ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2125 เจ้ามันคนไร้ยางอาย
บทที่ 2125 เจ้ามันคนไร้ยางอาย
“บังอาจนัก!”
ครั้นเห็นถ้อยวจีของหลิวกุ้ยหย่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หมิ่นเสวียซือจึงรีบทุบค้อนเรียกสติและตะโกนเสียงดัง ทำให้หลิวกุ้ยหย่งหุบปากสนิท หากแต่ยังไม่วายตวัดสายตามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างขุ่นเคือง ดวงตาขุ่นเคืองของเขาราวกับต้องการมองทะลุกู้เสี่ยวหวานจะแหลกเป็นจุณ
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สนใจหลิวกุ้ยหย่งเลย ช่วงหลายปีที่ผ่านมากู้เสี่ยวหวานโตขึ้นไม่น้อย รูปร่างผอมเพรียวและสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากนับตามยุคปัจจุบันนางอาจสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้าแล้ว แต่ในบรรดาสตรีโบราณเหล่านี้นางถือว่าเป็นคนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ฉินเย่จือเองก็มีร่างกายสูงโปร่ง ยามพวกเขายืนเคียงคู่กันนั้นดูเหมาะสมมาก
ขาของกู้เสี่ยวหวานเรียวยาว ขาคู่นั้นซ่อนอยู่ภายใต้กระโปรงตัวยาว หลิวกุ้ยหย่งคุกเข่าห่างจากนางไม่ไกลทำให้มองเห็นรองเท้าปักลายที่ยื่นออกมาจากใต้กระโปรงนั้นได้ชัดเจน ทันใดทีหลิวกุ้ยหย่งคลานเข้าไปหาอีกฝ่าย เขาเข้ามาถึงด้านข้างของกู้เสี่ยวหวานอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเห็นว่าหลิวกุ้ยหย่งคลานมาถึงเท้าของกู้เสี่ยวหวานในพริบตา และเอื้อมมือเตรียมจับขากู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานหดขากลับมาด้วยความตกใจ นางทำอะไรไม่ถูกเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังมีพื้นที่ไม่มากทำให้นางไม่สามารถหนีไปได้ไกล การกระทำของเขาทำให้หญิงสาวเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของทุกคน หากเขาสัมผัสร่างกายนางได้แม้เพียงเล็กน้อย ครั้งแรกอาจจะไม่เป็นไร แต่หากมีครั้งต่อไปมันจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นได้! กู้เสี่ยวหวานแค่นยิ้มเย็นชา ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววเย็นเยือก
เมื่อเห็นการกระทำของหลิวกุ้ยหย่ง กู้ซินเถาก็ยิ้มอย่างมีชัยดูเหมือนว่าหลิวกุ้ยหย่งจะไม่ได้สารภาพอะไรออกมา และยังจำสิ่งที่ตนเองสอนได้! ครั้งแรกกู้เสี่ยวหวานสามารถหลบหลีกได้ มาดูกันว่าครั้งนี้จะหลบได้อีกหรือไม่ เมื่อเห็นใบหน้าซีดของอีกฝ่ายกู้ซินเถาก็ยิ้มอย่างมีชัย
ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็นเท้าเรียวยาวคู่หนึ่งที่กำลังจะถูกใครบางคนจับไว้ อาจั่วและอาโม่ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาจึงยกเก้าอี้ที่กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ขึ้นทันที
เดิมทีหลิวกุ้ยหย่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาชนะและเขาก็รู้สึกภูมิใจมาก เขาคิดว่ากู้เสี่ยวหวานไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้และไม่มีหนทางให้หลบหนี ดังนั้นเขาจะสามารถสัมผัสตัวนางได้อย่างแน่นอน
ใครจะรู้ว่าทันใดนั้นกู้เสี่ยวหวานและเก้าของนางจะถูกยกขึ้นในอากาศ หลิวกุ้ยหย่งเซไปด้านหน้าก่อนจะล้มหน้าคะมำ เนื่องจากออกแรงมากเกินไปจมูกของเขาจึงกระแทกกับพื้นทำให้เลือดสีแดงสดไหลออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันตลกมากแค่ไหน
อาโม่และอาจั่วยกเก้าอี้แล้วถอยไปด้านหลังสองก้าวก่อนจะวางลงอย่างช้า ๆ พวกเขาเห็นท่าทางที่น่าอายของหลิวกุ้ยหย่ง หากแต่ก็ไม่มีความตื่นตระหนกแต่อย่างไร กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ได้รู้สึกกลัวและมองภาพนั้นอย่างขำขัน “ในโรงศาลนี้ต่างเห็นกันทั่ว เจ้าว่าข้ากู้เสี่ยวหวานคนนี้จะหลงรักคนนิสัยไม่ดีอย่างเจ้าได้อย่างไร?”
