ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2124 ขึ้นโรงศาลพิจารณาคดี
บทที่ 2124 ขึ้นโรงศาลพิจารณาคดี
อิ๋งชุนเก็บเศษสิ่งของที่แตกกระจัดกระจายบนและพูดด้วยความเคารพ “ข้าน้อยเป็นคนของคุณหนู ดังนั้นการรับใช้คุณหนูเป็นเรื่องที่ข้าควรทำ หากการทำลายข้าวของทำให้ท่านรู้สึกสบาย ข้าน้อยจะเป็นคนที่คอยเก็บกวาดเองเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรที่ข้าต้องกลัว!”
เมื่อเห็นท่าทีสุภาพนอบน้อมของนาง กู้ซินเถาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ใช่แล้ว เจ้าคิดว่าการเปิดโรงศาลในวันนี้ข้าควรทำอย่างไร?”
อิ๋งชุนรู้ว่ากู้ซินเถากำลังตั้งครรภ์ แต่นางไม่เคยพบชายผู้ซึ่งเป็นพ่อเด็กมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลูกในท้องของกู้ซินเถาเป็นลูกของใคร “คุณหนูแค่บอกว่าเมื่อวานนี้กินอาหารไม่ดีเข้าไป จึงทำให้วันนี้มีการอาเจียนและท้องเสีย!”
ดวงตาของกู้ซินเถาเป็นประกายขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น “ไปเถอะ เราไปที่ศาลาว่าการกัน”
อิ๋งชุนเดินตามกู้ซินเถาอยู่ด้านหลัง ทำให้ไม่เห็นรอยยิ้มแฝงความหมายของนาง
……
เมื่อหมิ่นเสวียซือเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในห้องโถงพิจารณคดีก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย คดีครั้งล่าสุดขององค์หญิงอันผิงเพิ่งผ่านไป ผ่านไปไม่นานก็ต้องกลับมาพิจารณาคดีขององค์หญิงอันผิงอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานคนนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้ใช้ชีวิตสงบ ๆ เสียที
ผู้คนทั้งด้านนอกและด้านในต่างพูดคุยเรื่องนี้อย่างสนุกปาก ส่วนกู้เสี่ยวหวานทำเพียงนั่งจิบชาเงียบ ๆ โดยมีอาโม่และอาจั่วยืนอยู่ด้านหลัง พวกเขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังพยายามไม่ทำตัวเด่น
เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่าหมิ่นเสวียซือเดินเข้ามาคุยกับกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของนางก็สีซีดลงด้วยความอิจฉา
ในอนาคตนางจะได้เป็นเซ่อเฟยของซื่อจื่อ ต้องเป็นนางสิที่หมิ่นเสวียซือจะมาพบตนเอง แต่ตอนนี้การเปิดเผยตัวตนของตัวเองนั้นค่อนข้างยาก ดังนั้นนางจึงได้แต่ปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานภูมิใจในตัวเองไปก่อน
กู้เสี่ยวหวานเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตที่จ้องมองมาไม่ไกล หญิงสาววางถ้วยชาในมือลงแล้วหันไปมองกู้ซินเถา
กู้ซินเถาไม่ได้เตรียมใจไว้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของตน นางถูกกู้เสี่ยวหวานจับได้แล้ว
“ข้าไม่ได้เจอท่านมาสักพักแล้ว ข้ารู้สึกว่าท่านมีน้ำมีนวลขึ้นนะเจ้าคะ” กู้เสี่ยวหวานกระตุกยิ้ม
กู้ซินเถากลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ โชคดีที่วันนี้เสื้อผ้าที่นางสวมใส่ค่อนข้างหลวมจึงสามารถปิดหน้าท้องของนางที่ยังไม่นูนออกมาได้อย่างมิดชิด เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานทักตัวเองว่ามีน้ำมีนวลขึ้น ก็รีบตอบโต้อย่างร้อนรน “น้องสาวข้าพูดอะไรกัน? ข้าเอาแต่โทษตัวเองอยู่ทุกวัน โทษตัวเองว่าทำไมถึงมองคนแบบเจ้าไม่ออก เมื่อก่อนข้าคิดเสมอว่าน้องสาวข้าเป็นหญิงบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้…เหอะ…เจ้าทำให้ข้ามองเจ้าเปลี่ยนไปจริง ๆ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานยังคงไม่เปลี่ยนไป “อ่า…อย่างนั้นหรือ? ข้าทำให้ท่านผิดหวังขนาดนั้นเลยหรือ?”
“แน่นอน ข้าต้องรู้สึกผิดหวังอยู่แล้ว เจ้าเปรียบดังเกียรติยศของตระกูลกู้ แต่ตอนนี้เจ้ากลับทำให้ตระกูลกู้มีกลิ่นคาวเหม็นโฉ่ เจ้าคิดว่าเจ้าทำเรื่องแบบนี้ไม่เป็นการทำให้ตระกูลกู้ของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือ เกียรติของตระกูลกู้ของเราถูกเจ้าทำลายไปหมดแล้ว!” กู้ซินเถาหน้าแดงก่ำและตวาดเสียงดังลั่น
กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มจางพลางส่ายหน้าเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปฏิเสธ กู้ซินเถาก็คิดว่าตัวเองพูดแทงใจดำของนาง แต่เมื่อกำลังจะเยาะเย้ยต่อกลับได้ยินเสียงค้อนปลุกสติ ตามด้วยเสียงน่าเกรงขามของหมิ่นเสวียซือ “เปิดโรงศาล…นำจำเลยออกมา!”
