ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2143 เจ้าต้องระวังคำพูด
“ข้ารู้ข้ารู้ ท่านไม่ต้องกังวล เถ้าแก่เซี่ยว ข้าจะไม่คบหาสมาคมกับคนพวกนี้อีกแล้ว” กู้ฉวนลู่รู้สึกอับอายขายขี้หน้าไม่น้อยที่ถูกขอทานพวกนี้ติดตามมา
เถ้าแก่เซี่ยวพากู้ฉวนลู่ไปที่บ้านของตนเอง หลังจากชำระร่างกายจนสะอาดสะอ้านก็พบกับอาหารละลานตา กู้ฉวนลู่ไม่ได้กินอาหารเลิศรสมานานแล้ว เขากินมันจนไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งอื่นในท้อง เมื่อกินอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วก็เรอออกมา
เมื่อกินอิ่มจนพอใจแล้ว เถ้าแก่เซี่ยวก็เข้ามา กู้ฉวนลู่รีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เถ้าแก่เซี่ยว ท่านจะพาข้าไปหาซื่อจื่อเมื่อไร!”
เถ้าแก่เซี่ยวจัดเสื้อผ้าบนร่างกายให้เรียบร้อยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อน!”
“จะไม่ให้ข้ารีบร้อนได้อย่างไร ครั้นนึกถึงนางแพศยาสองคนที่ทำกับซื่อจื่อแบบนี้ ข้า…ก็รู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้ซื่อจื่อยกโทษให้ข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ต้องไปขอโทษและขอบคุณซื่อจื่อ!” กู้ฉวนลู่สรุปว่าตราบใดที่ได้พบซูหลิน จะต้องมีที่ว่างให้เขากลับมายืนได้อย่างสง่าผ่าเผย!
เถ้าแก่เซี่ยวเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของกู้ฉวนลู่ พลันปลอบใจด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “คุณชายกู้ แม้ว่าซื่อจื่อจะบอกว่าเขายกโทษให้ท่านแล้ว แต่การที่ภรรยาและลูกสาวของท่านทำสิ่งที่น่ารังเกียจนั้นส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของซื่อจื่อ สำหรับซื่อจื่อแล้วคำขอโทษและคำขอบคุณไม่สำคัญ หากต้องการพบเขา ท่านก็ควรแสดงความจริงใจออกมา”
“ความจริงใจ? เช่นนั้นเจ้าควรแนะนำทีเถอะว่าข้าควรทำอย่างไร” กู้ฉวนลู่รีบตบอกและพูดอย่างมั่นใจ เพราะหากกลัวว่าตนเองกระทำการล่าช้าไป เถ้าแก่เซี่ยวจะนำเรื่องไปบอกซูหลิน
“ไม่ต้องห่วง อย่างไรเสียท่านก็เพิ่งมาถึงที่นี่ และก่อนหน้านี้ท่านก็ได้รับความลำบากมามาก ท่านควรพักผ่อนให้หายเหนื่อยเสียก่อนแล้วข้าจะมาหาท่านอีกครั้งเมื่อร่างกายท่านฟื้นตัวแล้ว!” หลังจากพูดจบเถ้าแก่เซี่ยวก็ลุกขึ้นเดินจากไป กู้ฉวนลู่กระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน เมื่อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไป
“คุณชายกู้ ช่วงนี้พักผ่อนก่อนเถอะ!” แต่กลับพบเข้ากับฉางหยวนที่หยุดเขาไว้
หลังจากพูดจบทั้งสองก็เดินจากไป กู้ฉวนลู่ได้แต่มองดูเถ้าแก่เซี่ยวเดินจากไปอย่างทำอะไรไม่ได้ หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจและรู้สึกเหมือนพลาดโอกาสที่จะได้เจอซูหลินอีกครั้ง
หากเถ้าแก่เซี่ยวไม่ต้องการให้เขาพบซื่อจื่อ กู้ฉวนลู่รู้ตัวว่าตนเองอาจไม่ได้เจอซูหลินอีกตลอดชีวิต
……
ช่วงเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานยุ่งอยู่กับเรื่องของกู้ซินเถา จึงทำให้ตนเองไม่ค่อยได้ไปที่ร้านจิ่นฝู แต่ตอนนี้เริ่มมีเวลาว่างแล้วจึงวางแผนที่จะไปยังร้านจิ่นฝู กู้เสี่ยวหวานไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับใคร และตรงไปร้านจิ่นฝูทันที เมื่อลงจากรถม้าบริเวณหน้าประตูก็เห็นกู้ฟางสี่กำลังวุ่นวายอยู่ในร้านจิ่นฝู
“ท่านอา…” กู้เสี่ยวหวานขานเรียก
กู้ฟางสี่หันกลับมาตามเสียงเรียก เห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวานใบหน้าของนางดูเขินอายเล็กน้อย กู้ฟางสี่หยุดลงและคลี่ยิ้ม “เสี่ยวหวาน เจ้า…เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
กู้เสี่ยวหวานคิดว่ากู้ฟางสี่มาที่ร้านจิ่นฝูเพราะปัญหาของรายการอาหารใหม่ จึงถามว่า “ท่านอา พ่อครัวยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารใหม่ที่ข้าค้นคว้าครั้งล่าสุดหรือ?”
