ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2135 ฉินเย่จือมีตัวตนจริงหรือไม่
บทที่ 2135 ฉินเย่จือมีตัวตนจริงหรือไม่
ไฉ่เยว่มองไปที่ซูจือเยว่ที่อยู่ถัดจากกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ ซูจือเยว่เป็นชายหนุ่มรูปโฉมงาม มีความสามารถ ใบหน้าอันงดงามนั้นทำให้ผู้คนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น และจะไม่มีวันลืมความงดงามนี้
กู้ซินเถาเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานให้คนนำเสื้อมาสวมให้ตนก็คิดว่านางให้อภัยตัวเองแล้ว จึงรีบพูดว่า “เสี่ยวหวาน เจ้ายกโทษให้ข้าแล้วใช่หรือ? ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง นางคือ…”
ขณะที่กู้ซินเถากำลังจะเอ่ยชื่อ ทันใดนั้นก็มีเกิดอาการเจ็บคออย่างรุนแรง นางอยากจะเอ่ยมันออกมาแต่อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงในลำคอทำให้นางพูดไม่ออกเลย ยิ่งพยายามตะโกนมากเท่าไหร่ อาการเจ็บปวดในลำคอก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
เมื่อเห็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงของกู้ซินเถา กู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจได้ทันทีว่ากู้ซินเถากำลังจะพูดไม่ได้ไปอีกตลอดชีวิต อิ๋งชุนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองกู้ซินเถากุมลำคอและกรีดร้องอย่างเงียบ ๆ
ซุนซีเอ๋อร์เห็นว่าเมื่อครู่ชื่อเสียงของกู้ซินเถาถูกทำลายไป อีกทั้งตอนนี้ยังมาสูญเสียเสียงพูดไปอีก จึงเป็นลมล้มพับไปอีกด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสิ่งนี้ ไฉ่เยว่จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงอันผิง คนทำชั่วดาบย่อมคืนสนอง ดูสิ กู้ซินเถาคนนี้ทำร้ายท่านและตอนนี้สวรรค์กำลังลงโทษนางอยู่!”
หมิ่นเสวียซือขมวดคิ้ว เหตุใดอยู่ดี ๆ เสียงของกู้ซินเถาก็หายไป ตั้งแต่นางมาถึงที่นี่นางไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่ามีใครบางคนวางยานางก่อนที่จะมาที่นี่!
มันไม่มีประโยชน์ที่จะค้นหาว่าใครเป็นผู้วางยา จากนั้นเขาก็ถามกู้เสี่ยวหวาน
“องค์หญิงอันผิง ท่านว่า…”
หมิ่นเสวียซือไม่สามารถทำอะไรได้ แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานรับรู้ถึงความยากลำบากของเขา ตอนนี้นางได้รับการกอบกู้ชื่อเสียงแล้ว กู้ซินเถาก็ได้รับสิ่งที่นางสมควรได้รับเช่นกัน สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังแม้ว่ากู้ซินเถาจะไม่พูดอะไร แต่คิดว่านางไม่รู้เรื่องนี้งั้นเหรอ?
“นางไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปแล้ว เกรงว่าพวกเราคงไม่รู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ใบหน้าของไฉ่เยว่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และหลังจากได้ยินคำพูดต่อไปของกู้เสี่ยวหวาน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
“ขอยืมคำพูดของแม่นางไฉ่เยว่ คนทำชั่วดาบย่อมคืนสนอง ในวันนี้นางอาจไม่สามารถบอกได้ บางทีพรุ่งนี้ข้าอาจจะรู้ได้ด้วยตัวเอง คนที่ทำร้ายข้ามีความคิดชั่วร้าย เกรงว่าสวรรค์จะไม่ปล่อยมันไป สวรรค์กำลังเฝ้าดูอยู่ คนทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เจ้าคิดอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของไฉ่เยว่มืดมนและในที่สุดก็กระตุกยิ้มมุมปาก “ใช่แล้ว…องค์หญิงอันผิง…พูดถูก!”