ซูจือเยว่รุดมาถึงศาลาว่าการ วันนี้กู้เสี่ยวหวานต้องขึ้นโรงศาล เขาจึงมาที่นี่อย่างไม่ลังเล สิ่งที่เกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานทำให้เขาวิตกกังวลเหมือนมดบนกระทะร้อน โชคดีที่คนคนนั้นทำไม่สำเร็จ
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้ว ซูจือเยว่ก็ก้าวไปข้างหน้าและหยุดลงกลางห้องโถงพิจารณาคดี
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าซูจือเยว่ปรากฏตัว การที่เขาปรากฏตัวเช่นนี้ยิ่งทำให้กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวล ยิ่งซูจือเยว่ห่วงใยกู้เสี่ยวหวานมากเท่าไหร่ หมิงตูจวิ้นจู่ก็จะไม่ปล่อยกู้เสี่ยวหวานไป วันตายของนางใกล้มาถึงแล้ว
“ท่านใต้เท้าหมิ่น แม้ว่าข้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์หญิงอันผิงในวันนี้ แต่ข้าก็มีเบาะแสบางอย่าง และข้าต้องการให้ปากคำเพื่อให้รูปคดีเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และคงจะเป็นประโยชน์กับใต้เท้าในการพิจารณาคดี!” ซูจือเยว่กุมมือของเขาและกล่าว
หลังจากได้รับการอนุมัติจากหมิ่นเสวียซือแล้ว ซูจือเยว่จึงมองไปที่หลิวกุ้ยหย่งซึ่งนอนอยู่บนพื้นในสภาพดูไม่จืดและเยาะเย้ย “องค์หญิงอันผิงสง่างามและไม่มีใครเทียบได้ คนที่จะชนะใจนางได้ต้องเป็นคนหาตัวจับยากในใต้หล้า ด้วยรูปลักษณ์ของเจ้า เจ้าฝันเฟื่องหรือคิดจะมาเกาะองค์หญิงอันผิง?”
หลิวกุ้ยหย่งเป็นผู้มีประสบการณ์มาก่อน เขาไม่แม้แต่จะกล้าแย้งประโยคประชดประชันของคนตรงหน้า ตรงกันข้ามเขารู้สึกว่าการไม่ได้ถูกทรมานหรือถูกตีเลยในคุกต้องเป็นเพราะมีคนอยู่เบื้องหลังคอยปกป้องตนเองอยู่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากกว่าองค์หญิงอันผิง ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจกู้เสี่ยวหวาน เขาแค่ต้องการทำลายชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวานและทำงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
ทันใดนั้นเขาพูดประชดประชัน “นายน้อยรูปงามผู้นี้คือใคร ครั้งสุดท้ายท่านบอกว่าถ้านางเต็มใจอยู่กับท่าน ท่านก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ข้าก็บอกท่านแล้วว่ากู้เสี่ยวหวานคนนี้ไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว นางตามเทียวไล้เทียวขื่อข้าไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ตอนนั้นนางขืนใจข้าหลังจากที่ข้าตกเป็นของนางแล้ว ข้าก็ทำงานหนักขึ้นเพื่อครอบครัวนี้ สถานะปัจจุบันของนางในฐานะองค์หญิงอันผิง นางเป็นของข้า! ตอนนี้เมื่อนางได้ดีก็จะเขี่ยข้าทิ้งเพื่อจะได้แต่งงานกับคนที่ดี ฝันไปเถอะ! กู้เสี่ยวหวาน เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเรื่องการแต่งงาน ข้าจะทำลายชื่อเสียงของเจ้า นางแพศยา มาดูกันว่าใครจะยอมแต่งงานกับเจ้า!”
กู้ซินเถาอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับสุนทรพจน์อันยาวเหยียดของหลิวกุ้ยหย่ง ตั้งแต่ต้นจนจบสิ่งที่เขาพูดนั้นยอดเยี่ยมมาก กู้ซินเถายิ้มแย้มแจ่มใสและคิดว่านี่เป็นความผิดของกู้เสี่ยวหวานเอง
ใบหน้าของซูจือเยว่มืดมน “จริงหรือ? พึ่งพาเจ้า? เจ้าต้องการเกาะองค์หญิงแล้วเหตุใดถึงไม่ส่องกระจกดูตัวเองก่อนล่ะ แม้ว่านางจะไม่ใช่องค์หญิงอันผิง ข้าก็เชื่อนาง นางไม่มีวันชอบเจ้าอย่างแน่นอน!”
ซูจือเยว่เชื่อในตัวกู้เสี่ยวหวาน ยามมองมาที่กู้เสี่ยวหวานดวงตานั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่และความชื่นชม
หลิวกุ้ยหย่งหัวเราะเย้ยหยัน “นางไม่ชอบข้าหรือ? งั้นนางคงชอบเจ้าสินะ อย่าคิดว่าเพราะเจ้าดูดีแล้วนางจะชอบเจ้า นางเป็นหญิงหัวสูง ตอนนี้นางคือองค์หญิง นางไม่ชอบเด็กน้อยอย่างเจ้าหรอก!”
กู้ซินเถาเฝ้ามองจากด้านข้าง ไม่ต้องพูดถึงว่านางตื่นเต้นแค่ไหน ยิ่งหลิวกุ้ยหย่งพูดมากเท่าไหร่กู้เสี่ยวหวานก็จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น!
กู้เสี่ยวหวานชำเลืองมองหลิวกุ้ยหย่งและพูดเบา ๆ “ข้าไม่รู้จักเจ้า! ทุกสิ่งที่เจ้าพูดไม่ใช่ความจริง ใต้เท้าหมิ่นอยู่ที่นี่ดังนั้นเขาจะคืนความบริสุทธิ์ให้ข้า และนำคนที่ใส่ร้ายข้ามาลงโทษตามกฎหมาย!”
หลิวกุ้ยหย่งโกรธและลุกขึ้น “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ามันคนไร้ยางอาย ข้าเคยเห็นร่างกายของเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่รู้จักข้าเนี่ยนะ?”