“พวกเขาเรียนรู้ได้ดีทีเดียว” กู้ฟางสี่โพลงออกมา
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นท่านมา…” กู้เสี่ยวหวานไม่เข้าใจ ปกติแล้วกู้ฟางสี่จะไม่ค่อยออกจากบ้าน หากจะออกนางจะต้องบอกตนเองก่อน
เป็นเรื่องยากที่พวกเขาทั้งสองจะได้พบกันที่ทางเข้าของร้านจิ่นฝู ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่กู้ฟางสี่ก็เอาแต่ยิ้มและไม่พูดอะไร กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเดินตามกู้ฟางสี่เข้าไปในร้าน
กู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องครัวก่อนอันดับแรก และได้ชิมอาหารใหม่ที่พัฒนาขึ้นในครั้งล่าสุด ฝีมือของพ่อครัวร้านจิ่นฝูดีมากและพอใจกับรสชาติอาหาร ดังนั้นนางจึงกลับไปที่ห้องรับรอง
หลี่ฝานกำลังชงชารอกู้เสี่ยวหวาน โดยที่คุณชายเฉิงยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัวคุณชายเฉิงก็โค้งคำนับด้วยความชื่นชมบนใบหน้า “องค์หญิง…”
“เสี่ยวหวาน มาเร็ว มาชิมชาโซ่วเหม่ยที่ข้าเพิ่งได้มาใหม่เถอะ” หลี่ฝานเอ่ยอย่างตื่นเต้น เมื่อได้พบกู้เสี่ยวหวานอีกครั้งหลี่ฝานก็รู้สึกว่าความทุกข์ทรมานในวันนี้คุ้มค่าแล้ว
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนแบบไหนและใครปกป้องนางอยู่ข้างหลังเขานั้นรู้ชัดเจนที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความกังวลเรื่องนี้มาก แต่ก็ยังโกรธอยู่ดีที่ต้องเข้าไปพัวพันกับคนพวกนี้
กู้เสี่ยวหวานนั่งลงและยกชาขึ้นจิบ “รสชาติดีมาก เป็นชาที่ดี!”
“เจ้า…เจ้าไม่ต้องเอาใจข้า ไม่ว่าชาของข้าจะดีแค่ไหน แต่เมื่อข้าจะส่งไปให้เจ้า ทำไมเจ้ากลับไม่ต้องการมันเล่า?” หลี่ฝานพูดติดตลก “ทำไมเจ้าถึงปฏิบัติต่อชาหลานเสวี่ยราวกับสมบัติล้ำค่าอย่างนั้นล่ะ?”
“มันเป็นแค่ชาที่เก็บมาจากไร่ชาในชนบท ข้าชินกับการดื่มชาแบบนั้น ชาอื่น ๆ ก็…” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ตามเหตุผลชาของท่านเป็นชาชั้นยอด แต่ดื่มแล้วยังรู้สึก…”
“เจ้ายังคิดว่ามันไม่ดีเท่าชาของเจ้าใช่ไหม?” หลี่ฝานกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
“มันช่างน่าแปลกจริง ๆ” กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างเขินอาย
“ไม่มีเรื่องใดแปลกหรอก เจ้าเองคงเคยดื่มชามาก่อน เจ้าเคยเจอชาที่มีรสชาติเหมือนกับชาของเจ้าหรือไม่?” หลี่ฝานรู้สึกว่าเป็นการดีถ้าจะเปิดเผยบางอย่างกับกู้เสี่ยวหวานทีละนิด
“ยังไม่มีเจ้าค่ะ แม้แต่อวี้ซูก็ยังรู้สึกแปลกใจที่ชาที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนี้จะมีรสชาติดีกว่าชาในวัง” กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ข้าเคยดื่มชานั้นอยู่สองสามครั้งและรสชาติของมันก็ดี ๆ จริง ในแง่ของรสชาติเพียงอย่างเดียวอาจกล่าวได้ว่าเป็นชาชั้นดี ข้ายังสงสัยด้วยว่าเสี่ยวฉินซื้อชาชั้นดีแบบนี้มาจากไหน? เสี่ยวหวาน เจ้าไม่แปลกใจบ้างหรือ?”
การเคลื่อนไหวมือของกู้เสี่ยวหวานหยุดชะงัก
เมื่อเห็นว่านางเงียบไป หลี่ฝานก็เริ่มหัวเราะ “มามามา ดื่มชากันเถอะ หลังจากดื่มชาแล้วค่อยมาดูสมุดบัญชีกัน แล้วดูว่าความสามารถของคุณชายเฉิงพัฒนาขึ้นหรือไม่!”
หลังจากตรวจสอบบัญชีที่คุณชายเฉิงคำนวณ กู้เสี่ยวหวานก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมคุณชายเฉิง “การคำนวณบัญชีของท่านดีขึ้นเรื่อย ๆ รายจ่าย รายรับ กำไรและการขาดทุนทุกเดือนล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อยและชัดเจน ทำได้ดีมาก!”
คุณชายเฉิงรีบพูดอย่างถ่อมตน “องค์หญิงเป็นคนสอนทุกอย่างแก่ข้า หลายปีมานี้ข้าน้อยยังไม่รู้ว่าในโลกนี้มีวิธีการที่เรียบง่ายแต่คำนวณออกมาได้ละเอียดเช่นนี้อยู่ ช่างน่าทึ่งจริง ๆ!”
หลี่ฝานมาส่งกู้เสี่ยวหวานไปที่ประตู เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่ารถม้าของท่านอาอยู่ที่นี่จึงถามขึ้น “ช่วงนี้ท่านอาของข้ามาที่นี่บ่อยงั้นหรือ?”