ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2130 หลิวกุ้ยหย่งถูกเปิดโปง
บทที่ 2130 หลิวกุ้ยหย่งถูกเปิดโปง
ผู้คนในบริเวณรอบ ๆ ต่างตกตะลึง พวกเขาเหลือบมองกู้ซินเถาทีเหลือบมองชายอีกสามคนที สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความตกใจ ปากอ้ากว้างจนน้ำลายแทบจะไหลออก
หมิ่นเสวียซือก็ตกใจเช่นกัน นี่…
เมื่อครู่กู้ซินเถาบอกชัดเจนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ประพฤติตามศีลธรรมตามที่สตรีพึงมี แต่บัดนี้กลับมีชายสามคนปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาล้วนบอกว่าตนมีความสัมพันธ์กับกู้ซินเถา และหนึ่งในนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น…พวกเขามีสี่คนหรือ?
ยังไม่ทันที่ซุนซื่อจะหายจากอาการตกใจ นางจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าหมายจะต่อสู้กับชายสามคนนั้นอย่างสุดชีวิต “สารเลว พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอันใดอยู่ พวกเจ้าใส่ร้ายลูกสาวข้า ไร้สาระ ไร้สาระ!”
ชายสามคนนั้นไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่าตนเองถูกหลอก และไม่ปล่อยให้ซุนซีเอ๋อร์ด่าตนเองอยู่ฝ่ายเดียว “ยายเฒ่า เจ้าเลี้ยงดูลูกสาวมาดีจริง ๆ นางใช้ร่างกายมาล่อลวงชายหนุ่มตั้งแต่อายุยังน้อย! ผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนี้ข้าจะค่อยดูว่าใครจะแต่งงานกับนาง!”
“การกระทำของนางไร้ยางอายกว่าหญิงสาวในหอนางโลมพวกนั้นเสียอีก หญิงสาวเหล่านั้นถูกครอบครัวบังคับให้ขายเรือนร่าง นี่มัน…ไม่ใช่การขายเรือนร่างโดยสมัครใจหรอกหรือ?”
“ถุย! หญิงคนนี้ไร้ยางอายยิ่งนัก นางทำทุกอย่างเพื่อเงิน เช่นนี้มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“นางเอาแต่ด่าทอตำหนิองค์หญิงอันผิงว่าเจ้าชู้ประตูดิน แต่ตอนนี้กลับมีชายหนุ่มสามคนมาหานาง มันเท่ากับนางยกหินขึ้นมาแต่กลับทำหล่นทับขาตัวเอง*[1]ไม่ใช่หรือ!”
“นอกจากนี้ทั้งสองแม่ลูกคู่นี้ยังพูดถึงองค์หญิงในทางที่ไม่ดี ดูเหมือนว่าพวกนางจะโกหก! นางเคยติดคุกเพราะโลภในที่ดินขององค์หญิงอันผิง โชคดีที่ตอนนั้นแม้องค์หญิงอันผิงจะยังเด็กแต่ก็เฉลียวฉลาด นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาทำไม่สำเร็จ!”
“ถูกต้อง องค์หญิงอันผิงเป็นคนเฉลียวฉลาด ตอนเด็กนางเลี้ยงน้องทั้งสามคนมาโดยลำพัง พี่สาวคนโตเปรียบได้ดังมารดาผู้ให้กำเนิด เจ้าดูรูปลักษณ์ของนางสิ เกรงว่าพี่น้องของนางก็คงมีหน้าตางดงามเช่นกัน!”
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูด องค์หญิงทรงเลี้ยงดูน้องชายจนสอบได้ตำแหน่งจอหงวน ได้ยินมาว่าน้องสาวคนสุดท้องมีฝีมือด้านเย็บปักถักร้อย ตอนนี้ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเตรียมทำงานร่วมกับนางแล้ว! ข้าได้ยินมาว่าน้องชายอีกคนของนางนั้นฝึกฝนอยู่ในค่ายทหาร เขาจากครอบครัวไปหลายปีแล้ว ครอบครัวนี้ไม่ง่ายเลย!”
ผู้คนรอบด้านซุบซิบสนุกสนาน และได้รับการยืนยันว่ากู้ซินเถาทำทุกอย่างเพราะอิจฉากู้เสี่ยวหวาน และตอนนี้กู้ซินเถาก็นั่งแน่นิ่งอยู่บนพื้นพลางมองชายฉกรรจ์สามคนตรงหน้า ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย
มันจบแล้ว มันจบแล้ว…
ซื่อจื่อต้องรู้อยู่แล้วว่านางไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นซื่อจื่อ…
ไม่! นางไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นได้! ต่อให้ตายก็ยอมรับไม่ได้!
กู้ซินเถามองไปที่ชายทั้งสามด้วยสายตาว่างเปล่า ทันใดก็หลั่งน้ำตาออกมา “ฮือ… กู้เสี่ยวหวานเจ้าใจร้ายยิ่งนัก เจ้าให้คนเหล่านี้มาใส่ร้ายและทำลายความบริสุทธิ์ของข้าได้อย่างไร ฮึก เจ้าเองก็เป็นผู้หญิง เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าเจ้ากำลังพยายามบีบบังคับให้ข้าไปตายใช่หรือไม่ ท่านแม่ ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ข้าอยากตาย!”
