ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2138 เปลี่ยนห้องขัง
บทที่ 2138 เปลี่ยนห้องขัง
กู้ซินเถาไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงพูดเช่นนี้ พอคิดว่าจะสามารถเจอซูหลินได้จึงพยักหน้าอย่างแรง “เจ้าสามารถพบซื่อจื่อได้หรือไม่? ถ้าหากสามารถพบได้ เจ้าต้องการอะไร ข้าจะให้เจ้าหมด!”
ผู้คุมคนนั้นได้ฟังก็หัวเราะเสียงดังและพูดขึ้นมาว่า “ฮ่า ๆ สตรีเยี่ยงเจ้านี่ยังไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอีกหรือ ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าเหม็นโฉ่ยิ่งกว่ามูลในหลุมส้วมเสียอีก ซื่อจื่อจะพบเจ้าหรือ? อย่าว่าแต่เจ้าบริสุทธิ์สูงส่งเลย แค่ฐานะของเจ้านี้ ซื่อจื่อก็ไม่มีทางมาพบเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าเหม็นโฉ่เช่นนี้ยังหวังว่าซื่อจื่อจะมาพบเจ้า รอชาติหน้าเถอะ!”
ผู้คุมคนนั้นเปรียบเทียบกู้ซินเถากับมูลในหลุมส้วม กู้ซินเถาส่งเสียงอืออาด้วยความโกรธ ยื่นมือออกมาจากห้องขังบีบคอผู้คุมคนนั้น เมื่อครู่ผู้คุมคนนั้นเยาะเย้ยถากถางกู้ซินเถาตลอด จะไปรู้ได้อย่างไรว่ากู้ซินเถาจะดุร้ายขึ้นมาเช่นนี้ ด้วยความโกรธจึงปัดมือของกู้ซินเถาออกอย่างแรง พอยังไม่คลายโทสะก็เปิดประตูคุกถือแส้เปื้อนคราบเลือดในมือพลางคำรามอย่างชั่วร้ายว่า “เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
จากนั้นก็เฆี่ยนลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าบนใบหน้าและลำตัวของกู้ซินเถา ผู้คุมด้านหลังเห็นกู้ซินเถากรีดร้องด้วยท่าทางที่จนตรอก แต่ละคนก็หัวเราะฮ่า ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งเสียงของกู้ซินเถาอ่อนแรงลง ผู้คุมคนนั้นจึงพูดออกไปด้านนอกว่า “ช่างเถอะ เฆี่ยนเยอะขนาดนี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวจะเป็นการเอาชีวิตคนมาเสียเปล่า!”
ผู้คุมคนนั้นจึงหยุด ถือแส้ที่เต็มไปด้วยเลือดสดพันเอาไว้รอบเอว และก้าวไปข้างหน้าเตะกู้ซินเถาอย่างระบายโทสะ ด่าทอแล้วจึงจากไป
กู้ซินเถานอนขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายถูกเฆี่ยนจนปวดแสบปวดร้อน แต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดกายแค่ไหนก็ไม่เท่าความเจ็บปวดในใจของนาง
ในเพียงชั่วข้ามคืน ผู้ที่ตกลงมาจากที่สูง ที่แท้ก็เป็นนาง ที่แท้ก็เป็นนางเอง!
กู้ซินเถาอยากจะหัวเราะ แต่ว่าคอของนางไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้เลย ได้เพียงแต่ร้องไห้คร่ำครวญราวกับลูกแมว
ด้านนอกมีเสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานจากผู้คุมเหล่านั้น “หย๊า เจ้านี่ช่างร้ายกาจนัก!”
“พูดจาอะไรไร้สาระ นั่นเป็นความยินยอมของนางเอง เพียงแค่เปลี่ยนห้องขังให้นางก็เท่านั้น หัวหน้าผู้คุมขังก็ไม่เคยพูดว่าสองคนนี้ขังอยู่ด้วยกันไม่ได้!” นอกจากนี้ยังมีคนอายุมากหน่อยพูดอย่างอันธพาล
“เป็นอย่างไรบ้าง? หญิงแก่ผู้นี้รสชาติเป็นอย่างไร?”
“จะมีรสชาติอะไรได้ ก็หลวมจนหย่อนยานน่ะสิ!” คนผู้นั้นพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ฮ่า ๆ หลวมจนหย่อนยาน ก็ดีกว่ายังไม่เคยนะ ข้าเห็นว่าอายุนั้นมากไปหน่อยจนแก่เกินไป ในนั้นยังมีคนที่อายุน้อยนะ รูปร่างหน้าตาไม่เลว ราคาก็ถูกกว่าพ่อม่ายอย่างเจ้าแล้ว!”
“จริงรึ?” คนผู้นั้นถามอย่างสงสัย
“จริงแท้แน่นอน สตรีเช่นนั้นพวกข้ายังดูกันไม่ออกเลย ได้ยินว่าเคยผ่านบุรุษมาไม่น้อยเชียว! เจ้าวางใจเถอะ พวกข้าไม่มีทางบอกหัวหน้าผู้คุมขังแน่นอน ขอเพียงเจ้าเอาเหล้ามาเพิ่มให้พวกข้าอีกไหก็พอ! ได้หรือไม่?”
“ได้! เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า….”
เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยที่ฟังไม่เข้าหูดังมาจากด้านนอก กู้ซินเถาขดตัวอยู่บนพื้นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ไม่ขยับเขยื้อนราวกับว่าตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นห้องขังก็เปิดจากด้านนอก ได้ยินเพียงเสียงตกใจของซุนซีเอ๋อร์ “ซินเถา ซินเถา…”
กู้ซินเถาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้นก็อยากลืมตาขึ้นมาดู แต่กลับจนปัญญาเพราะว่าแส้นั้นเฆี่ยนบนใบหน้าตัวเอง พอลืมตาขึ้นก็เจ็บปวดมาก
“ลูกที่น่าสงสารของข้า พวกเขาตีเจ้าจนกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร! ซินเถา ซินเถา มานี่เร็ว ตรงนี้มีเนื้ออยู่ เจ้ารีบลุกขึ้นมากินเร็ว!”
กลิ่นหอมของเนื้อโชยเตะจมูก กู้ซินเถาไม่ได้กินอิ่มติดต่อกันหลายวันแล้ว นับประสาอะไรกับการกินเนื้อ ตอนนี้ได้กลิ่นหอมของเนื้ออยู่ตรงจมูก นางไม่คิดอะไรก็อ้าปากเอาเนื้อเข้ามาในปากของนาง
แม้ว่าจะเจ็บปวดใบหน้ามากเวลาที่กัดเนื้อ แต่ว่ากู้ซินเถาก็ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น นานมากแล้วที่ไม่ได้กินเนื้อที่นางอยากกิน
พอกินเนื้อติดต่อกันได้หลายชิ้น กู้ซินเถาก็มีแรงขึ้นแล้วจึงลืมตาด้วยความยากลำบาก ในปากคร่ำครวญตะโกนเรียกซุนซีเอ๋อร์
เสียงของกู้ซินเถาไม่มีแล้ว แม้ว่าจะตะโกนเรียกออกมาก็ส่งเสียงได้แค่อ่า แต่ซุนซีเอ๋อร์เห็นรูปปากของนางว่ากู้ซินเถากำลังเรียกนางว่าท่านแม่อย่างชัดเจน!
ซุนซีเอ๋อร์ไม่ได้ยินกู้ซินเถาเรียกตัวเองว่าท่านแม่มานานแล้ว ถึงแม้ว่านี่จะเป็นคุกใต้ดินที่มืดมิด แต่นางก็ยังซาบซึ้งจนน้ำตาไหลออกมา “ซินเถา พวกเราดูแลบาดแผลให้ดี รอจากนั้นไม่นาน พวกเราก็ออกไปหาสถานที่ที่คนไม่รู้จักพวกเรา พวกเราสองคนพึ่งพาอาศัยกันและเริ่มต้นกันใหม่ ไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่เจ้าไม่ต้องกลัว!”
ซุนซีเอ๋อร์ปลอบด้วยเสียงที่นุ่มนวล เมื่อกู้ซินเถาได้ยินก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาว่า ‘อ่า’ ซุนซื่อมองบุตรสาวที่ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ก็ปิดปากร้องไห้สะอึกอะอื้นขึ้นมา
“ซินเถาเอ๋ย เมืองหลวงนี้ไม่ใช่ที่ที่พวกเราควรมาเลย เจ้าติดตามหมิงตูจวิ้นจู่ใส่ร้ายกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานนั้นฉลาดตั้งแต่เด็ก พวกเราจะทำสำเร็จได้อย่างไร เจ้าดูพวกเราตอนนี้สิ…” ซุนซีเอ๋อร์คร่ำครวญด้วยความเสียใจ “ตอนนี้ไม่รู้ว่าพ่อเจ้า พี่ชายเจ้า พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ไม่รู้ว่า…จะมากันหรือไม่…”
พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองอยากพูด ซุนซีเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ ตอนนี้กู้ฉวนลู่ผู้นี้นางยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
กู้ซินเถาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น กู้ฉวนลู่จะช่วยเหลือพวกนางทั้งสองหรือ? ซุนซีเอ๋อร์งุนงงมากไม่รู้อะไรเลย
กู้ซินเถาไม่สามารถพูดได้ซุนซีเอ๋อร์จึงกอดนาง ทั้งสองร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ภายในคุกใต้ดินที่มืดมิดและอับชื้นนี้ เสียงคร่ำครวญร้องไห้ของกู้ซินเถานั้นแหบแห้ง ยิ่งทำให้ดูหนาวเย็นและคับแคบมากขึ้น
หลังจากที่กู้ฉวนลู่ออกจากหน้าประตูสวนชิงไปแล้ว เขาก็กลับไปที่บ้านหลังใหญ่ในทันที แต่พอเคาะประตูด้านในกลับไม่เปิด เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินเสียงคนพูดคุยอยู่ข้างใน แต่คนที่อยู่ข้างในก็ไม่มาเปิดประตู
ด้วยความโกรธกู้ฉวนลู่จึงยืนอยู่ตรงประตูคิดอยากจะด่าทอ แต่ว่าคนของที่นี่กลับเป็นซื่อจื่อที่หามา ถ้าหากตัวเองรีบร้อนพูดอะไรที่ไม่ควรพูดจนไปถึงหูซื่อจื่อเข้า เช่นนั้นก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้ว
ในตอนนี้ควรรีบไปหาซื่อจื่อและบอกว่าเรื่องที่กู้ซินเถาและซุนซีเอ๋อร์ทำเหล่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเขาและไม่เกี่ยวข้องกับกู้จือเหวิน
กู้จือเหวิน?
พอนึกถึงกู้จือเหวิน กู้ฉวนลู่ก็รีบวิ่งไปหากู้จือเหวินที่กรมคลัง แต่กลับได้รับแจ้งว่าวันนี้กู้จือเหวินไม่ได้ไป กู้ฉวนลู่นึกถึงตัวเองที่ไปกรมคลังหลายครั้ง ต่างก็บอกว่าไม่มีคนผู้นี้อยู่ ตอนนี้ก็ค่อนข้างแปลกใจแล้ว
กู้จือเหวินไม่ได้ทำงานอยู่ที่กรมคลัง แล้วเขาจะไปที่ใด?