บรรยายกาศในห้องโถงเงียบสนิท กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของห้องพิจารณาคดี ส่วนกู้ซินเถายืนอยู่ที่มุมล่างขวา เจ้าหน้าที่ด้านนอกนำตัวหลิวกุ้ยหย่งที่ถูกใส่กุญแจมือและเท้าเข้ามา
เดิมทีกู้ซินเถาคิดว่าเมื่อได้เจอหลิวกุ้ยหย่งอีกครั้ง นางหวังว่าร่างกายเขาจะเต็มไปด้วยรอยแผลและลมหายใจรวยริน แต่เมื่อนางเห็นใบหน้าของหลิวกุ้ยหย่งอีกครั้งกู้ซินเถาก็ยังตกใจ
นางเห็นว่าหลิวกุ้ยหย่งไม่เพียงแต่มีสีหน้าสดใสเท่านั้น แต่กลับยังดูมีชีวิตชีวามาก
ร่างกายสะอาดสะอ้าน ผมเผ้าถูกหวีอย่างพิถีพิถันสิ่งเหล่านี้ปลอมแปลงได้ แต่สีหน้านั้นไม่สามารถหลอกคนมองได้
นางเห็นความเปล่งปลั่งบนใบหน้าของเขา เพราะเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับแดดอันร้อนแรงมาหลายวัน ใบหน้าของเขาจึงใสขึ้นมองดูแล้วไม่เหมือนคนถูกขังอยู่ในคุก แต่เหมือนคนที่มีความสุขมาก
กู้ซินเถาตกตะลึง นางชี้ไปที่หลิวกุ้ยหย่งและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน “เจ้ากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? เจ้าถูกจับไว้ในห้องขัง เจ้าไม่ได้ถูกทรมานหรอกหรือ?”
“ท่านพี่หวังให้เขาถูกทรมานงั้นเหรอ? เช่นนั้นท่านพี่คงจะต้องผิดหวังแล้ว อาหารในเรือนจำของกองกำลังรักษาความสงบอร่อยมาก ครั้งที่แล้วข้าน้ำหนักเพิ่มมาไม่น้อยเลย อาหารที่นั่นอร่อยมากจริง ๆ สักวันหนึ่งหากท่านมีโอกาสท่านอยากจะลองหรือไม่ ข้ารับรองว่าท่านพี่จะต้องถูกใจแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่พูดจบ กู้ซินเถาก็ทำใบหน้าบูดบึ้งทำให้ผู้ชมด้านนอกหัวเราะออกมา นางไม่คาดคิดว่าองค์หญิงอันผิงจะไม่อายเลยว่าเคยถูกจับขังคุกมาครั้งก่อน
ดูเหมือนว่าอาหารในห้องขังของกองกำลังรักษาความสงบจะอร่อยมาก!
หมิ่นเสวียซืออดไม่ได้ที่จะหัวเราะและรู้สึกว่าการตัดสินคดีน่าจะสนุกไม่น้อยทีเดียว เมื่อเห็นว่าใต้เท้าหมิ่นหัวเราะ คนที่อยู่ด้านข้างก็รีบดึงแขนเสื้อของหมิ่นเสวียซือและกระซิบว่า
“ใต้เท้า ถึงเวลาตัดสินคดีแล้ว!”
เมื่อหมิ่นเสวียซือกลับมารู้สึกตัว เขาก็ทุบค้อนเรียกสติอีกครั้ง ทำให้เสียงกระซิบกระซาบในห้องโถงเงียบลง และหมิ่นเสวียซือก็พูดว่า “เงียบ! ห้ามส่งเสียงดังในห้องพิจารณาคดี ใครกำลังคุกเข่าอยู่ใต้ห้องโถง? รายงานชื่อของเจ้ามาเสีย?”
หลิวกุ้ยหย่งคุกเข่าลงบนพื้นพลางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานแล้วพูดว่า “ฉินเย่จือ ข้าเป็นคนรักขององค์หญิงอันผิง!”
แม้ว่าเขาจะรู้จุดประสงค์ของบุคคลนี้ แต่หมิ่นเสวียซือก็ต้องอ้าปากค้างหลังจากได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นหันขวับไปมองกู้เสี่ยวหวานแต่ก็เห็นนางนั่งนิ่งไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่สนใจอีกฝ่าย หมิ่นเสวียซือก็รู้และทุบค้อนเรียกสติอีกครั้ง “นี่คือองค์หญิงอันผิง หากเจ้าดูหมิ่นองค์หญิง เจ้าจะถูกตัดศีรษะ!”
หลิวกุ้ยหย่งคำนับ “ข้าน้อยคือฉินเย่จือคนรักที่องค์หญิงอันผิงกล่าวว่าจะรักตลอดไป ข้าน้อยใช้ชีวิตอยู่กับนางมาเก้าปี เราทั้งสองเป็นคู่รักในวัยเด็ก ใต้เท้า ท่านลองถามนางดูเถิด หากนางปฏิเสธนางก็ไม่ใช่คนอีกต่อไป นางยังสมควรเป็นองค์หญิงหรือไม่? สวรรค์ช่างตามืดบอดจริง ๆ ที่ปล่อยให้ผู้หญิงสำส่อนคนนี้กลายเป็นองค์หญิง…”