ซูจือเยว่ไม่พูดอะไร มือที่วางอยู่บนแขนเก้าอี้ก็กำแน่น
การพิจารณาคดีสิ้นสุดลง ในที่สุดคดีความใส่ร้ายองค์หญิงอันผิงและทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงอันผิงก็ได้รับการคลี่คลาย กู้ซินเถาจึงถูกส่งเข้าคุกทันที ซุนซีเอ๋อร์ให้การเท็จก็ถูกคุมขังเช่นกัน
ชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวานนั้นสะอาดบริสุทธ์ ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดจึงเบนไปยังขอทานผู้นั้นและกู้ซินเถา และไม่มีใครกล้าพูดถึงกู้เสี่ยวหวานอีกเพราะเกรงกลัวในตำแหน่งของนาง
กู้เสี่ยวหวานจากไปด้วยความพึงพอใจ โดยมีซูจือเยว่ตามหลังออกไป เมื่อกู้เสี่ยวหวานกำลังจะขึ้นรถม้า ในที่สุดซูจือเยว่ก็รวบรวมความกล้าและถามออกมา “เสี่ยวหวานมีฉินเย่จือจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
เดิมทีได้ยินมาเพียงว่านางมีคนรัก แต่เขาไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน ตอนนี้ในที่สุดก็รู้ว่าคนรักของนางชื่อฉินเย่จือ ซูจือเยว่จึงถามออกมาเพื่อไขกระจ่างความสงสัยของตนเอง
ใครกันที่ทำให้ผู้หญิงแสนสวยคนนี้ตกหลุมรักได้
เดิมทีเขาคิดว่าผู้หญิงควรอยู่ในห้องส่วนตัวและได้รับการปกป้องมากกว่านี้ แต่ในวันนี้กู้เสี่ยวหวานได้คืนความบริสุทธิ์ของนางอย่างง่ายดายด้วยการพึ่งพาตัวเอง
แต่ฉินเย่จือก็ยังไม่ปรากฏตัว ถ้าเขาปรากฏตัว กู้เสี่ยวหวานจะสามารถล้างความบริสุทธิ์ของนางได้โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ
เขาไม่โผล่มาแสดงว่าเขาไม่มีอยู่จริงใช่ไหม? บางทีนางอาจจงใจทำสิ่งที่ไม่ดีเพื่อหลบเลี่ยงแม่สื่อเหล่านั้น?
ในที่สุดซูจือเยว่ก็เอ่ยปากถามด้วยความโหยหา
กู้เสี่ยวหวานหันกลับมามองซูจือเยว่และนิ่งเงียบไม่ตอบ “ในวันนี้ข้าเห็นว่านายน้อยซูดื่มชาหลานเสวี่ยไปไม่น้อย หลังจากที่ข้ากลับไปที่สวนชิง ข้าจะขอให้คนส่งไปที่จวนของท่าน!”
หลังจากพูดจบ นางก็ขึ้นรถม้าจากไป
ซูจือเยว่เฝ้ามองรถม้าที่แล่นออกไป สีหน้าของเขาไม่ได้เศร้าหรือมีความสุข ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็เพิ่มขึ้นจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจเขาราวกับว่ามีคนเลาะเอากระดูกสันหลังของเขาออก เขาจ้องไปที่ทิศทางที่รถม้ากำลังจากไปอย่างว่างเปล่า อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
เขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เหมือนสิงโตหินยืนอยู่ที่ประตูและเฝ้าดูทิศทางของรถม้าที่กำลังออกไป
ไฉ่เยว่กำลังหาข้อแก้ตัวและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังตลอดเวลา เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานจากไปแล้วก็ก้าวออกมา เมื่อเห็นว่าซูจือเยว่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น นางรู้สึกตื่นเต้นมากและรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของซูจือเยว่ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับความตื่นเต้นและความชื่นชม ก่อนจะเงยหน้าพูดว่า “นายน้อยซู ท่านยังไม่กลับไปหรือ?”
จากนั้นซูจือเยว่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งและมองไปที่สาวใช้ส่วนตัวของซูหมิ่น ความรักที่พยายามซ่อนในดวงตานั้นเปล่งประกาย ซูจือเยว่จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?”
“นายน้อยซู ท่านกับจวิ้นจู่จะแต่งงานกันในเดือนหน้า ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยซู ไฉ่เยว่จะรับใช้นายน้อยซูให้ดีที่สุดเหมือนรับใช้จวิ้นจู่!” ไฉ่เยว่พูดเสียงแผ่วก่อนจะสบตาของซูจือเยว่พร้อมกับน้ำเสียงชื่นชม
ซูจือเยว่รู้สึกขยะแขยงและแค่นยิ้มเย็น “รับใช้ข้า? เจ้านายของเจ้าพูดหรือ? หรือเจ้าบอกข้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้านายของเจ้ากัน!”
เมื่อไฉ่เยว่ได้ยินสิ่งนี้จึงหน้าซีดด้วยความตกใจ “ข้าน้อย… ข้าน้อย…จวิ้นจู่เป็นเจ้านายของข้าน้อย และหลังจากที่จวิ้นจู่และนายน้อยแต่งงานกัน ท่านก็จะเป็นเจ้านายของข้าน้อยด้วย ในฐานะบ่าวต้องทำหน้าที่รับใช้เจ้านายให้ดีที่สุด!”
ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูจือเยว่ เมื่อนึกถึงคำพูดดูถูกของนางที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานในโรงศาลก็ทำให้เขารังเกียจไฉ่เยว่มากยิ่งขึ้น