หลังจากพูดจบ กู้ซินเถาก็ทำท่าจะวิ่งชนเสา เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ในที่สุดซุนซีเอ๋อร์ก็เข้าใจเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของลูกสาวและตะโกนว่า “เหลียงซื่อ ข้าคิดว่าเราสนิทสนมกันจึงบอกเรื่องนี้กับเจ้า และตอนนี้เจ้ากำลังช่วยกู้เสี่ยวหวานรังแกเราสองแม่ลูก กู้เสี่ยวหวาน เหลียงซื่อพวกเจ้าจะต้องไม่ตายดี ซินเถาลูกสาวของข้า อย่าทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้เลย!”
ซุนซีเอ๋อร์กอดกู้ซินเถาแน่นเพราะกลัวว่านางจะทำการหุนหันพลันแล่น สองแม่ลูกกอดกันกลมและร้องไห้อย่างขมขื่นด้วยท่าทางที่น่าสงสาร ราวกับกำลังบอกว่ากู้เสี่ยวหวานคือผู้ร้ายที่ใส่ร้ายพวกนาง
ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็วางถ้วยชาลง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและในที่สุดก็ลุกขึ้นยืน
เมื่อมองไปที่กู้ซินเถาและซุนซีเอ๋อร์ที่กำลังกอดกันกลม จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “จริงหรือ? ข้าใส่ร้ายพวกเจ้าหรือ? ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันวันนี้ว่าใครใส่ร้ายใครกันแน่!”
มือเรียวของกู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่หลิวกุ้ยหย่งที่อยู่ด้านข้าง “หลิวกุ้ยหย่ง เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”
หลิวกุ้ยหย่ง?
หลิวกุ้ยหย่งตกใจเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานรู้ตัวตนของตนเอง “เจ้าพูดอะไร? ข้าไม่เข้าใจ?”
“ไม่เข้าใจหรือ? ประเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเอง!” กู้เสี่ยวหวานกระตุกยิ้ม จากนั้นเห็นคนในชุดลำลองเดินเข้ามาทางประตู ตามด้วยเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศถือบางอย่างเข้ามา
เมื่อหลิวกุ้ยหย่งเห็นสองคนนั้น แข้งขาก็อ่อนลงด้วยความตกใจ เขามองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังมองหาทางหนี
เมื่อหมิ่นเสวียซือเห็นคนที่กำลังมา เขาก็เอ่ยอย่างเลื่อนลอย “ใต้เท้าอี้…”
เมื่อเห็นอี้อวิ่นปรากฏตัวก็คำนับกู้เสี่ยวหวาน พลางพูดว่า “อี้อวิ่นจากศาลาว่าการเมืองหลินคารวะองค์หญิงอันผิง…” จากนั้นเขาก็มองไปที่หมิ่นเสวียซือและพูดว่า
“ข้าขอแสดงความเคารพต่อใต้เท้าหมิ่น!”
“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” หมิ่นเสวียซือถามด้วยความสงสัย เพราะด้านหลังของเขายังมีเจ้าหน้าที่ตามมาอีกสองคน
“ใต้เท้า เหตุที่ข้ามาที่นี่ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องขององค์หญิงอันผิง! มีคดีลักทรัพย์เกิดขึ้นในเมืองหลินเมื่อสองสามวันก่อน และยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ โชคดีที่องค์หญิงอันผิงให้เบาะแสแก่เรา นั่นเป็นเหตุผลที่ข้านำเจ้าหน้าที่มาที่นี่เพื่อจับกุมอาชญากร!” อี้อวิ่นเป็นชายอายุประมาณสี่สิบปี มีรูปร่างผอมบาง แผ่นหลังตั้งตรง
“อาชญากร?” หมิ่นเสวียซือมองตามอี้อวิ่นไป และหยุดสายตาลงที่หลิวกุ้ยหย่ง “ท่านหมายถึงเขาหรือ?”
หลิวกุ้ยหย่งจะกล้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร เมื่อเห็นโอกาสก็เตรียมโกยอ้าว แต่อาโม่ที่จ้องอีกฝ่ายอยู่ไม่ละสายตารุดขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว พลางจับไหล่ของเขาแล้วดึงกลับเข้ามา
เมื่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่เบื้องหลังอี้อวิ่นเห็นก็รีบเดินไปข้างหน้ากดเขาลงกับพื้นทันที จากนั้นใส่โซ่ตรวนและมัดเขาไว้
“ปล่อยข้า ปล่อยข้า คุณหนูกู้ คุณหนูกู้ ท่านไม่ได้พูดหรือว่าตราบใดที่ข้าทำงานเสร็จจะช่วยข้า? ท่านรีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!”
หลิวกุ้ยหย่งพยายามดิ้นรนต่อสู้ และตะโกนอ้อนวอนกู้ซินเถาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อกู้ซินเถามองอีกฝ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเหมือนฝันร้าย จิตใจของนางสับสนวุ่นวายแล้วและยังคงคิดที่วิ่งเข้าหาความตาย นางมองไปที่หลิวกุ้ยหย่งที่ตะโกนใส่นางราวกับว่าเขาจะฉีกเนื้อนาง “ท่านพูดแล้ว ตราบใดที่ข้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่าข้าคือฉินเย่จือ ท่านจะจัดการเรื่องนั้นให้ข้าและยังบอกว่าในอนาคตกู้เสี่ยวหวานจะเป็นของข้า! เร็วเข้า ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย!”
[1] คิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง