ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2142 เป็นขอทาน
บทที่ 2142 เป็นขอทาน
ร่างกายของกู้ฉวนลู่เต็มไปด้วยรอยถูกทุบตีจนเจ็บระบม เฝ้ามองดูค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน สองเท้าเดินเตร็ดเตร่ไร้จุดหมายพร้อมสัมภาระบนบ่า เวลานี้เขากลายเป็นคนไร้บ้านอย่างสมบูรณ์…
ชายวัยกลางคนไม่มีบ้านให้กลับ ถูกลูกชายอันเป็นที่รักเมินเฉยและขับไล่ออกจากบ้าน ลูกสาวและภรรยาต่างถูกคุมขังอยู่ในคุก พวกนางจะออกมาจากสถานที่แบบนั้นได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่อาจรู้ได้
ต่อให้พวกนางออกมาได้ เขาก็จะหย่ากับซุนซีเอ๋อร์และเฉดหัวกู้ซินเถาออกจากบ้าน จะปฏิบัติกับลูกสาวที่ไร้ยางอายเช่นนี้ราวกับว่าเขาไม่เคยให้กำเนิดนางมาก่อนในชีวิต
แม้จะบอกว่าสัมภาระ แต่แท้จริงแล้วมีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ตัวเท่านั้นเอาไว้ผลัดเปลี่ยน กู้จือเหวินไม่ให้เงินเขาแม้แต่เหรียญในการดำรงชีวิต ตอนนี้เขาทั้งหิวและเหนื่อย เวลานี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองหาสหายในอดีต แต่ไม่คาดคิดว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าออกมารับเขา แม้ว่าไฟข้างในจะสว่างไสว หากแต่เมื่อได้ยินเสียงเสียงของกู้ฉวนลู่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
กู้ฉวนลู่เป็นคนหยิ่งผยองจะแบกรับความคับข้องใจเช่นนี้ได้อย่างไร เขาสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธและหมุนกายจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
นับตั้งแต่ก้าวออกมาจากบ้านจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เขาเดินเตร่ไปเรื่อยไม่ได้พักเท้า ค่ำคืนอันยาวนานกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับกู้ฉวนลู่ เป็นครั้งแรกที่กู้ฉวนลู่เข้าใจความรู้สึกของการถูกญาติมิตรทรยศหักหลัง
หลังจากอยู่กับกลุ่มขอทานทางตะวันตกของเมืองเป็นเวลาเจ็ดวัน ชายคนหนึ่งมาหากู้ฉวนลู่ เมื่อเห็นแท่งเงินในชามขอทานของเขา กู้ฉวนลู่ก็ตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ไปขอทานเหมือนคนอื่น ๆ จึงรีบหยิบมันขึ้นมากัด
แท่งเงินก้อนนี้แข็งหลังจากที่กู้ฉวนลู่กัดดูแล้วก็รีบยัดเงินซ่อนไว้ในอก เพราะกลัวคนที่ให้จะรู้สึกเสียใจภายหลัง แต่การกระทำของเขาช่างเหมือนขอทานจริง ๆ กู้ฉวนลู่พนมมือและอธิษฐานไม่หยุด
“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอให้พระโพธิสัตว์อวยพรท่าน ขอให้ท่านอายุยืนยาว อายุยืนยาว!”
“ข้าไม่จำเป็นต้องมีชีวิตยืนยาว ขอเพียงให้กิจการของข้าเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งก็พอ!” เสียงเจือหัวเราะอันคุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะของเขา กู้ฉวนลู่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ และพบเถ้าแก่เซี่ยวยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“…เซี่ยว เถ้าแก่เซี่ยว เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่?” สภาพของกู้ฉวนลู่มอมแมมดูไม่ได้ แม้แต่ท่าทางก็เหมือนขอทานคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ล้างหน้ามานานแล้ว และอาศัยอยู่ในวัดรกร้างแห่งหนึ่ง
เถ้าแก่เซี่ยวเห็นความยากลำบากของกู้ฉวนลู่ และพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายกู้ ช่างหาตัวยากเสียจริง!”
“หาตัว…? หมายความว่าอะไรงั้นหรือ?” กู้ฉวนลู่ไม่เข้าใจความหมายของเถ้าแก่เซี่ยว ครั้งแรกที่พบกันเถ้าแก่เซี่ยวไม่ได้แสดงความเมตตาต่อตนเองแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เถ้าแก่เซี่ยวกลับมองเขาด้วยความเคารพ ปราศจากความเย่อหยิ่งจองหอง เป็นไปได้ไหมว่า…
กู้ฉวนลู่ไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้แต่ปิดปากเงียบ เขาทำได้เพียงจ้องมองเถ้าแก่เซี่ยวอยู่อย่างนั้น
“คุณชายกู้ ข้าตามหาท่านมานานแล้ว” เถ้าแก่เซี่ยวประคองกู้ฉวนลู่ขึ้นมาโดยไม่คำนึงถึงสถานะระหว่างพวกเขา และตำหนิตัวเอง “วันนั้นที่ข้าไม่ให้ท่านเจอซื่อจื่อ แต่หลังจากนำเรื่องนี้รายงานต่อซื่อจื่อแล้ว เขาบอกว่าข้าไม่ควรตัดสินใจไล่ท่านออกจากบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องที่กู้ซินเถาและซุนซื่อทำไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณชายกู้เลย! เฮ้อ…”
เถ้าแก่เซี่ยวจับมือกู้ฉวนลู่ พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดออกมาเช็ดฝุ่นให้กู้ฉวนลู่ “ซื่อจื่อสั่งให้ข้าตามหาท่าน แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน หากข้ากลับไปโดยเปล่าประโยชน์ ซื่อจื่อก็คงตำหนิข้าเป็นแน่ ซื่อจื่อไม่ฟังคำของข้าแม้แต่คำเดียว และยังสั่งให้ข้าตามหาท่านต่อโดยบอกว่าถ้าไม่พบจะฆ่าข้าทิ้ง โชคดีที่สวรรค์เข้าข้าง และข้าก็พบท่านในที่สุด!”
เมื่อได้ยินว่าซื่อจื่อกำลังตามหาตนเอง กู้ฉวนลู่ก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง “เหตุใดซื่อจื่อถึงตามหาข้ากัน? ภรรยาและลูกสาวของข้าทำผิดร้ายแรง ข้าประมาทเลินเล่อในการดูแลพวกเขา ไม่สั่งสอนให้ดี ข้าละอายใจต่อบรรพบุรุษจริง ๆ! ข้าไม่มีหน้าไปพบซื่อจื่ออีกครั้ง…”
ขณะที่กู้ฉวนลู่พูดน้ำตาพลันไหลออกมาจากหางตาราวกับว่าเขากำลังโทษตัวเอง และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นสิ่งนี้เถ้าแก่เซี่ยวจึงรีบพูดว่า “คุณชายกู้ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรทำเช่นนั้น ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรพูดแบบนั้นกับท่าน ไม่ต้องกังวล ข้าจะพาท่านกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทานอาหารมื้อใหญ่ แล้วข้าจะพาท่านไปพบซื่อจื่อ ซื่อจื่อเป็นคนใจกว้าง การที่กู้ซินเถาและซุนซื่อใส่ร้ายเขาไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน ไม่ต้องกังวล ซื่อจื่อจะไม่เหมารวมอย่างแน่นอน!”
ความสงสัยในใจของกู้ฉวนลู่คลายลง กู้จือเหวินรู้ได้อย่างไรว่าเขาและเถ้าแก่เซี่ยวคุยอะไรกัน เหตุใดเขาถึงถูกกู้จือเหวินไล่ออกมาและยังบอกว่าซื่อจื่อเป็นคนพูด
นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าซื่อจื่อให้อภัยเขาจริง ๆ หรือไม่?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ กู้ฉวนลู่ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาใช้ชีวิตเป็นขอทานมาหลายวันแล้ว แต่ออกไปเช้าและกลับดึกดื่น กู้ฉวนลู่ก็กำลังจะยอมรับว่าเขาเป็นขอทาน โชคดีที่ตราบใดยังมีซื่อจื่ออยู่ เขาก็ยังมีโอกาสที่จะลุกขึ้นได้
เถ้าแก่เซี่ยวสวมเสี้อผ้าสีขาวที่หรูหราและดูเหมือนคนรวย เมื่อผู้คนที่อยู่รอบ ๆ กู้ฉวนลู่เห็นว่าบุคคลดังกล่าวจะพากู้ฉวนลู่ออกไป ดังนั้นพวกเขาจึงกรูกันเข้ามา “ท่านพี่ใหญ่ คนคนนี้คือใคร? มองแวบแรกบอกได้เลยว่ารวยมาก ท่านพี่ใหญ่ ถ้าท่านประสบความสำเร็จแล้วอย่าลืมเรานะ!”
นี่เป็นครั้งแรกของกู้ฉวนลู่ที่ต้องมาใช้ชีวิตอย่างขอทาน และแน่นอนว่าเขาไม่รู้จะทำอย่างไร เดิมทีอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เขาดูถูกมากที่สุด แต่เขาต้องก้มหัวอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับพวกขอทานเหล่านั้น
โชคดีที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เขามีประสบการณ์ ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมาเขาจึงได้รับเงินจำนวนหนึ่งที่พอจะเลี้ยงดูตัวเองได้โดยไม่อดตาย ตอนนี้เขาได้รับการชื่นชมจากซื่อจื่ออีกครั้ง เมื่อคิดถึงอดีตอันน่าหดหู่ของตัวเองใบหน้าของกู้ฉวนลู่เปลี่ยนไปทันที หลังจากเยาะเย้ยตนเองแล้ว เขาก็รีบเดินตามเถ้าแก่เซี่ยวไป
เถ้าแก่เซี่ยวเห็นขอทานสองสามคนที่ยังคงติดตามเขาอย่างใกล้ชิด และพูดอย่างมีความหมาย “คุณชายกู้ จากนี้ไปโปรดอย่าคบค้ากับคนเหล่านี้อีกเลย ท่านเป็นคนมีสถานะแตกต่างจากพวกเขา!”