเหลียงต้าเปา ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านอู๋ซี เจ้าจำได้ไหม?” ซุนซื่อพูดอย่างระมัดระวัง
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสิ่งนี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น “เขามาที่เมืองหลวงทำไมกัน?”
ซุนซื่อบอกกู้ซินเถาในสิ่งที่ฮูหยินเหลียงพูด ส่วนกู้ซินเถานั่งฟังอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
“ตระกูลเหลียงนี้ก็ถือว่าอาภัพเช่นกัน ลูกชายและลูกสะใภ้จากไป คนชราสองคนก็เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง เขาวางแผนเผื่อให้หลานชายมีชีวิตที่ดี แต่พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าต้าเปาถูกหลอกตอนสู่ขอภรรยา! ทำให้สามีของหญิงคนนั้นมาทุบตีเหลียงต้าเปาจนนอนติดเตียงเป็นเวลาหลายเดือน ต่อมาเพื่อชดเชย พวกเขาจึงขายบ้านในหมู่บ้านเพื่อชำระหนี้ของเหลียงต้าเปา ถือได้ว่าเป็นการใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัว!” ซุนซื่อคร่ำครวญ “ช่างเป็นครอบครัวที่โชคร้าย!”
กู้ซินเถาไม่ได้สนใจซุนซื่อที่ถอนหายใจออกมา นางกินรังนกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ที่มาเมืองหลวง คงไม่ได้จงใจมาหาเราโดยเฉพาะหรอกนะ!”
[1] ลิ่วอันกวาเพี่ยน คือชาเม็ดแตงแห่งลิ่วอัน