ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2117 เจอกุ้ยชุนเจียวอีกครั้ง
นางซึ่งเป็นหญิงสาวจากหอหรูอี้จะเคยพบนายน้อยผู้สูงศักดิ์เช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร จึงกระตุกยิ้มเยาะเย้ยตนเอง ค้อมตัวเล็กน้อยเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจียวเอ๋อร์ทักทายนายน้อย!”
ร่างกายที่อ่อนช้อยราวกับไร้กระดูก ยามเคลื่อนไหวก็งดงามดังกิ่งหลิวที่พลิ้วไสว ก่อนหยุดลงข้างกายกู้เสี่ยวหวานอย่างสง่างาม
ฝ่ามือขาวเนียนราวกับหยกแก้วของกู้เสี่ยวหวานยกถ้วยชาขึ้นจิบ มองด้วยสายตาปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นนายน้อยที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากครอบครัวร่ำรวย!
ครั้นคิดถึงเรื่องนี้ กุ้ยชุนเจียวก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้านางสามารถปรนนิบัตินายน้อยผู้มั่งคั่งได้ มิแน่ว่าชีวิตที่เหลือของนางอาจจะฝากไว้ที่เขาคนนี้
กุ้ยชุนเจียวนั่งลงและรินเหล้าให้กู้เสี่ยวหวานด้วยตัวนางเอง “นายน้อย ท่านลองชิมเหล้าของเราเถอะ นี่คือเหล้าไป๋ฮวาที่กลั่นเป็นพิเศษโดยหอหรูอี้ของเรา พวกเราใช้กลีบดอกไม้กว่าร้อยชนิดและใช้น้ำซึ่งละลายจากหิมะ ใช้เวลาบ่มนานถึงหนึ่งปีและฝังไว้ใต้ต้นไม้อีกสามปีเพื่อทำเหล้าไป๋ฮวา กลิ่นหอมกรุ่น รสชาติกลมกล่อม อร่อยมากเจ้าค่ะ!”
กู้เสี่ยวหวานมองเหล้าที่ไหลรินออกมาจากเหยือก กลิ่นหอมของเหล้าชนิดนี้หอมลอยแตะจมูก มันเป็นเหล้าที่ดีจริง ๆ
จอกถูกส่งยกขึ้นจ่อบริเวณปากของกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเหลือบมองอาจั่วอย่างความช่วยเหลือ หากนางดื่มเหล้านี้เข้าไปแล้วเกิดเมาขึ้นมาจะทำเยี่ยงไร
อาจั่วรู้ขีดจำกัดการดื่มของกู้เสี่ยวหวาน จึงรีบผลักถ้วยชานั้นออกเบา ๆ “แม่นาง นายน้อยของข้าไม่ดื่มสุรา!”
กุ้ยชุนเจียวปิดปากหัวเราะ “เข้ามาในหอหรูอี้แต่ไม่รู้วิธีดื่มงั้นหรือ? นายน้อย หากท่านไม่รู้วิธีดื่มก็ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวข้าจะสอนท่านเอง เหล้านี้เป็นเหล้าที่ถูกบ่มอย่างดี มันสามารถทำให้แล้วลืมเรื่องแย่ ๆ ที่ผ่านมาได้!”
กู้เสี่ยวหวานนั่งนิ่งไม่ไหวติง กุ้ยชุนเจียวจึงยกจอกเหล้านั้นขึ้นดื่ม “นายน้อยท่านดูสิ ข้าดื่มหมดแล้ว ถ้าท่านไม่ดื่มก็หมายความว่าท่านไม่ให้เกียรติเจียวเอ๋อร์! คืนนี้เจียวเอ๋อร์จะปรนนิบัติท่านอย่างดี นายน้อยจะต้องพึงพอใจแน่นอน!”
พูดจบก็ยกมือขั้นแตะหน้าอกกู้เสี่ยวหวาน การกระทำของหญิงสาวทำให้อาจั่วตกใจ ครั้นจะเอ่ยปากตำหนิก็เห็นกู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าเบา ๆ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
กุ้ยชุนเจียวสัมผัสหน้าอกกู้เสี่ยวหวาน ดวงหน้าเนียนสวยซีดเซียวก่อนจะผงะออกด้วยความตกใจ “ท่านเป็นผู้หญิง!”
กู้เสี่ยวหวานไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลย และดูเหมือนจะคาดเดาการแสดงออกของกุ้ยชุนเจียวไว้อยู่แล้ว หญิงสาวจิบชาในมือของแล้วค่อย ๆ วางถ้วยชา ๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้นเพื่อมองกุ้ยชุนเจียวที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น “กุ้ยชุนเจียว ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
“เจ้าเป็นใคร? รู้จักชื่อของข้าได้อย่างไร?” กุ้ยชุนเจียวถามด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะเพ่งพินิจใบหน้าอันคุ้นเคยตรงหน้า ในความทรงจำอันเลือนลางดูเหมือนว่านางจะเคยเจอเด็กที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับคนตรงหน้า ก่อนจะหน้าซีดลงด้วยความตกใจ “กู้เสี่ยวหวาน!”
“สบายดีหรือไม่!” กู้เสี่ยวหวานไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย ทำเพียงแค่คลี่ยิ้มออกมา
“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้เจ้าเป็นองค์หญิงแล้ว มาสถานที่สกปรกโสมมเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ามาที่นี่เพื่อดูความน่าเวทนาของข้างั้นเรอะ! เจ้าคงมีความสุขแล้วสินะ ครอบครัวกุ้ยของข้าล่มสลาย จากครอบครัวที่มีแต่ความสุขกลายมาเป็นเช่นนี้ น้องสาวของข้าก็หายตัวไป นางเป็นสตรีเกรงว่าป่านนี้…! ฮือฮือฮือ”
กุ้ยชุนเจียวคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตนเอง เวลานั้นนางเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าของบิดาและมารดา พวกท่านทั้งสองรักและเอ็นดูนางที่สุด แต่แล้วเวลาเพียงชั่วข้ามคืนครอบครัวของเราก็แตกสลาย ท่านพ่อและท่านแม่ล้มหายตายจาก น้องสาวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชีวิตของนางต้องระหกระเหินมาอยู่หอนางโลม ทุกอย่างตอนนี้เปลี่ยนไปหมดแล้ว
ครั้นเมื่อมองย้อนกลับไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งเวลานั้นไม่มีสิ่งใดสู้ตนเองได้ แต่ตอนนี้นางคือองค์หญิงอันผิงลูกสาวบุญธรรมของไทเฮา น้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้ เจ้าของร้านจิ่นฝูและร้านหลานเยว่อันมีชื่อเสียง แม้ว่าตนจะใช้ชีวิตอยู่ในหอนางโลม แต่ก็เคยได้ยินเรื่องของอีกฝ่ายมามาก
นางมักจะได้ยินเหล่าพี่น้องในหอหรูอี้พูดถึงกู้เสี่ยวหวาน มีทั้งคนชื่นชมและอิจฉาริษยา แต่ตนเองไม่เคยเอ่ยถึงมันเลย ได้แต่ซ่อนความเกลียดชังที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานเอาไว้ลึก ๆ!
ความยากลำบากที่นางต้องประสบพบเจอทั้งหมดเป็นเพราะกู้เสี่ยวหวาน นางโยนความผิดนี้ไปที่อีกฝ่าย หากไม่ใช่เพราะกู้เสี่ยวหวาน กุ้ยตงเหม่ยก็คงไม่หนีไปกับท่านพ่อค้าเร่คนนั้น นางคงไม่ต้องโดนหลอกและถูกคนทำร้ายจนแปดเปื้อน ท่านแม่เองก็คงจะไม่ป่วย นับประสาอะไรกับการตาย และท่านพ่อก็คงจะไม่ฆ่าพ่อค้าเร่คนนั้นและคงไม่ต้องโทษหนัก
ใบหน้าของกุ้ยชุนเจียวซีดเซียวไร้สีเลือด ร่างกายที่เคยอ่อนโยนพลันตั้งตรง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่คิดปิดบัง จ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างดุเดือด
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย กู้เสี่ยวหวานพลันคลี่ยิ้มหาได้รู้สึกโกรธ “ผ่านมาหลายปีเช่นนี้ เจ้าก็ยังคงโทษข้า! ข้าตกอยู่ในอันตรายเพราะความเห็นแก่ตัวของกุ้ยตงเหม่ย ข้าไม่เคยแม้แต่จะโทษพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับคิดแค้น ข้าว่าเจ้าคงจะเข้าใจผิดไปแล้วกระมัง เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นผู้ทำผิด โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เหตุใดเจ้าถึงเกลียดข้านักล่ะ?”
กลิ่นอายรอบกายกู้เสี่ยวหวานตึงเครียด ตอนนี้นางมีฐานะเป็นองค์หญิงมีตำแหน่งสูงส่ง แต่กุ้ยชุนเจียวเป็นเพียงหญิงชั้นต่ำเท่านั้น
กู้เสี่ยวหวานพูดถูก ยามกุ้ยตงเหม่ยอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายก็เป็นกู้เสี่ยวหวานคนนี้ออกไปตามหานาง แต่กุ้ยตงเหม่ยไม่รู้จักคนดี ดังนั้นนางจึงต้องการต่อสู้กับกู้เสี่ยวหวาน นางเอาชนะกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ ในที่สุดก็จบลงด้วยความฉาวโฉ่ เรื่องนี้จะโทษใครได้!
แค่…
“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าจากไปแล้ว น้องสาวข้าก็หายตัวไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจคนหนึ่ง ข้าจะกล่าวโทษเจ้าไม่ได้เลยหรือ” กุ้ยชุนเจียวยังคงไม่เต็มใจประนีประนอม และร้องไห้โวยวาย
ห้องรับรองนี้อยู่ห่างไกลมากจึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงของกุ้ยชุนเจียว
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นอีกฝ่ายร้องไห้และเห็นความโศกเศร้าและความเจ็บปวดตลอดเวลาหลายปีของอีกฝ่ายก็ถอนหายใจ “หลายปีมาแล้ว มันไม่มีความหมายถ้าหาว่าใครถูกหรือใครผิด หากเจ้าต้องการลุกขึ้นยืนหยัดอีกครั้ง ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย!”